พระเครื่อง อมูเลทตั้มศรีวิชัย ตลาดพระเครื่องรางของขลัง สวนไผ่สกลนคร หน่อไม้น้ำ หญ้าหวานอิสราเอล วันตรุษจีน2566

![]() |
>...ตั้มศรีวิชัย TumAmulet ...< Thailand Amulet Charms |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
สารบัญพระเครื่องเมืองนคร |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
บูชาพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง Amulets Charms Talismans |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
จตุคาม-รามเทพ หลักเมืองนคร Jatukamramtep (Jatukarm) |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
ลิงค์น่าสนใจ |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
พระเครื่อง นานาสาระ |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
สวนไผ่ พันธุ์หญ้า ธนภัทรสกลนคร สินค้าเกษตรออนไลน์ ไผ่สายพันธุ์ต่างๆ ไผ่ข้าวหลามกาบแดง ไผ่ซางหม่น หน่อไม้น้ำ หญ้าหวานอิสราเอล หญ้านรกจักรพรรดิ์ หญ้าเนเปียร์ปากช่อง1 หญ้าเนเปียร์แคระ หญ้าเนเปียร์ท้ายเขื่อนซุปเปอร์ลีฟ สะสมพระเครื่อง แต่ใจรักเกษตรผสมผสาน
|
ผู้จุดประกาย'จตุคามรามเทพ' รุ่นแรก ปี '๓๐ ![]() ![]() จตุคามรามเทพ ปี2530 ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ผู้จุดประกาย'จตุคามรามเทพ' รุ่นแรก ปี30 เมื่อปี๒๕๓๗ บุญส่ง ธาดาประดิษฐ์ หรือ"เสี่ยลิ้ง" นักสะสมพระเครื่องชื่อดังคนหนึ่งของเมืองหาดใหญ่ได้ฝันถึง พระราหูทำให้รู้สึกไม่สบายใจจึงไปปรึกษาพระอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านแนะนำว่า ให้ไปทำบุญบูชา พระราหูเพราะในปี๒๕๓๘ จะเกิดสุริยคราสเต็มดวง ใครบูชาพระราหูแล้วจะพ้นภัย มีโชคลาภ"เสี่ยลิ้ง หาดใหญ่" จึงคิดถึง วัดศีรษะทองจ.นครปฐม ขึ้นมาทันทีเพราะเป็นสำนักที่ หลวงพ่อน้อย พระเกจิอาจารย์ชื่อดังได้สร้างเครื่องรางของขลังอันเกี่ยวกับ พระราหูหลวงพ่อน้อย โดยตรงและโด่งดังไปทั่วเมืองไทย ขณะเดียวกันมีเพื่อนชาวหาดใหญ่บอกว่าที่ นครศรีธรรมราชก็มีวัตถุมงคลที่มีรูป พระราหูเหมือนกัน โดยมีรูปพระราหูถึง ๘ องค์ในชิ้นเดียวกัน และรูปแบบพิมพ์ทรงก็สวยงามมาก ไม่เหมือนวัตถุมงคลใดๆ ที่เคยพบเห็นมา เสี่ยลิ้งจึงบอกให้เพื่อนติดต่อเช่ามาให้หมด เพราะคิดว่าคงมีไม่มากมายอะไรนัก เพื่อนบอกว่า ทางนครฯ บอกว่าวัตถุมงคลทั้งหมดมีมูลค่า ๒แสนบาท เสี่ยลิ้งก็ฝากเงินทำบุญไปให้ วันดีคืนดี"โก" คนดังชาวเมืองคอนคนหนึ่งได้ขนวัตถุมงคลเต็มคันรถกระบะ มาส่งให้เสี่ยลิ้งถึงหาดใหญ่ ทำเอาเสี่ยลิ้งถึงกับตกตะลึงว่าอะไรจะมากมายขนาดนั้น วัตถุมงคลที่ว่านี้คือ จตุคามรามเทพ เนื้อผง พิมพ์กลมใหญ่ และพิมพ์กลมเล็ก รวมกันประมาณ ๒,๐๐๐ กว่าองค์ และ พระพุทธสิหิงค์พิมพ์สี่เหลี่ยมเนื้อดำ-แดง-ขาว รวมกันประมาณ ๑๑,๒๐๐ องค์ สมัยนั้นผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก จตุคามรามเทพ กันมากนัก รู้เพียงว่า เป็นวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสที่จัดสร้าง ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ขึ้นมาเมื่อปี ๒๕๓๐ และเพื่อตอบแทนแก่ผู้มีส่วนร่วมทำบุญในการก่อสร้างครั้งนั้น ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อสร้างเสร็จใหม่ๆ ยังไม่มีตัวอาคารครอบอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ มีเพียงขนำเล็กๆ อยู่ที่ข้าง เสาหลักเมือง โดยมีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูแล และให้ทำบุญบูชาองค์จตุคามรามเทพ พิมพ์กลมใหญ่เล็ก แต่ก็ไม่ค่อยมีคนใจเช่าบูชานัก อาจจะเห็นเป็นของแปลกใหม่ และมีขนาดใหญ่เกินไปที่แขวนติดตัวได้ เมื่อเสี่ยลิ้ง หาดใหญ่ ติดต่อขอเหมาหมดคนเฝ้าศาลหลักเมืองเลยโล่งอก ไม่ต้องนั่งเฝ้าวัตถุมงคลอีกต่อไป เสี่ยลิ้งคิดว่า องค์จตุคามฯ มากมายจะเอาไว้บูชาทั้งหมดอย่างไรได้ เพราะไม่มีที่จะเก็บรักษา จึงหาทางระบายออกไปบ้าง โดยเสนอไปยัง อุ๊กรุงสยาม ซึ่งมีสื่อหนังสือพระอยู่ในมือ ให้ช่วยประชาสัมพันธ์ด้วยเห็นเป็นวัตถุมงคลที่มีรูปทรงแปลกตาดี มีองค์เทพและมีพระราหูถึง ๘ องค์ เสริมดวงชะตาได้เป็นอย่างดี "เสี่ยอุ๊" ก็รับไปดำเนินการลงข่าวประชาสัมพันธ์ทางนิตยสาร "กรุงสยาม" ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา จนองค์จตุคามฯ กลายเป็นที่รู้จักของผู้คนอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันเสี่ยลิ้ง เองก็ค้นหารายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการจัดสร้าง เนื้อหามวลสาร แล้วจัดพิมพ์เป็นเอกสารออกเผยแพร่อีกทางหนึ่ง โดยเอาองค์จตุคามฯไปเที่ยวแจกให้พรรคพวกเพื่อนฝูงฟรีๆ พร้อมกับแจกหนังสือข้อมูลดังกล่าว และอ้อนวอนให้ช่วยกันแขวนบูชาติดตัว โดยรับรองว่าจะมีความเปลี่ยนในชีวิตในทางที่ดีขึ้นจะโชคดีตลอดเวลา โดยเฉพาะใช้คุ้มครองดวงชะตาในช่วงที่เกิดสุริยคราสเต็มดวง ในปี ๒๕๓๘ ได้ดีนัก จนในที่สุดองค์จตุคามฯ ที่แจกไปก็เหลือน้อยลง ผู้ที่ได้รับแจกฟรีไปต่างบอกกล่าวกันว่า ตั้งแต่ได้องค์จตุคามฯ มาบูชาแล้วอะไรๆ ก็ดีขึ้นมาก การเงินคล่อง ค้าขายดี และยังมีโชคลาภเป็นประจำอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขออะไรก็มักจะได้สมหวังเสมอ จนเกิดการเล่าลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ อย่างมากมาย คนที่ไม่ได้รับแจกฟรีจากเสี่ยลิ้งจึงเกิดการถามหา ขอเช่าบูชากัน เริ่มจากองค์ละ ๒๐๐ บาท ไปจนถึง ๕๐๐ บาท แล้วขยับขึ้นเป็น ๑,๐๐๐ บาท ทำให้เสี่ยลิ้งต้องตามไปเช่าขอคืนมาจากคนที่เคยแจกฟรีไปให้ ซึ่งบางคนไม่ได้เอาไปใช้ก็มี คนพวกนี้จะขายคืนเสี่ยลิ้งทันที ต่อมา...เสี่ยลิ้งได้ขึ้นมาเปิด ตลาดจตุคามรามเทพโดยขายให้กับบรรดาเถ้าแก่นักธุรกิจระดับผู้จัดการ นักบริหารชั้นสูง ทำให้เกิดประสบการณ์อภินิหารอย่างเหลือเชื่อกับผู้คนเหล่านั้น จึงเกิดการเช่าหาบูชาองค์จตุคามฯ ขึ้นอีกทางหนึ่ง ในราคาที่แพงขึ้นเรื่อยๆ จนเสี่ยลิ้งต้องไปตั้งโต๊ะรับเช่าองค์จตุคามฯ ที่นครศรีธรรมราช แทบทุกวันโดยให้ราคาสูงเป็นพิเศษ ชนิดที่คนขายอดใจไม่ไหวต้องรีบขายให้ทันที ช่วงนั้นคนเมืองคอนที่มีองค์พ่ออยู่ต่างขนมาขายเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เสี่ยลิ้งเป็นผู้มีองค์พ่อจตุคามฯ มากที่สุด ก่อนที่คนอื่นๆ จะมาเดินตามหลัง กว้านซื้อจตุคามฯ แข่งกับเสี่ยลิ้ง ปรากฏการณ์ครั้งนั้นทำให้เกิดกระแสนิยม องค์จตุคามรามเทพ อย่างกว้างขวางและโด่งดังสุดๆ ในช่วงปี ๒๕๔๙-๒๕๕๐ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนใน วงการพระเครื่องเมืองไทย รวมทั้งแวดวงชาวบ้านทั่วๆ ไป "เสี่ยลิ้ง หาดใหญ่" แม้ว่าจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการจัดสร้าง องค์จตุคามรามเทพรุ่นแรก ปี ๒๕๓๐ มาก่อนก็จริง แต่ในแวดวงนักสะสม องค์จตุคามรามเทพ คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธได้ว่า "เสี่ยลิ้ง คือ ผู้จุดประกายจตุคามฯ ปี๓๐ ให้โด่งดังจนทุกวันนี้" อย่างแน่นอน ก่อนหน้าที่เสี่ยลิ้งจะเป็นผู้บุกเบิกในการเผยแพร่เกียรติคุณขององค์ จตุคามรามเทพรุ่นแรก ปี2530 "ซือเฮีย" ท่านนี้เป็นนักสะสมพระเครื่องมาก่อน เริ่มสนใจมาตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นนักเรียนชั้นมัธยม ที่โรงเรียนแสงทองวิทยา หาดใหญ่ เมื่อช่วงปี ๒๕๑๓ โดยเป็นรุ่นพี่ของ เทพชัยหย่อง อดีตผู้บริหารเครือเนชั่น ("คม ชัด ลึก") ๑ รุ่น ช่วงนั้น...ละแวกหน้าร้านขายยาของ(เตี่ย) เสี่ยลิ้ง ที่หัวถนนนิพัทธอุทิศ ๒ หาดใหญ่ มีร้านขายทองอยู่หลายร้าน ทำให้เสี่ยลิ้งในวัยเด็กชอบไปยืนดูช่างเลี่ยมพระ จนเกิดความสนใจพระเครื่องขึ้นมาบ้าง พอโตขึ้นมาหน่อย ก็เก็บเงินค่าขนมไปเช่าพระที่เพิงขายกาแฟ และขายเปาะเปี๊ยะของอาแปะคนหนึ่ง (ตรงที่เป็นที่ตั้งของธนาคารศรีนคร สาย ๑ ในเวลาต่อมา) ที่เพิงแห่งนี้มีคนเอาพระมาวางขายหลายเจ้าด้วยกัน นับเป็นสนามพระแห่งแรกของหาดใหญ่ ที่มีเซียนพระท้องถิ่นมาชุมนุมกันมากพอสมควร จากนั้นสนามพระของหาดใหญ่ ได้ย้ายไปอยู่ที่โรงแรมศรีทักษิณ หน้าสถานีรถไฟ ขณะเดียวกัน "เสี่ยสังข์" ก็ไปเปิดแผงพระที่ใต้ถุนโรงแรมซาวอยอีกแห่งหนึ่ง ต่อมาได้ย้ายกันไปที่ร้านกาแฟมิตรภาพ ของ "เฮียเกียง" ย้ายอีกทีไปอยู่ที่ข้างธนาคารใกล้ร้านข้าวต้มเซาะฮึ้ง สี่แยกไฟแดง จนในที่สุดก็มาอยู่ใต้สะพานลอยในทุกวันนี้ สนามพระทุกแห่งที่ว่านี้เสี่ยลิ้ง ไปติดตามไปเช่าพระมาแล้วทั้งนั้นทั้งๆ ที่ดูพระไม่เป็น ก็เช่ามาอย่างงั้นๆ แหละ ภาษาเซียนพระเรียกว่า "เล่นแค่ชอบ" คือไม่มีการรับประกันว่าเป็นพระแท้หรือพระเก๊ คนซื้อต้องรับผิดชอบตัวเอง ต่อมาปี๒๕๑๘ เสี่ยลิ้ง ได้ขึ้นมาทำงานที่กรุงเทพฯ ทำให้มีโอกาสไปเช่าพระที่สนามวัดราชนัดดา ชอบมากคือ พระหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ และพระอื่นๆอีกหลายอย่าง อยู่ได้ปีกว่าก็กลับไปอยู่หาดใหญ่ คราวนี้ซื้อพระทางใต้เป็นการใหญ่ เพราะมีเงินจะซื้อพระได้พอสมควร พระที่เช่ามากที่สุดคือ พระหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี๒๕๒๔ เทศบาลเมืองหาดใหญ่ จัดประกวดพระ เสี่ยลิ้ง จึงเอาพระที่มีอยู่ไปส่งเข้าประกวดบ้างปรากฏว่า พระที่ส่งไปนั้นมีไม่น้อยที่เป็น พระเก๊ทำเอาเสี่ยลิ้งแทบจะเสียศูนย์ไปเหมือนกัน สิ้นศรัทธาบรรดา เซียนพระ รุ่นพี่รุ่นพ่อหลายคนที่เคยไว้วางใจ ให้ความเคารพนับถือ ขนาดเรียกเขาว่า "อาจารย์" ก็ยังเอาพระเก๊มาหลอกขายลูกศิษย์ได้ลงคอ ตั้งแต่นั้นมา...เสี่ยลิ้งคิดว่าจะต้องศึกษาค้นคว้าความรู้เอาเองดีกว่า จึงหาเช่าพระจากที่แหล่งที่เชื่อถือได้ และรับประกันความแท้ แล้วเอาองค์พระมาศึกษาอย่างจริงจัง พร้อมกับซื้อหนังสือพระเครื่องมาอ่านอย่างตั้งใจ จนสามารถจับจุดถูกว่า พระแท้ดูตรงไหนโดยเฉพาะ พระหลวงพ่อทวดซึ่งเป็นพระหลักของภาคใต้ได้ตระเวนหาเช่ามาศึกษาหลายๆ องค์ แพงไม่ว่าขอให้เป็นพระแท้ก็แล้วกัน เรื่องราวของ"เสี่ยลิ้ง หาดใหญ่" ยังมีอะไรๆที่น่าสนใจอีกมากมาย ต้องขออนุญาตนำไปลงต่อในฉบับวันเสาร์หน้า ข่าวพระเครื่อง...ขอขอบคุณ |