สุภาพบุรุษลูกทุ่ง ‘ยอดรัก สลักใจ’ แขวนเดี่ยว ‘พระสมเด็จเกศไชโย’

พระสมเด็จเกศไชโย ของยอดรัก
อีกหนึ่งคนดังของวงการ “เพลงลูกทุ่ง” ที่โด่งดังมาร่วม ๓๐ ปีเพราะเขาคือ “ยอดรัก สลักใจ” ซึ่งแม้ชื่อเสียงโด่งดังยังไงแต่ก็เป็น “นักร้องลูกทุ่งดัง” ที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายทั้งที่ก่อนจะมีชื่อเสียงใช้ชีวิตที่ “โลดโผน” ไม่น้อยตามสังคมที่ไปสัมผัสแต่ก็อาศัยความเป็นคนที่รู้จักและศรัทธา “คุณพระคุณเจ้า” ชีวิตจึงผ่านพ้น“ความเลวร้าย” หลาย ๆ เรื่องมาได้กระทั่งก้าวสู่วงการเพลงลูกทุ่งพร้อมสร้างชื่อให้ตัวเองด้วยเพลง “จดหมาย จากแนวหน้า” ชีวิตจึงพลิกผันจากเด็กหนุ่มผู้นิยม “ชกต่อยตีรันฟันแทง” หันมาเป็น “นักร้องยอดนิยม” ที่หลังจากเพลงแรก “จดหมายจากแนวหน้า” สร้างชื่อนำร่องเป็นที่รู้จักต่อแฟนเพลงแล้วเพลงที่สองและเพลงที่สามอย่าง “ทหารเรือมาแล้ว” และ “๓๐ ยังแจ๋ว” ก็สร้างชื่อให้ “ยอดรัก” กลายเป็นนักร้องยอดนิยมเคียงคู่กับ “สายัณห์ สัญญา” มาร่วม ๓๐ ปี
ส่วน “คุณพระคุณเจ้า” แบบใดที่ “ยอดรัก” รู้จักและศรัทธาแน่นอนชีวิตของ “เด็กลูกทุ่ง” แห่งเมืองพิจิตรอย่างเขารู้จักย่อมหนีไม่พ้น “เกจิอาจารย์” แล้วตามด้วย “พระเครื่อง” เพราะพออายุได้เพียง ๑๑ ขวบก็ต้องหนีเรียนเพราะเป็นผู้มี “พรสวรรค์” ด้านร้องเพลงจึงติดตามคณะ “รำวง” แถวบ้านเป็น “กองเชียร์” ที่ทั้งตีกลองตีฉิ่งพร้อมร้องเพลงไปตามงานรื่นเริงต่าง ๆ ร่วม ๑๐ ปี ชีวิตช่วงนั้นจึงแกร่งและเข้มข้นเนื่องจากหลายครั้งหลายหนที่ไปเปิด “เวทีรำวง” ยังต่างถิ่นแล้วถูก “ขาใหญ่” ประจำถิ่นเบ่งทับบ้างรังแกบ้างแถม “สั่งปิดเวที” ไปเลยก็มีไม่น้อยจึงเกิดการ “ตะลุมบอนกัน” ผลที่ตามมาคือนอกจาก “หัวร้างข้างแตก” ทั้งสองฝ่ายแล้วยังต้องหามผองเพื่อนไปส่ง “โรงพยาบาล” ให้คุณหมอช่วย ชีวิตเพราะ “บาดเจ็บสาหัส” ก็มีหลายหนซึ่งทุกครั้งมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นก็ต้องไป “ยุติ” กันบน “โรงพัก” แต่ก็เป็นเรื่องที่ “แปลกทีเดียว” คือผองเพื่อนที่ร่วมทีมแต่ละคน “บาดเจ็บ” ทั้งสาหัสและไม่สาหัสแต่พ่อยอดชายนาย “ยอดรัก” ของเรากลับไม่เคยได้รับ “บาดเจ็บใด ๆ เลย” ทั้งที่ทุกครั้งที่เกิดเรื่องก็ “ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่” แลกหมัดและแลกท่อนไม้กับฝ่ายตรงข้ามมาตลอด
แถมพอไปถึงโรงพัก “พ่อยอดรัก” ของเราก็ไม่เคย “ถูกจับ” หรือ “ถูกปรับ” ในฐานะ “ก่อการวิวาท” อีกด้วยซึ่งเมื่อหลายครั้งหลายหน “เป็นอยู่เช่นนี้” ทำให้เพื่อนร่วมทีมกองเชียร์รำวงสงสัยจึงสอบถามว่ามี “อะไรดี” ปรากฏว่าบนคอของ “ยอดรัก” อุดมไปด้วย “เหรียญเกจิอาจารย์” ที่มีทั้งชื่อดังและไม่ดังแถว ๆ บ้านแขวนอยู่บนคอพร้อมกับสร้อยสเตนเลส “หลายเหรียญ” เพราะ “ยอดรัก” มีความเชื่อมั่นว่า “คุณพระคุณเจ้า” ที่สิงสถิตอยู่ในเหรียญมีความขลังและ “ศักดิ์สิทธิ์” ย่อมช่วยให้เขารอดกับทุกเรื่องเลวร้ายที่มาแผ้วพาน
และในหลายปีที่ร่วมทีมเป็นกองเชียร์เวลายกคณะ “รำวง” ไปแสดงต่างอำเภอหรือต่างจังหวัดหากมีเวลาเหลือ “ยอดรัก” ก็จะแวบไป “ขอพระเครื่อง” ตามวัดต่าง ๆ มาสะสมไว้จนกระทั่งพออายุก้าวสู่หลัก “ยี่สิบเศษ ๆ” จึงอาศัยประสบการณ์ของการเป็น “กองเชียร์รำวง” ไปร้องเพลงตามห้องอาหารใน “อำเภอตาคลี” อยู่ปีกว่า ๆ ก็เจอกับดีเจนักจัดรายการเพลง ลูกทุ่งที่ชื่อ “เด็ดดวง ดอกรัก” จึงชักนำสู่วงการเพลงลูกทุ่งพร้อมสร้างชื่อให้ “ยอดรัก” โดดเด่นเป็นนักร้องลูกทุ่ง “ระดับแถวหน้า” พร้อมกับตั้งวงดนตรี “ยอดรัก สลักใจ” รับงานแสดงไปทั่วภูมิภาคของไทย
ในช่วงนี้เอง “ยอดรัก” ก็ยิ่งได้ประสบการณ์ที่เชื่อว่าเป็นเพราะ คุณพระคุณเจ้า ช่วยชีวิตจึงผ่านเรื่อง “เลวร้าย” ที่ก้าวเข้ามาในชีวิตได้หลายครั้งโดยครั้งแรก เกิดขึ้นขณะนั่งรถบัสกลับกรุงเทพฯพร้อมทีมงานหลังยกวงดนตรีไปแสดงที่ “จังหวัดระยอง” ปรากฏว่าออกจากระยองได้ไม่ถึงยี่สิบกิโลฯช่วงนั้นเป็นทางเปลี่ยว “คนขับ” เกิดหลับในจึงทำให้รถบัสสำหรับใช้ขนทีมงาน พลิกคว่ำลงข้างทางปรากฏว่า “นักดนตรี” และ “หางเครื่อง” มีทั้ง “บาดเจ็บ” และ “เสียชีวิต” แต่ “หัวหน้าคณะ” ที่ชื่อ “ยอดรัก” กลับไม่เป็นอะไรเลยทั้ง ๆ ที่ผู้นั่งอยู่ข้าง ๆ “เจ็บสาหัส” เรื่องที่สองเกิดขึ้นขณะขับเก๋งบีเอ็มฝ่าสายฝนที่จังหวัดนครนายก เพื่อกลับกรุงเทพฯด้วยความเร็วเอาการจึงทำให้รถลื่นไถลเสียหลักพลิกคว่ำลงข้างทางที่มี “คลองอุดมไปด้วยน้ำ” เป็นที่รองรับ ผลก็คือ “รถจมลงไปในคลอง” แต่คนขับที่ชื่อ “ยอดรัก” กลับไม่เป็นอะไรเพราะสามารถคลานหนีออกมาก่อนที่รถจะจมน้ำในคลอง
ซึ่งเหตุทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น “ยอดรัก” ยอมรับว่า “หนักหนา” ทีเดียวแต่ทุกครั้งที่เกิดขึ้นกลับไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ จะมีก็เพียงเคล็ดขัดยอกเท่านั้นด้วยเหตุนี้ “ยอดรัก” จึงเชื่อมั่นว่าเป็นเพราะ “พระเครื่อง” ในคอแน่นอนที่ช่วยบันดาลให้ “ปลอดภัย” ปัจจุบันจึงกลายเป็น “นักสะสมพระเครื่อง” ไปโดยปริยายเพราะช่วงที่ตระเวนแสดงไปทั่วทุกภูมิภาคของไทยก็จะตระเวน “บูชา” ตามวัดบ้างตามแฟนเพลงบ้างและตามเพื่อน ๆ บ้างส่วนที่มีระดับ “สุดยอด” เวลานี้คือ “พระรูปหล่อหลวงพ่อเงินวัดบางคลานพิมพ์นิยม, พระขุนแผนบ้านกร่าง, พระมเหศวร” พร้อม พระสมเด็จเกศไชโยพิมพ์ ๗ ชั้น ที่แขวนติดคอเป็นประจำแต่แม้จะมั่นใจว่า “คุณพระคุณเจ้า” คุ้มครอง “ยอดรัก” ก็กระซิบว่าแม้จะมั่นใจในพุทธคุณของท่านช่วยเราได้แต่ก็ต้องทำความดี พร้อมสร้างบุญกุศล ด้วยเพราะตัวผมเองจะทำมาตลอด อย่างเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็บริจาค “รองเท้าฟุตบอล” ให้เด็กนักเรียนที่ภาคอีสานไปทั้งทีมเพราะพวกเขาต้องการ อีกทั้งได้ทำบุญกับเรื่องนี้แล้ว “สบายใจครับ”.
‘ภวันตุเม’ ที่มา...