ประวัติพ่อท่านลอย กุสโร วัดชายคลอง ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช

ประวัติพ่อท่านลอย กุสโร วัดชายคลอง ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช พระเกจิอาจารย์เมืองทุ่งสง ที่เรียบเรียงและเขียนขึ้นโดยคุณบ่าวที่วัง เนื่องจากข้อมูลที่บันทึกเป็นหลังฐานจากอดีตนั้นหายากมาก คุณบ่าวที่วังจึงสอบถามและเขียนขึ้นจากคำบอกกล่าวของท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันคือหลวงพ่อแบน

พ่อท่านลอย กุสโร วัดชายคลอง ต.ควนกลด อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช

คำผู้เขียน (คุณบ่าวที่วัง)

ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวที่วัดชายคลอง ต.ควนกลด อ.ทุ่งสง ซึ่งไปด้วยความที่ไม่เคยทราบประวัติของพ่อท่านลอยมาก่อนเลยว่าพ่อท่านลอยคือใคร ยังอยู่หรือไม่ และมีอยู่ครั้งหนึ่งผมได้ไปหาปู่ของภรรยาผมพร้อมกับเหรียญพ่อท่านลอยติดตัวไปด้วยเพื่อให้ปู่ท่านได้ดูว่าท่านรู้จักเหรียญพ่อท่านลอยเหรียญนี้หรือไม่ คำตอบคือรู้จักเหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้จักท่านดีเท่าที่ควร รู้จักเพียงแต่อดีตเจ้าอาวาสของวัดชายคลอง คือ “พ่อท่านหลัด” ปู่ท่านเล่าให้ฟังแต่เรื่องของอดีตเจ้าอาวาสรูปก่อน ท่านเล่าให้ฟังว่าใครก็ตามแต่มีความศรัทธาในตัวของท่านหลัดส่วนใหญ่ก็มุ่งหน้าเข้าไปหาท่านต่างก็ขอพรบ้าง และบางคนมีการบนบานสานกล่าวบ้าง เมื่อได้ตามสิ่งที่ตนต้องการตามที่บนบานไว้แล้วต้องเอา นกเขาไปแขวนให้ท่านฟังเพื่อเป็นการแก้บน เพราะพ่อท่านหลัดนั้นชอบฟังเสียงนกเขามาก แต่ปู่ก็ไม่เคยได้เล่าเรื่องของพ่อท่านลอยให้ฟังเลยว่าประวัติท่านมีความเป็นมาอย่างไร

ที่กล่าวมาก็เป็นจุดเริ่มต้นให้ผมต้องตามหาประวัติของพ่อท่านลอย กุสโร ด้วยตัวของผมเอง แต่ก็มีอุปสรรคเหมือนกัน เพราะหาคนรู้จักประวัติท่านจริงหาได้ยากมาก แต่ก็มีคนในพื้นที่ใกล้วัดคนหนึ่ง บอกผมเหมือนกันว่า ถ้าเองได้รู้ประวัติของท่านว่ามีความเป็นมาอย่างแล้วนั้น ก็หมายความว่าเองนี้บุญหนักหนา และมันก็เป็นคำพูดที่ท้าท้ายสำหรับผมมากที่จะตามหาชีวประวัติของพระสงฆ์รูปนี้ที่มีคนน้อยคนรู้จักประวัติท่านดี

ครั้นเมื่อผมไปหาข้อมูลเข้าจริงๆ ก็เป็นเช่นนั้นอย่างที่เขาว่าจริงๆ แต่ความพยายามของผมก็ไม่ลดละแต่อย่างใด จนวันหนึ่งได้เดินทางไปที่วัดโดยตรงเลย โดยไม่ถามชาวบ้านละแวกนั้นเลยแม้แต่คนเดียว เพราะหาคนมีข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำยากมาก จนผมได้มาพบกับท่านเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน คือ หลวงพ่อแบน ท่านคือผู้รู้ข้อมูลของพ่อท่านลอยมากพอสมควร และหลวงพ่อก็บอกว่าจะพยายามเล่าเรื่องราวและประวัติของพ่อท่านลอยให้เยอะที่สุดเท่าที่ท่านจำได้ และนี้ก็คือความหวังของผมที่ได้ทราบประวัติของพ่อท่านลอยที่ผมตามหา เพื่อที่จะนำมาเผยแพร่ ให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงชีวประวัติของเกจิอาจารย์เมืองทุ่งสงของเรา 

รูปหล่อพ่อท่านลอย กุสโร วัดชายคลอง ลอยองค์รุ่นแรก กะไหล่ทอง
(รูปจากคุณปาล์มหัวไทร)

ประวัติพ่อท่านลอย กุสโร (จากการพูดคุยสอบถามจากท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน)

หลวงพ่อแบน วัดชายคลอง (เป็นลูกศิษย์พ่อท่านท้วม วัดศรีสุวรรณ) เล่าให้ฟังว่า พื้นเพพ่อท่านลอยเป็นคนทุ่งสง (ตระกุลหนูขาว)ถิ่นฐานบ้านเกิดอยู่ใกล้กับวัดคงคาเจริญ (วัดจอด) พ่อท่านลอยเมื่อตอนยังเป็นฆราวาสนั้นท่านเป็นอดีตควาญช้าง ที่มีความรู้ ความสามารถ ในการคล้องช้างป่าเป็นอย่างมาก ซึ่งคนที่จะเป็นควาญช้างในอดีตได้นั้นก็ต้องมีความกล้าหาญ ความรู้ความสามารถ และวิชาทางไสยเวทย์เป็นอย่างมาก ซึ่งพ่อท่านลอยนั้นท่านได้ร่ำเรียนวิชาไสยเวทย์ต่างๆ จากบรรพบุรุษของท่าน ในอดีตที่เป็นควาญช้างนั้นพ่อท่านลอยได้ไปอยู่และศึกษาร่ำเรียนอยู่กับ “ขุนนัย” ผู้เป็นควาญช้างที่มีความเชี่ยวชาญในการคล้องช้างป่า และทรงอิทธิฤทธิ์ทางไสยเวทย์มาก ความที่พ่อท่านเป็นควาญช้างนั้นต้องเป็นคนกล้าหาญ สู้คน จึงทำให้เหมือนว่าท่านเป็นคนดุ ใจร้อน(เพราะดื่มสุรา) ไม่ค่อยสนใจใครคิดอะไรก็ทำเช่นนั้น ตรงไปตรงมา แต่เบื้องลึกจิตใจจริงของท่านเป็นคนที่ช่วยเหลือคนที่เดือนร้อนอยู่บ่อยครั้ง ชีวิตที่ยังเป็นฆราวาสอยู่นั้น พ่อท่านลอยก็ได้แต่งงานมีครอบครัวและมีบุตรด้วยกัน ๒ คน(ตามคำบอกเล่า) และท่านก็ได้ใช้ชีวิตที่เป็นฆราวาสกับครอบครัวมายาวนาน จนถึงวันหนึ่งที่ท่านคิดว่าท่านหมดห่วงในครอบครัวแล้ว จึงตัดสินใจออกบวช โดยพระครูเย็น (วัดโคกสะท้อน) เป็นพระอุปัชฌาย์ให้ และพระสุรินทร์ เป็นพระคู่สวด

หลวงพ่อแบน เล่าให้ฟังว่าตอนที่พ่อท่านออกบวชนั้นอายุของพ่อท่านก็เกือบ ๖๐ ปีแล้ว และได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดชายคลองเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๒ และพ่อท่านลอย มรณภาพใน วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ เวลาประมาณ ๕ โมงเย็น รวมสิริอายุ ๙๐ กว่าปี (และเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อว่าวันที่ผมไปนั้นเป็นคล้ายวันมรณภาพของพ่อท่านลอยพอดี คือวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เหมือนว่าดลใจให้ผมเข้าไปกราบท่านเพื่อนำชีวประวัติของท่านมาเผยแพร่) ซึ่งก็ถือว่าพ่อท่านลอยนั้นเป็นเกจิอาจารย์ที่มีอายุยืนรูปหนึ่งของเมืองทุ่งสงเหมือนกัน และการมรณภาพของพ่อท่านลอยนั้น พ่อท่านก็มิได้นำสังขารของพ่อท่านตามไปด้วยแต่พ่อท่านกลับทิ้งสังขารของพ่อท่านไว้ให้ลูกหลานรุ่นหลังได้กราบไว้บูชา และระลึกถึงคุณงามความดีที่พ่อท่านได้สร้างไว้กับวัดชายคลอง และชาวบ้านที่นับถือศรัทธาพ่อท่านลอย 

เรื่องเล่า-พ่อท่านลอย กุสโร

เรื่องแรก
ชาวบ้านท่านหนึ่งที่อยู่ใกล้วัดเล่าให้ผมฟังว่า พ่อท่านลอยนั้นสามารถรักษาคนบ้า คนถูกทำกุนไสย ถูกผีป่าเข้าสิงได้ รักษาโดยวิธีใช้ “น้ำหมาหมี ๒๒ นิ้ว”
- หมาหมี ๒๒ นิ้ว(หมาดำทั้งตัว เล็บมือดำ เล็บเท้าดำ ลิ้นดำ มีนิ้วรวมกันได้ ๒๒ นิ้ว)
- น้ำหมาหมี (เอาน้ำแรกใต้ท้องหมาหมีจากการอาบน้ำ)

เรื่องที่สอง

หลวงพ่อแบน เมตตาเล่าให้ผมฟังว่า เมื่อครั้งหนึ่งได้มีชาวบ้านคนหนึ่งถูกผีป่าจากหุบเขาไม้ดักเข้าสิงร่าง (เขาไม้ดักอยู่ที่บ้านช่องเข่า ซึ่งมีศาลาเทวดาเขาไม้ดัก ปกปักรักษาอยู่) ญาติพี่น้องของผู้ที่ถูกผีป่าเข้าสิง ก็ได้พาตัวมาที่วัดชายคลองและได้นิมนต์ให้พ่อท่านลอยช่วยรักษา ก่อนที่พ่อท่านจะออกมาจากกุฏิ ผู้ที่ถูกผีป่าเข้าสิงก็ล้มตัวลงนอนมีอาการเลื้อยเหมือนงู มีพละกำลังมากมาย ท่าทางดุร้าย ต่างก็ช่วยกันจับเอาไว้แต่ก็ต้านทานแรงของผีป่าไม่ไหว และพยายามเลื้อยหนีออกไปทางปะตูทางเข้าวัดอยู่ตลอดเวลา เหมือนว่าผีป่าตนนี้ ได้เห็น ได้สัมผัส และกำลังกลัวอะไรบางอย่างอยู่ แต่เมื่อญาติพี่น้องและชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์ครั้งนั้น พร้อมทั้งหลวงพ่อแบน หันไปเห็นพ่อท่านลอยกำลังลงมาจากกุฏิพ่อดี ทุกคนต่างคิดกันว่าเป็นเพราะบารมีของพ่อท่านลอยที่ทำให้ผู้ถูกผีป่าเข้าสิงนั้นกลัว และคิดจะเลื้อยหนี้ออกจากวัด

พอพ่อท่านลอยมาถึงพ่อท่านก็ได้ให้คนไปหา “หยวกกล้วย” แล้วพ่อท่านก็ได้ฉีกหยวกกล้วยเป็นเส้นๆ ทำเหมือนกับว่าเป็นเชือกจะไปคล้องอะไร (เหมือนเชือกคล้องช้าง) พร้อมทั้งบริกรรมคาถา เมื่อบริกรรมคาถาเสร็จพ่อท่านลอยก็ได้นำเชือกกล้วย ไปคล้องที่ข้อมือของผู้ที่ถูกผีป่าเข้าสิง แล้วก็ลากมาอย่างง่ายดาย ทั้ง ๆ ที่ผีป่าตนนั้นมีพละกำลังมากมาย และก็ดุร้ายด้วย และหลังจากนั้นพ่อท่านลอยก็ได้บริกรรมคาถาขับไล่ผีป่าตนนั้นหนีไป

เหรียญหลวงพ่อลอย วัดชายคลอง รุ่นแรก ปี2537
(รูปจากคุณปาล์มหัวไทร)

ทำเนียบวัตถุมงคล-พ่อท่านลอย กุสโร วัตถุมงคลที่พ่อท่านสร้างเอาไว้ คือ
1. เหรียญรุ่นแรก สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๗ จะบอกปี พ.ศ.ที่สร้างอยู่ด้านล่างของเหรียญ
2. เหรียญรุ่นสอง สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๘
3. เหรียญรุ่นสาม สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๔ (โดยอธิบดีกรมทางหลวง นายลิขิต ขาวนวล) ทำ ย้อนยุคเหมือนเหรียญรุ่นแรก
4. เหรียญรุ่นสี่ สร้างเมื่อปี     พ.ศ. ๒๕๔๗ (หลังจากมรณภาพ)

ด้วยบารมีของพ่อท่านลอยข้าพเจ้าได้นำชีวประวัติแค่บางส่วนของพ่อท่านออกเผยแพร่ให้ผู้คนทั่วไปได้ศึกษาเรียนรู้ มิได้หลบหลู่แต่อย่าใด หากแต่สิ่งใดที่ข้าพเจ้านั้นเผยแพร่ออกไปมิถูกมิควรขอบารมีพ่อท่านลอยจงให้อภัยแก่ตัวข้าพเจ้า หากแต่สิ่งที่ข้าพเจ้านั้นได้เผยแพร่ออกไปนี้เป็นสิ่งที่เห็นว่าดีและเหมาะสมก็ขอให้สิ่งดี ๆ บังเกิดแก่ตัวข้าพเจ้าและครอบครัว และหากว่าผู้ใดที่นำชีวประวัติของพ่อท่านลอยออกเผยแพร่ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ก็ขอบารมีของพ่อท่านลอย จงดลบันดาลให้ผู้นั้นและครอบครัวมีแต่สิ่งดี ๆ บังเกิดกับผู้นั้นด้วยเทอญ...

จากใจผู้เขียน บ่าวที่วัง
วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔