บูรณะองค์พระธาตุดอยสุเทพ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร
หลังจากที่ได้มีการเสนอข่าวในเรื่องการบูรณะองค์พระธาตุ
วัดพระธาตุดอยสุเทพโดยจะทำถึงขั้นนำทองจังโกที่ประดับรอบองค์พระธาตุทั้งองค์ออก
มีชาวพุทธสานิกชนจำนวนมากไม่เห็นด้วยที่จะให้เปิดทองรอบองค์พระธาตุออก
พุทธศาสนิกชนเชียงใหม่ค้านไม่อยากให้เปิดทองจังโก้หุ้มองค์พระธาตุดอยสุเทพออกผึ่งแดดทั้งองค์
หวั่นเกิดวิกฤติศรัทธามัวหมอง ขณะที่เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง เตือนระวังเกิดอาเพศ
เพราะจะเหมือนกับลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์..

กรณีกรมศิลปากร ได้ให้ทางคณะวิศวะกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
สำรวจองค์พระธาตุของวัดพระธาตุดอยสุเทพ ราชวรวิหาร จ.เชียงใหม่
เพื่อทำการบูรณะครั้งใหญ่ โดยต้องเปิดทองจังโกที่ห่อหุ้มองค์พระธาตุมายาวนานกว่า
500 ปีออก เพื่อผึ่งแดดให้ภายในแห้งและฉาบปูนใหม่ลงไปทั้งองค์
จะใช้ระยะเวลาการบูรณะถึง 300 วัน
แต่ปรากฏว่าเมื่อลงมือดำเนินการเจาะฝังหมุดมงคลจำนวน 108 จุด รอบๆองค์พระธาตุ
ทางช่างล้านนาที่ดำเนินการพบว่าสภาพภายในองค์พระธาตุยังอยู่ในส่วนที่มั่นคง แข็งแรง
จึงได้แจ้งให้ทางพระเทพวรสิทธาจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ
ทราบจนต้องมีการทบทวนใหม่นั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่
ได้มีการเสนอข่าวในเรื่องการบูรณะองค์พระธาตุ
โดยจะทำถึงขั้นนำทองจังโกที่ประดับรอบองค์พระธาตุทั้งองค์ออก
มีชาวพุทธสานิกชนจำนวนมากไม่เห็นด้วยที่จะให้เปิดทองรอบองค์พระธาตุออก
เหมือนเป็นการเปลือยพระธาตุทั้งองค์ให้เห็นเนื้ออิฐข้างใน
ซึ่งชาวบ้านได้เห็นความงดงามทองอร่ามทั้งองค์มาหลายชั่วอายุคน
แต่ถ้ามาเห็นสภาพขององค์พระธาตุฯในลักษณะเป็นอิฐทั้งองค์จะสร้างความหดหู่ใจ มาก
โดยยกตัวอย่างเหมือนเห็นพระภิกษุสงฆ์ที่ครองจีวรดูเหลืองงามตา
แต่เมื่อถูกถลกผ้าจีวรออกหมดเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน
ก็จะไม่งามตามและอาจจะถึงขั้นคลายความเคารพบูชาลง เช่นเดียวองค์พระธาตุ
หากภาพที่ออกมาไร้ทองปกปิด ก็อาจจะเกิดวิกฤตศรัทธาขึ้นได้
หลายคนยังคัดค้านว่าภูมิปัญญาของคนโบราณในการสร้างเจดีย์ขึ้นจะเห็นว่า
เจดีย์จะมีความมั่นคงแข็งแรงอยู่ได้หลายร้อยปี หากไม่มีใครไปรบกวน
และส่วนที่เจดีย์ที่ถูกทิ้งร้างหากคนไม่ไปเจาะทำลายหาวัตถุมงคล
ก็จะอยู่อย่างมั่นคงแข็งแรงสู้ลมสู้ฝนได้อย่างมั่นคง
แต่เจดีย์ร้างที่พังทลายให้เห็นก็เพราะฝีมือคนที่เข้าไปทำลายเอง
ดังนั้นในส่วนที่มีการบูรณะองค์พระธาตุ หากจะทำแบบหักพร้าด้วยเข่า
ไม่สมควรอย่างยิ่ง จะต้องมีการค่อยทำค่อยบูรณะไป
เพราะเชื่อว่าทุกๆคนก็ไม่อยากจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองต้องมาถูกกระทำ
นอกจากนี้ ยังเกรงจะเกิดกรณีเดียวกับการบูรณะประตูช้าง
มีการรื้อน้ำพุอายุกว่า 50 ปีออก
ปัจจุบันปรากฏว่าที่ดังกล่าวกลายเป็นลานจอดรถชาวบ้านอย่างไร้คุณค่า
แม้แต่เจดีย์วัดกู่เต้า ที่บูรณะแล้วสภาพไม่กลับมางดงามและขลังเหมือนเดิม
จึงขอให้มีการทบทวนในเรื่องนี้ควรจะมีการทำประชาพิจารณ์ให้ฟังความคิดเห็น
ของประชาชนโดยเฉพาะชาวเชียงใหม่ทีมีจิตวิญญาณและวิถีชีวิตที่ผูกพันต่อองค์พระธาตุด้วย
ด้านพระครูสุเทพสิทธิคุณ หรือหลวงพ่อพันเทวา วัย 72
ปีเจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า
ทองจังโกที่หุ้มองค์พระธาตุดอยสุเทพอยู่ ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะไปกระเทาะออกจนหมด
เพราะถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะไปเปิดออกมา
องค์พระธาตุดอยสุเทพทำมาตั้งแต่สมัยพระเจ้ากือนา
มีการฝังตะปูสังฆวานรไว้โดยรอบเพื่อป้องกันสิ่งไม่ดีงามเข้ามาสู่องค์พระธาตุ
ใครที่คิดไม่ดีก็จะมีอันเป็นไป
เพราะการทำพิธีสร้างองค์พระธาตุฯในสมัยโบราณต้องมีการอัญเชิญสิ่ง
ศักดิ์สิทธิ์มาร่วมในพิธี จึงไม่สมคิดอย่างยิ่งที่จะเปิดออกมา เปิดแต่พอได้ลมก็พอ
หากเปิดหมดคนที่มากราบไหว้ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือพุทธะสานิกชนเมื่อ
เห็นแล้วก็จะเกิดความสลดใจขึ้น จึงขอให้มีการทบทวนการบูรณะใหม่
ขณะที่นายวัลลภ นามวงศ์พรหม คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์วัดพระธาตุดอยสุเทพ
กล่าวว่า แต่เดิมว่าหลังจากช่างที่รับเหมาได้ทำการเจาะฝังหมุดพระธาตุ 9 จุดด้วยกัน
ปรากฎว่าเมื่อเจาะฝัง 9 จุดแล้วพบว่ายังมีความมั่นแข็งแรง
อยู่ทางช่างจึงรายงานให้ผู้ควบคุมรับทราบจึงมีการให้หยุดการเจาะในส่วนอื่น
และนำผลที่ได้เสนอต่อคณะวิศวกรรมของ มช. ให้รับทราบและที่ประชุมมีความเห็นสรุปว่า
ให้ดำเนินการฝังหมุดเข้าไปในองค์พระธาตุต่อไปจนครบ 108 จุดเหมือนเดิม
และลอกทองจังโกรอบองค์พระธาตุออกเพื่อผึ่งแดดให้แห้ง
และจะนำเสนอต่อพระเทพวรสิทธาจารย์
ก่อนว่าจะเห็นเป็นประการใดจึงจะดำเนินการต่อไป
ที่มาหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/region/34647