
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า พระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ระหว่างวันที่ 9-17 ธ.ค. 2552 นี้ ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
พระอารามหลวงอันเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 5 มีการจัดงานสำคัญงานหนึ่งคือ
พิธีบำเพ็ญราชกุศลอุทิศถวาย พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า พระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ซึ่งพิธีบำเพ็ญราชกุศลครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์
ทั้งนี้ ในวันที่ 16 ธ.ค. 2552
เวลา 10.00 น. สมเด็จพระบรม โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จะเสด็จพระราชดำเนิน
พร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทรงบำเพ็ญ พระราชกุศล
ขณะที่ในวันที่ 12 ธ.ค. 2552 เวลา 14.00 น. สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนิน ไปในพิธีพุทธาภิเษกสิ่งมงคล
พร้อมทรงเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พิธีบำเพ็ญราชกุศลอุทิศถวาย พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ ครั้งนี้
จัดขึ้นเนื่องในอภิลักขิตสมัย 150 ปี นับแต่วันประสูติ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
พระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์มาแล้วถึง 2 พระองค์
นั่นคือ สมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถร) ผู้ทรงดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายก
ก่อนสมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน ส่วนอีกพระองค์คือ พระเจ้าวรวงศ์ เธอ
กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
พระเจ้าวรวงศ์เธอ
กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ ประสูติเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2402 มีพระนามเดิมว่า
หม่อมเจ้าภุชงค์ ชมพูนุท ทรงเป็นพระโอรสองค์ใหญ่ใน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมขุนเจริญผลพูลสวัสดิ์ (พระราชโอรสลำดับที่ 49 ใน
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว) ประสูติแต่ หม่อมปุ่น ชมพูนุท ณ
อยุธยา
ครั้นพระชันษา 14 ปี ทรงผนวชเป็นสามเณร ประทับ ณ
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทรงเล่าเรียนพระปริยัติธรรมจนถึงพระชันษาครบอุปสมบท
และได้ทรงผนวชเป็นพระภิกษุ เมื่อ พ.ศ. 2422 ทรงได้รับพระนามฉายาว่า สิริวฑฺฒโน
และดำรงในสมณเพศตลอดพระชนม์ชีพ ทรงเป็น เจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ พระองค์ที่ 2
สืบต่อจาก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพระอรุณนิภาคุณากร ซึ่งสิ้นพระชนม์ เมื่อปี พ.ศ.
2444
ระหว่างทรงผนวชทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจนานัปการ เช่น ทรงเป็น
พระราชกรรมวาจา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และรัชกาล 7
เมื่อครั้งทรงผนวช ทรงเป็นผู้บุกเบิกและบริหารกิจการ มหามกุฎราชวิทยาลัย
และยังทรงเป็นผู้ก่อตั้ง มูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัย
ทรงเป็นผู้ตรวจชำระพระบาลีพระไตรปิฎกฉบับพิมพ์ในสมัย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเป็นประธาน
กรรมการชำระพระบาลีพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดทำขึ้น
นอกจากนี้
ทรงมีผลงานพระนิพนธ์มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ทรงมี
วัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาพระปริยัติธรรม ตลอดจนเรื่องราวเกี่ยวเนื่อง
ในพระพุทธศาสนา เช่น พระคัมภีร์อภิธานัปปทีปิกา ซึ่งเป็นพจนานุกรมบาลี-ไทยเล่มแรก,
มหานิบาตชาดก, จตฺตาฬีสนิบาต รวมชาดก 4 เรื่อง
และยังทรงมีพระปรีชาสามารถด้านร้อยกรอง
ดังจะเห็นได้จากพระนิพนธ์โคลงเรื่องรามเกียรติ์
ซึ่งจารึกอยู่บนพระระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
นอกจากนี้ยังมีพระนิพนธ์หลายเรื่องที่มีความยาว เช่น พระธรรมเทศนากัณฑ์ต่าง ๆ
พระอนุศาสนี และพระนิพนธ์ร้อยกรองอีกมาก
ในสมัยรัชกาลที่ 6
ทรงได้รับพระราชทานสถาปนาพระอิสริยยศ จากสมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์
เจ้าคณะใหญ่คณะกลาง ขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ดำรงตำแหน่งสกลสังฆปริณายก
ปธานาธิบดีแห่งสังฆมณฑลทั่วราชอาณาจักร ถือเป็น สมเด็จพระสังฆ
ราชเจ้าพระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ทั้งนี้
ด้วยพระวิจารณปัญญาอันสุขุมคัมภีรภาพ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ทรงมุ่งมั่นในการ อนุศาสน์สั่งสอน
ทรงวางพระองค์เป็นเนติแบบอย่างแก่พุทธบริษัท ทั้ง บรรพชิตและคฤหัสถ์
เพื่อให้กระจ่างในกิจอันพึงปฏิบัติตามพระบรม พุทโธวาท
ทรงเป็นอัจฉริยบุรุษผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระปัญญาคุณและพระคุณูปการอันเป็นพิเศษ
เหนือสามัญ ทรงมุ่งมั่นบำเพ็ญไว้เป็นหิตานุหิตประโยชน์
ทั้งแก่บวรพุทธศาสนาและประเทศชาติ ทรงเป็นปราชญ์ทาง พระพุทธศาสนาที่สำคัญยิ่งแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
บุคคลผู้มีปัญญา จะทำสิ่งใด หรือกล่าวอันใด หรือคิดสิ่งใด โดยปราศจากความโลภ
ความโกรธ ความหลง สิ่งที่ทำ คำที่พูด สิ่งที่ คิดนั้น ชื่อว่าเป็นธรรม เป็นวินัยแท้
บุคคลผู้ไร้ปัญญา จะทำสิ่งใด กล่าวอันใด หรือคิดสิ่งใด โดยประกอบด้วยความโลภ
ความโกรธ ความหลง สิ่งที่ทำ คำที่พูด สิ่งที่คิดนั้น ก็จัดว่าไม่ใช่ธรรม
ไม่ใช่วินัย... ...นี่เป็นส่วนหนึ่งจากพระโอวาทของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ
กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ซึ่งในอภิลักขิตสมัย 150 ปี
นับแต่วันประสูติของพระองค์ พระโอวาทนี้ก็ยังคงร่วมสมัย
และ ณ
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ระหว่างวันที่ 9-17 ธ.ค. 2552 นี้ ณ พระอารามหลวงแห่งนี้
ที่นี่จะยิ่งเป็น ขุมทรัพย์ทางธรรม ที่สำคัญ ยิ่งขึ้นกว่าในช่วงเวลาปกติ
ด้วยกิจกรรมทางธรรมต่าง ๆ มากมาย
ที่สำคัญคือ...ด้วยพระปัญญาคุณและพระคุณูปการของ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
พระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์.
ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์