สมภพ ไทยธีระเสถียร หรือ "อั๊ง เมืองชล" ประธานชมรมพระเครื่องมณเฑียรพลาซ่า

หันมาเข้า สนามพระ กันดีกว่า เพราะมีเรื่องที่น่าสนใจมากมายให้ได้เรียนรู้ "ดูพระแล้วไม่เครียด" เหมือนอย่างดูข่าวการเมืองเป็นไหนๆ  จะเครียดอยู่บ้างก็เฉพาะพวกที่กำลัง หนีหนี้ จากกรณี จตุคามฯ ขาลง เท่านั้น เพราะเวลานี้มีการตามล่าตามผลาญกันอย่างพัลวัน  มีรายการฟ้องร้องกันหลายคู่  ทั้งพระและชาวบ้าน นักธุรกิจสร้างพระ ที่หลายคนเผ่นหายไปจากวงการมาหลายเดือนแล้ว ผู้สันทัดกรณี ให้ความเห็นว่า พระใหม่ เวลาขึ้นก็ฟู่ฟ่ารวดเร็วฉับไว เวลาขาลง ก็ดิ่งลงเป็นเส้นตรง ใครตั้งหลักไม่ทัน บริหารการเงินไม่เป็นเป็นต้องพังทุกราย  สู้ พระเก่า ไม่ได้ ราคาขึ้นโดยธรรมชาติ ไม่มีการปั่นราคา ทำให้มีความมั่นคงมากกว่า เก็บพระเก่า ไม่มีทางขาดทุน

ชมรมพระเครื่องมณเฑียรพลาซา กับคมเลนส์ส่องพระ วันก่อน "คมเลนส์ส่องพระ" ขึ้นไปเยี่ยมเยียนพี่น้องชาว "ชมรมพระเครื่องมณเฑียรพลาซ่า" แถวสุรวงศ์  โชคดีได้พบกับ ศิริ คูวิบูลย์ศิลป์ เซียนพระรุ่นเดอะ อยู่ที่เชียงใหม่ลงมาเยี่ยมลูกชาย พรรค คูวิบูลย์ศิลป์ ผู้สืบสานวิทยายุทธ์พระสายเหนือ จนทายาทมีความรู้ความสามารถมากพอๆ กับคุณพ่อ เพราะอย่างน้อยก็สามารถเช่า พระเก่า ได้โดยไม่ต้องอาศัยสายตาคนอื่นใด ล่าสุดก็ได้ พระรอด พิมพ์กลาง กรุวัดมหาวัน จ.ลำพูน เนื้อดินเผา สีดำมอย (ดำถ่าน) อันเป็นสีที่หายากยิ่ง แถมพระองค์นี้ยังสวยสมบูรณ์คมชัดมาก จนเห็นหน้าตาจมูกอย่างชัดเจน โดยทั่วไปจะไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก พรรค บอกว่า พระรอด พิมพ์กลาง มีเอกลักษณ์ที่ฐานมี ๓ ชั้น ใต้ฐานเป็นแบบที่เรียกกันว่า "ก้นแมลงสาบ" คือ มีเนื้อยืนลงมาเล็กน้อย ใบโพธิ์มี ๒ แถวซ้อนกัน ใบโพธิ์มีความถี่มากกว่าพิมพ์อื่นๆ  มีเส้นเอ็นที่คอ และซอกรักแร้ขวามีตุ่ม ๒ ตุ่ม ฯลฯ ความสวยคมชัดของ พระรอด พิมพ์กลาง องค์นี้ใครสนใจอยากได้ไว้เป็นเจ้าของ ก็ต้องหาเงินหลายล้านบาทเตรียมไว้ได้เลย แล้วค่อยไปคุยกัน

ต่อไปเป็นเรื่องของ พระกริ่ง อันเป็นองค์ พระไภษัชคุรุ ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งในพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ที่เรียกว่า พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า หรือ พระหมอ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นพระที่ใช้สำหรับการรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ จึงนิยมสร้างกันมาทุกยุคทุกสมัย ที่เก่าแก่มากๆ และนิยม นำมาถอดแบบสร้างในยุคต่อๆ กันมาก็คือ พระกริ่งใหญ่ ของประเทศจีน หรือที่เรียกกันว่า พระกริ่งจีน มีพุทธลักษณะ ใหญ่อวบอัดจริงๆ ดูจากพระพักตร์ พระเนตร เห็นได้ชัดว่าเป็นศิลปะที่เกิดมาจากสกุลช่างจีนบริสุทธิ์ ดูแล้วน่าเลื่อมใสศรัทธามาก

** พระกริ่ง อีกพิมพ์หนึ่งที่นิยมไม่น้อยกว่ากันคือ พระกริ่งบาเก็ง มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีนเช่นกันเค้าใบหน้าจึงเหมือนคนจีน และเหมือนกับ พระกริ่งจีน (พระกริ่งใหญ่) แต่มีอายุน้อยกว่ากันเล็กน้อย (เฉียดพันปี) และเป็นเรื่องที่แปลกที่ พระกริ่งบาเก็ง แม้จะเป็นพระกริ่งศิลปะจีน แต่กลับไปขุดพบที่ เทือกเขาบาเก็ง เมืองนครธม ในประเทศเขมร ซึ่งเข้าใจว่าเป็นการนำพระกริ่งนี้มาจากเมืองจีน แล้วบรรจุไว้ที่ เทือกเขาบาเก็ง จึงเรียกกันในเวลาต่อมาว่า พระกริ่งบาเก็ง โดยก่อนหน้านี้มีผู้พบพระกริ่งพิมพ์เดียวกันนี้ที่เมืองจีนมาแล้ว แต่มีจำนวนน้อยมาก จึงไม่มีใครรู้จักเท่ากับคราวที่พบจาก เทือกเขาบาเก็ง ซึ่งมีจำนวนมากกว่า จนมีผู้เข้าใจผิดคิดว่าเป็น พระกริ่งของเขมร ความจริงไม่ใช่ เพราะพุทธลักษณะทุกอย่างบ่งบอกถึงความเป็น จีน ทั้งสิ้น แต่มี "เซียนพระกริ่ง" บางท่านบอกว่า พระกริ่งบาเก็ง เป็นการสร้างขึ้นโดย พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ซึ่งเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของเขมร และนิยมสร้างรูปเคารพต่างๆ ในทางพระพุทธศาสนา ได้เชิญช่างชาวจีนมาทำพิธีเททองหล่อพระกริ่งนี้ขึ้นในประเทศเขมร ทำให้เค้าพระพักตร์ของ พระกริ่งบาเก็ง ไปทางจีนตามฝีมือของช่างที่เชิญมา และที่แปลกคือ ไม่เคยมีการขุดพบพระกริ่งพิมพ์นี้ในเมืองจีนมาก่อนเลย...นี่ก็นับเป็นความคิดเห็นอีกทางหนึ่ง จะได้พิจารณาควบคู่กันไป

การดูพระกริ่งนอก ที่มีความเก่าระดับนี้ นอกจากพุทธศิลป์แล้ว ต้องดูที่ ความเก่าของเนื้อหามวลสาร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่จะต้องศึกษาให้ลึกซึ้ง และเจาะลึกในทุกด้าน หากได้พบเห็น พระแท้ โอกาสที่จะเข้าใจจริงๆ ก็ง่ายขึ้น  ความหายากของ พระกริ่งบาเก็ง ทำให้มีโอกาสได้ภาพมาลงให้ท่านผู้อ่านได้ศึกษาเป็นวิทยาทานน้อยไปด้วย เมื่อได้ภาพมาก็ต้องรีบนำลงให้ชมกันทันที พระองค์นี้เป็นของ ซุป เตาปูน ** พระกริ่งบาเก็ง เท่าที่พบในเมืองไทยมี ๓ แบบ คือ ๑.แบบฐานกลวง ไม่มีปะใต้ฐาน และตั้งอยู่บนฐานสูง (ถอดฐานได้) อย่างองค์ที่ลงหน้าปกหนังสือพระกริ่งของ อ.มอนต์ จันทนากร  ๒.ฐานกลวง บรรจุเม็ดกริ่ง และปะใต้ฐานด้วยแผ่นโลหะ ๓.แบบฐานตัน ไม่มีแผ่นปะใต้ฐาน และไม่มีเม็ดกริ่งบรรจุอยู่ภายใน พระกริ่งบาเก็ง นับเป็นพระกริ่งที่มีพุทธลักษณ์งดงามสมส่วนอีกพิมพ์หนึ่งที่นิยมนำมาถอดพิมพ์สร้างเป็น พระกริ่งบาเก็ง (จำลอง) ในเมืองไทยหลายวัดด้วยกัน อาทิ ท่านเจ้าคุณศรีฯ (สนธิ์) วัดสุทัศนฯ สร้างประมาณ ๗ ครั้ง พระกริ่งวัดเอี่ยมวรนุช บางขุนพรหม ๒๕๐๖ พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปลุกเสก โดยถอดพิมพ์มาจาก พระกริ่งบาเก็ง (เก่า) องค์ของ จอมพลประภาส จารุเสถียร และยังมีอีกหลายวัดด้วยกัน พระกริ่งบาเก็ง เท่าที่พบในเมืองไทยมี ๓ แบบ คือ ๑.แบบฐานกลวง ไม่มีปะใต้ฐาน และตั้งอยู่บนฐานสูง (ถอดฐานได้) อย่างองค์ที่ลงหน้าปกหนังสือพระกริ่งของ อ.มอนต์ จันทนากร  ๒.ฐานกลวง บรรจุเม็ดกริ่ง และปะใต้ฐานด้วยแผ่นโลหะ ๓.แบบฐานตัน ไม่มีแผ่นปะใต้ฐาน และไม่มีเม็ดกริ่งบรรจุอยู่ภายใน พระกริ่งบาเก็ง นับเป็นพระกริ่งที่มีพุทธลักษณ์งดงามสมส่วนอีกพิมพ์หนึ่งที่นิยมนำมาถอดพิมพ์สร้างเป็น พระกริ่งบาเก็ง (จำลอง) ในเมืองไทยหลายวัดด้วยกัน อาทิ ท่านเจ้าคุณศรีฯ (สนธิ์) วัดสุทัศนฯ สร้างประมาณ ๗ ครั้ง พระกริ่งวัดเอี่ยมวรนุช บางขุนพรหม ๒๕๐๖ พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปลุกเสก โดยถอดพิมพ์มาจาก พระกริ่งบาเก็ง (เก่า) องค์ของ จอมพลประภาส จารุเสถียร และยังมีอีกหลายวัดด้วยกัน

** นานพอดูที่ไม่ได้ภาพพระจาก เต้ สระบุรี หนุ่มหล่อผู้มีสายตาเฉียบขาดในการดูพระได้ทุกประเภท  อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ใครพบเห็นก็มักจะมอบความรักความเมตตาให้เสมอ เพราะเป็นคนสุภาพเรียบร้อย พูดจาหวานไพเราะจนเป็นเอกลักษณ์มาโดยตลอด  วันนี้ เต้ สระบุรี ได้มอบภาพเทวรูป พระพรหม สมัยนครวัด เนื้อสัมฤทธิ์สนิมหยก หน้าตัก ๔ นิ้ว เทวรูปองค์นี้เดิมเป็นของนักสะสมพระบูชาและเทวรูปรุ่นอาวุโสมากๆ มาก่อน ได้แบ่งปันให้ เต้ สระบุรี ด้วยความเมตตาจริงๆ

** เทวรูป พระพรหม องค์นี้งดงามอลังการมาก ศิลปะขอมโบราณที่หาองค์สมบูรณ์ได้ยากยิ่ง นับว่าเป็นความโชคดีของ เต้ จริงๆ ** ชาวอินเดียสมัยโบราณ เชื่อกันว่า พระพรหม เป็นมหาเทพผู้สร้างโลก ผู้มีความเมตตา และสามารถลิขิตชะตาของมนุษย์ได้ มีฐานะเท่าเทียมกับ พระวิษณุ ผู้คุ้มครองโลก และ พระศิวะ ผู้ทำลายโลก ต่อมาประเพณีความเชื่อได้มีการเปลี่ยนแปลงตามกาลสมัย โดยมีการนับถือตามนิกายต่าง ๆ เช่น นิกายไศวะ (ไศวะนิกาย) และ ไวษณพนิกาย (ไวษณวนิกาย) ทั้ง ๒ นิกายนี้ให้ความเคารพนับถือ พระศิวะ และ พระวิษณุ เป็นพิเศษ จึงลดความความเชื่อใน พระพรหม ลง และเมื่อเวลาผ่านถึง ค.ศ.ที่ ๑๐ ชาวฮินดูจึงหันมาให้ความเคารพนับถือ พระพรหม ขึ้นมาใหม่ พระพรหม จึงได้รับการยกย่องให้เป็นเทพองค์สำคัญขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง โดยมีการสร้างเทวาลัย และรูปปั้นไว้เป็นจำนวนมาก พระพรหมได้รับการนับถือบูชาในฐานะที่พระองค์เป็นผู้สร้างของทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดขึ้นบนโลก ทรงเป็นผู้ให้ที่สำคัญ และเป็นผู้กำหนดโชคชะตาของมนุษย์ พระนามที่เรียกขานกันจึงมีมากมาย นอกเหนือจาก พระพรหม หรือ พระพรหมธาดา ที่รู้จักกันดีมาก่อน พระพรหม มี ๔ พักตร์ พระเกศามุ่นขมวด มี ๔ กร ถือ หนังสือ แจกัน หม้อ และช้อน ในเมืองไทย มีผู้ให้ความเคารพ พระพรหม อย่างกว้างขวาง ดังจะเห็นได้จาก ศาลท่านท้าวมหาพรหม (พระพรหม) มุมโรงแรมเอราวัณ สี่แยกราชประสงค์ ที่มีผู้คนมากมายพากันไปกราบไหว้ขอพรจากท่านอย่างเนืองแน่นตลอดเวลาทุกวัน เพราะต่างประจักษ์ตรงกันว่า ขอพรสิ่งใดมักจะประสบความสำเร็จสมหวังเสมอ

**  พระคง มีจำนวนสร้างมาก  ขุดกรุพระวัดไหนในเมืองลำพูน จะต้องมี พระคง รวมอยู่ด้วยเสมอ ทำให้ พระคง เป็นพระที่พบเห็นง่าย  มีราคาไม่แพง องค์ละไม่กี่พันบาทก็เช่าหาได้แล้ว จึงมีผู้ซื้อมาเพื่อศึกษารายละเอียดของ เนื้อดินในองค์พระ จนถือกันว่า พระคง เป็นปฐมบทของการศึกษา พระเนื้อดินเผา หากเข้าใจดี ดูเป็น ก็จะสามารถดูพระเนื้อดินเผาของกรุเมืองอื่นๆ ได้ด้วย แต่มาถึงทุกวันนี้ พระกรุพระเก่า หายากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ พระคง พลอยมีราคาแพงขึ้นด้วย ทิ้งคำพูดที่ว่า พระคงราคาถูก ไว้เป็นอดีตไปแล้วเพราะทุกวันนี้ พระคง ธรรมดาๆ ก็ต้องเช่าหากันที่หลักหมื่น หากสวยสุดจนเห็นหน้าตาอย่างองค์นี้ ก็ต้องว่ากันเป็น แสน ขึ้นไป

** พระขุนแผน กรุวัดบ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุรรณบุรี เป็นพระเนื้อดินเผา ที่เชื่อกันว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ สมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงสร้างขึ้นหลังจากได้รับชัยชนะจากสงครามพม่า เพื่อเป็นฉลองชัย และอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้เสียชีวิตในสงคราม  การสร้างพระเครื่องครั้งนั้น เป็นงานใหญ่ จะเห็นได้จากจำนวนพระที่ขุดได้อย่างมากมาย และมากด้วยพิมพ์ทรงองค์พระอีกด้วย แม้จะมีพระจำนวนมากมาย แต่เนื้อหามวลสารของเนื้อดินเผา จะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงหาข้อยุติได้ง่าย  นอกจากนี้การออกแบบและแกะแม่พิมพ์องค์พระก็เชื่อว่า เป็นฝีมือของผู้มีความรู้ความสามารถ มากกว่าชาวบ้านธรรมดาโดยทั่วไป เพราะแต่พิมพ์ขององค์พระล้วนแต่มีความงดงาม ละเอียดประณีตมาก วันนี้ อ.อ้า สุพรรณ ผู้อาวุโสในวงการพระได้มอบภาพ พระขุนแผน กรุวัดบ้านกร่าง พิมพ์แขนอ่อน มาให้ศึกษาเพื่อเป็นวิทยาทาน เนื้ออย่างนี้ พิมพ์อย่างนี้ จดจำเอาไว้เป็น "องค์ครู" ได้เลย 

** หลังจากหายเหน็ดเหนื่อยจากการเป็นผู้นำในการจัด จตุคามรามเทพ รุ่น "เฮงรับทรัพย์" เป็นที่เรียบร้อยโดยไม่ต้องเจ็บตัวเหมือนอย่างบางรุ่นแล้ว ตอนนี้ บุญส่ง ธาดาประดิษฐ์ (เสี่ยลิ้ง หาดใหญ่) ก็เดินหน้าหาเช่า พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ต่อไปตามเดิม ล่าสุดก็ได้มาเต็มกล่อง ชนิดสวยสุดสะดุดตาทั้งนั้น เอาขึ้นมาอวดนักพระเครื่องเมืองกรุง ต่างสนใจขอเช่าต่อ "เสี่ยลิ้ง" บอกว่า "เช่าต่อ" ได้ แต่ห้าม "ต่อราคา" เพราะเช่ามาแพง (กว่าครึ่งล้าน) อย่างองค์ที่นำภาพมาให้ชมในวันนี้คือ พระหลวงพ่อทวด รุ่นหลังเตารีด ปี ๒๕๐๕ พิมพ์ใหญ่ เนื้อโลหะผสม (สีแดง) สภาพสวยคมชัดมาก ผิวพระยังเหมือนเดิมทุกประการ จมูกโด่งไม่มีรอยถลอก หรือสึกหรอ แสดงว่าพระองค์นี้เก็บรักษามาโดยตลอด ไม่ได้นำออกมาใช้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ข่าวว่า "เสี่ยลิ้ง" ไปได้พระองค์นี้มาจากลูกหลานตระกูลใหญ่ของเมืองปัตตานีโดยตรง

** เมื่อวันเสาร์ก่อน อมูเลท คอลัมน์ "เส้นนักพระเครื่อง" ลงเรื่องของ นพ.ทวีชัย จันทร์เพ็ญ ศัลยแพทย์สมอง และผู้บริหารโรงพยาบาลสิงห์บุรีเวชการ จ.สิงห์บุรี ผู้สะสมพระจนเชี่ยวชาญระดับเซียนพระคนหนึ่ง  ได้ลงภาพพระประกอบเรื่องไปบางส่วน วันนี้...คุณหมอทวีชัย ได้มอบภาพพระมาให้อีกคือ พระคง จ.ลำพูน เนื้อดินเผา ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด สร้างสมัย พระนางจามเทวี ผู้ครองนครหริภุญไชย (จ.ลำพูน ในปัจจุบัน) เมื่อกว่า ๑,๒๐๐ ปีก่อน

 ** วันนี้มีภาพเหรียญที่ปรากฏแต่เพียงชื่อ "พระอุปัชฌาย์รอด" เท่านั้น อย่างอื่นไม่มีอะไรเลย นอกจากยันต์หลังเหรียญ ศักดิ์ พนัสนิคม เจ้าของเหรียญนี้บอกว่าเป็น เหรียญพระอุปัชฌาย์รอด หรือ พระครูรอด วัดคลองเขื่อน อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา รุ่นแรก ที่ชาวแปดริ้วนิยมกันมาก เพราะท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ยุคอินโดจีน อีกท่านหนึ่งที่ปลุกเสกเครื่องของขลังให้ลูกศิษย์นำไปใช้ป้องกันตัวในสนามรบ ปรากฏว่าทุกคนล้วนแคล้วคลาดปลอดภัยกลับมาโดยทั่วหน้า เป็นเหรียญเนื้อทองแดง  ราคาเช่าหาประมาณหมื่นกลางๆ ตามปกติเหรียญนี้จะมีแต่ที่ไม่คมชัด เพราะมีการนำไปใช้อย่างสมบุกสมบัน ทำให้เหรียญสึกไปบ้าง แต่เหรียญที่เห็นนี้คมชัดมาก สภาพเดิมๆ ทุกอย่าง เพราะไม่ได้ผ่านการใช้มาก่อนเลย เรียกว่าเป็นเหรียญแชมป์ในทุกวันนี้ก็ว่าได้ เป็นที่น่าสังเกตว่า พระเกจิอาจารย์ ที่มีชื่อว่า "รอด" มักจะมีชื่อโด่งดังด้วยกันทั้งนั้น อาทิ หลวงปู่รอด วัดโคนอน (อาจารย์ของหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง) หลวงปู่รอด วัดนายโรง หลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน จ.สมุทรสาคร หลวงพ่อพรหมสร (รอด) วัดบ้านไพ จ.นครราชสีมา ฯลฯ 

พระเกจิอาจารย์สายใต้ (ยุคเก่า) ในเวลานี้มาแรงจริงๆ สวนกระแสวงการพระที่ใครๆ ก็ว่าซบเซา เช่น เหรียญพระอาจารย์นำ แก้วจันทร์ วัดดอนศาลา จ.พัทลุง ปี ๒๕๑๙ เนื้อโลหะบ้านเชียง ที่ ประกอบ กำเนิดพลอย ดำเนินการจัดสร้างในพระนามของ "เสด็จพระองค์ชายใหญ่" เวลานี้เช่าหากันถึงหลักหมื่นขึ้นไปแล้ว แต่ที่แพงไปกว่านั้นคือ เหรียญหลวงปู่เขียว วัดหรงบล อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ปี ๒๕๑๓ เหรียญรุ่นนี้มีทั้งพิมพ์ทั่วไป และ พิมพ์นิยม ซึ่งดูจาก จุดเล็กๆ เท่าปลายเข็ม ตรงกลางของวงกลมเส้นยันต์ตรงใต้หูเหรียญ หากมีจุดนี้ถือว่าเป็น พิมพ์นิยม ราคาเช่าหาหลักหมื่นกลางๆ หากไม่มีราคาจะย่อมลงเท่าตัว มาถึงวันนี้ยังได้มีการแบ่งจุดขาย ย้ำลงไปอีกที่ตรงตัวเลข ๒๕๑๓ คือ เลข ๒ มีรอยบุบบี้ และเลข ๓ มีรอยแบนๆ เรียกกันว่า "๒ บี้ ๓ แบน" ถ้าหากเป็นอย่างนี้ราคาจะแพงขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเหรียญที่สวยคมชัดอย่างที่เห็นในภาพนี้ก็ต้องว่ากันเฉียดแสนไปโน่นเลย วิศาล นันทสันติ หรือที่เพื่อนๆ เรียกว่า "ทนายพระเครื่อง" เจ้าของเหรียญนี้บอกมา จะเฉียดหมื่นแค่ไหนก็ลองสอบถามไปได้ที่โทร.๐๘-๑๘๐๖-๔๘๑๔ 

** นิตยสาร "ศึกษาและสะสม" ฉบับที่ ๗๙  ปก พระสมเด็จ วัดระฆัง พิมพ์เกศบัวตูม อ่านเรื่องเด่นในฉบับ พระปิดตาหลวงพ่อครน วัดบางแซะ รัฐกลันตัน หลวงปู่ดุลย์ วัดบูรพาราม พระปิดตาหลวงปู่โต๊ะ รุ่นปลดหนี้ ชี้จุดพระสมเด็จ เกศไชโย พิมพ์ ๗ ชั้น พร้อมด้วยภาพพระเครื่องที่เปิดราคาให้เช่าบูชาอย่างกันเอง

** นิตยสาร "ลานโพธิ์" ฉบับใหม่ ปก พระกริ่งเมฆิยะ วัดเขาบางทราย จ.ชลบุรี ๒๕๕๐ เจ้าคุณนรฯ อธิษฐานจิต ในฉบับอ่านเรื่อง ศิลปะสกุลช่างหริภุญไชย พระลือหน้ามงคล หลวงพ่อแก้ว วัดช่องลม หลวงปู่คำดี วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร (สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต) ฯลฯ

หนังสือดีจากค่าย "คเณศ์พร" ของ สมศักดิ์ ศกุนตนาฏ เล่มล่าสุด "เซียนเหรียญ ๓" เส้นทางพิชิต เหรียญหล่อโบราณ ราคาเงินล้าน เจาะลึกทุกซอกมุมที่ต้องรู้ เผยเคล็ดลับ ทุกจุดที่สำคัญ ของเหรียญหล่อยอดนิยมทุกสำนักกว่า ๒๐ เหรียญ ราคา ๑๕๐ บาท สอบถามได้ที่โทร.๐-๒๖๗๘-๐๕๖๔ ** พบกับใหม่ในวันเสาร์ และวันอาทิตย์ ต่อไป...นะมัสเต *** ข่าวพระเครื่อง ที่มา...