พระเครื่อง อมูเลทตั้มศรีวิชัย ตลาดพระเครื่องรางของขลัง สวนไผ่สกลนคร หน่อไม้น้ำ หญ้าหวานอิสราเอล วันตรุษจีน2567
>...ตั้มศรีวิชัย TumAmulet ...< Thailand Amulet Charms |
คำแนะนำจากตำรวจเมื่อถูกโกง |
เงื่อนไขการรับประกัน การันตีพระเครื่อง |
สารบัญพระเครื่องเมืองนคร |
ทำเนียบพระกรุเมืองนคร |
ทำเนียบพระเครื่องเมืองนคร |
ชมรมพระเครื่อง |
บูชาพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง Amulets Charms Talismans |
ตลาดพระ amulet for you |
เช่า-บูชา เครื่องรางของขลัง |
พระหลวงปู่ทวด วัดต่างๆ |
จตุคาม-รามเทพ หลักเมืองนคร Jatukamramtep (Jatukarm) |
หลักเมืองนครศรีธรรมราช |
จตุคาม ของดีนำมาโชว์ |
บทความ น่ารู้องค์พ่อจตุคาม |
Jatukam Amulets |
บทความจตุคามรามเทพ |
ลิงค์น่าสนใจ |
หนังสือพิมพ์ |
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน |
เทศกาล วันสำคัญ |
ดวง ดูดวง หน้าหลัก |
บทความดีๆ |
นิทานสอนใจ |
วัฒนธรรมไทย ประเพณีไทย |
บทสวดมนต์ สำหรับชาวพุทธ |
พระเครื่อง นานาสาระ |
พระพุทธรูปสำคัญของไทย |
คาถา-อาคม พระคาถาอาคม |
พระพุทธรูปปางต่างๆ |
พุทธศาสนสุภาษิต |
ข่าวพระเครื่อง |
บทความพระเครื่อง |
Thai Buddha Amulets |
ข่าวพระพุทธศาสนา |
ข่าวเครื่องรางของขลัง |
สาระพระเครื่องไทย |
ประวัติพระวิปัสสนาจารย์ |
สวนไผ่ พันธุ์หญ้า ธนภัทรสกลนคร สินค้าเกษตรออนไลน์ ไผ่สายพันธุ์ต่างๆ ไผ่ข้าวหลามกาบแดง ไผ่ซางหม่น หน่อไม้น้ำ หญ้าหวานอิสราเอล หญ้านรกจักรพรรดิ์ หญ้าเนเปียร์ปากช่อง1 หญ้าเนเปียร์แคระ หญ้าเนเปียร์ท้ายเขื่อนซุปเปอร์ลีฟ สะสมพระเครื่อง แต่ใจรักเกษตรผสมผสาน
|
หลวงพ่อปัญญา มรณภาพ ร่ำอาลัยพระนักเทศน์ เผยไตวายเฉียบพลัน สิ้นลมสงบ-อายุ96ปี พิธีรดน้ำศพวันที่12ตค. คณะสงฆ์สูญเสียพระนักเทศน์-นักเผยแผ่ธรรมะชื่อดัง"หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ" เผยมรณภาพสงบด้วยอาการปอดอักเสบและไตวายเฉียบพลัน หลังลูกศิษย์ส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลศิริราชเมื่อวันที่ 6 ต.ค. เนื่องจากหลวงพ่อสำลักอาหารและมีอาการซึมผิดปกติ เคลื่อนศพไปเก็บไว้ที่โรงพยาบาลชลประทาน เพื่อรอพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพในวันที่ 12 ต.ค.นี้ ศิษยานุศิษย์ต่างหลั่งน้ำตาอาลัยการจากไป เลขานุการวัดชลประทานฯเผยปณิธานสุดท้ายอยากสร้างโบสถ์กลางน้ำให้มหาจุฬาฯวังน้อยให้เสร็จสิ้น ถึงกับปรารภว่าจะไม่ยอมตายถ้าหากสร้างไม่เสร็จ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 ต.ค. ที่หออภิบาลอายุรศาสตร์ ห้องซีซียู ชั้น 3 ตึกอัษฎางค์ โรงพยาบาลศิริราช พระพรหมมังคลาจารย์ หรือ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้มรณภาพลงอย่างสงบ ด้วยโรคปอดอักเสบ และไตวายเฉียบพลัน สิริรวมอายุ 96 ปี พรรษา 76 ทันทีที่คณะศิษยานุศิษย์ทราบข่าว ต่างพากันมารอกราบศพที่ด้านหน้าห้องซีซียูกว่า 20 คน แต่ทางโรงพยาบาลไม่สามารถให้เข้าไปในห้องไอซียูได้ โดยจะให้เฉพาะญาติสนิทและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปรับสรีระสังขารเท่านั้น ทั้งนี้ บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าสลด คณะศิษยานุศิษย์บางคนถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ อาลัยต่อการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของพระนักเทศน์ชื่อดัง จากนั้นเวลา 10.45 น. โรงพยาบาลได้เคลื่อนศพไปฉีดฟอร์มาลิน ก่อนที่จะเคลื่อนศพไปที่ศาลาพิธีศพ ตึกอดุลยเดชวิกรม เพื่อรอรถพยาบาลมารับศพไปยังโรงพยาบาลชลประทาน จ.นนทบุรี ระหว่างที่รอรถพยาบาลอยู่นั้น ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ากราบสังขารของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เป็นเวลาประมาณ 20 นาที จนถึงเวลา 12.10 น. จึงได้เคลื่อนศพออกจากโรงพยาบาลศิริราช ในระหว่างการเคลื่อนย้ายสรีระสังขารของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ตั้งแต่ออกจากห้องซีซียู จนกระทั่งออกจากโรงพยาบาลศิริราช ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก น.พ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช เปิดแถลงข่าวถึงสาเหตุการมรณภาพว่า หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ได้เข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราชตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ด้วยอาการหน้ามืด วูบ และแน่นหน้าอก ซึ่งก่อนหน้านี้ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เคยมีอาการหลอดเลือดหัวใจตีบตันมาก่อน และเคยรับการถ่างขยายหลอดเลือดมาแล้ว จนเมื่อมาถึงโรงพยาบาลศิริราช ทีมแพทย์ได้วินิจฉัยอาการพบว่า มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เนื่องจากหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ต่อมาในวันที่ 6 ต.ค. พบว่าหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุมีอาการไอ มีเสมหะ และมีการติดเชื้อในปอด อีกทั้งการทำงานของไตเริ่มแย่ลง ส่งผลการให้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาอาการปอดติดเชื้อขาดประสิทธิภาพ และเมื่อไตทำงานแย่ลง ประกอบกับหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ มีอายุมาก จึงทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน ส่งผลให้เกิดหัวใจหยุดเต้นไปหนึ่งครั้ง ในช่วงค่ำของวันที่ 9 ต.ค. ทีมแพทย์ได้พยายามช่วยยื้ออาการไว้ได้เป็นผลสำเร็จชั่วคราว แต่ต่อมาในเช้าวันที่ 10 ต.ค. อาการหลวงพ่อทรุดหนักลง การเต้นของหัวใจก็หยุดลงอีก และมรณภาพลงอย่างสงบ เวลา 09.00 น. วันที่ 10 ต.ค. ด้วยอาการโรคปอดอักเสบและไตวายเฉียบพลัน พระครูพิมลสรกิจ พระเลขานุการของพระพรหมมังคลาจารย์ กล่าวว่า หลวงพ่อเริ่มมีอาการตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. โดยมีอาการแน่นหน้าอก และสำลักอาหารขณะฉันเพล จึงนำส่งโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งในช่วงเช้าของวันที่ 9 ต.ค. หลวงพ่อยังคุยได้ตามปกติ แต่พอช่วงบ่ายมีอาการซึม กระทั่งมรณภาพในที่สุด หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ มีความเป็นห่วงมากเรื่องการสร้างอุโบสถกลางน้ำให้มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) วิทยาเขตวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยาอย่างมาก และท่านบอกว่าจะทำงานชิ้นนี้เป็นชิ้นสุดท้าย ถึงขนาดที่ท่านบอกเลยว่า จะอยู่ถึง 100 ปี และจะไม่ยอมตายหากยังสร้างไม่เสร็จ ซึ่งขณะนี้การดำเนินการก็คืบหน้าไปมากแล้ว ซึ่งการมรณภาพของท่าน ลูกศิษย์ทุกคนต่างเสียใจเป็นอันมาก นอกจากนี้ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ยังเป็นสหายธรรมกับท่านพุทธทาสภิกขุ ในการบุกเบิกสวนโมกขพลาราม ที่จ.สุราษฎร์ธานี มาด้วยกัน ด้านพระเทพปริยัติเมธี เจ้าคณะภาค 17 และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ กล่าวว่า วัดชลประทานรังสฤษฏ์ ได้ประสานกับทางโรงพยาบาลชลประทาน ให้นำศพหลวงพ่อปัญญา เก็บไว้ในห้องที่มีอุณหภูมิต่ำช่วยรักษาสภาพศพให้สมบูรณ์ที่สุดเป็นเวลา 2 คืน และเปิดให้ประชาชนได้ลงนามเขียนคำไว้อาลัย ตรงบริเวณชั้นล่าง ณ ตึก 80 ปี ปัญญานันทะ โรงพยาบาลชลประทาน ทั้งนี้ ในวันที่ 10 ต.ค. วัดชลประทานฯ กำลังจัดเตรียมงานพิธีรดน้ำศพ พร้อมทั้งให้พระภิกษุและสามเณรลูกวัด ช่วยกันทำความสะอาดศาลาขจรประศาสน์และบริเวณวัดโดยรอบ ทำให้ไม่สะดวกที่จะเคลื่อนย้ายศพหลวงพ่อมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัด อีกทั้งในวันที่ 11 ต.ค. เป็นวันพระใหญ่ ที่พระสงฆ์ต้องลงสวดปาติโมกข์ ไม่สะดวกอีกเช่นกัน กำหนดการต่างๆ จึงไปลงตัวอย่างที่สุด ในวันศุกร์ที่ 12 ต.ค. ทั้งนี้ ได้คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยมีเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน เจ้าหน้าที่จากมหาจุฬาฯ และเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองนนทบุรี ประสานให้ความร่วมมือกับวัดชลประทานฯ ในการอำนวยความสะดวกในงานพิธีดังกล่าว สำหรับกำหนดการเคลื่อนย้ายศพหลวงพ่อปัญญานันทะมาบำเพ็ญกุศลในวันที่ 12 ต.ค.นั้น เวลา 08.30 น. เคลื่อนย้ายศพหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุจากโรงพยาบาลชลประทาน มาไว้ที่วัดชลประทานฯ และประกอบพิธีบรรจุศพลงในโกศพระราชทาน ณ ศาลาขจรประศาสน์ เวลา 09.00 น. เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้รดน้ำศพหลวงพ่ออย่างใกล้ชิด เวลา 17.00 น. พิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ และแขกผู้มีเกียรติเข้ารดน้ำศพ อาทิ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และกรรมการมหาเถรสมาคม พระเถรานุเถระชั้นผู้ใหญ่ รวมทั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ภายหลังพิธีจะได้เก็บศพหลวงพ่อไว้ 100 วัน เพื่อรอการพระราชทานเพลิงต่อไป สำหรับบรรยากาศที่วัดชลประทานรังสฤษฏ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรีนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีประชาชนทยอยเดินทางมาสอบถามข้อเท็จจริงถึงข่าวการมรณภาพของหลวงพ่อปัญญานันทะอย่างไม่ขาดสาย และเมื่อทราบว่าหลวงพ่อปัญญาได้มรณภาพแล้วด้วยอาการของโรคไตวายเฉียบพลัน ก็พากันแสดงความรู้สึกเสียใจออกมา เวลา 13.30 น. รถกู้ชีพของโรงพยาบาลชลประทาน ได้นำศพของหลวงพ่อปัญญานันทะ เดินทางมาถึงโรงพยาบาล โดยมีข้าราชการ แพทย์ พยาบาล รวมทั้งประชาชนที่ทราบข่าวการมรณภาพต่างมายืนเข้าแถวทั้งฝั่งทางเดินเพื่อรอรับและสักการะศพ บางคนถึงกับร้องไห้ บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าโศก ก่อนที่จะนำศพของหลวงพ่อขึ้นไปยังชั้น 4 ห้องจินดาสงวน ห้อง 401 ซึ่งทางโรงพยาบาลได้จัดไว้เป็นห้องพิเศษสำหรับหลวงพ่อปัญญานันทะในยามที่ต้องมาเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลชลประทานเป็นประจำ ขณะเดียวกันทางโรงพยาบาลชลประทาน ได้จัดเตรียมสถานที่บริเวณด้านล่างอาคาร 80 ปีปัญญานันทะ ให้เป็นสถานที่ให้ประชาชนร่วมลงนามไว้อาลัย ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากทยอยเดินทางมาลงนามอย่างต่อเนื่อง ต่อมานายแพทย์อุทัย สุภาพ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชลประทาน พร้อมด้วยพระครูปลัดสุวัฒนมงคลวรคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชลประทานฯ และดร.ชาติชาย พิทักษ์ธนาคม เลขานุการวัดชลประทานฯ และรองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้ร่วมกันเปิดแถลงข่าวที่ห้องประชุมชั้น 6 โรงพยาบาลชลประทาน นายแพทย์อุทัย ได้กล่าวว่า หลวงพ่อได้มาเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลชลประทานเมื่อวันที่ 30 กันยายนเมื่อช่วงบ่ายด้วยอาการของโรคปอดอักเสบและไตวาย ซึ่งเป็นโรคประจำตัวของหลวงพ่อ ต่อมาวันที่ 1 ตุลาคม ทางโรงพยาบาลได้ส่งตัวหลวงพ่อปัญญา ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช จนกระทั่งหลวงพ่อได้มรณภาพลงด้วยโรคไตวายเฉียบพลัน ซึ่งก่อนหน้าที่หลวงพ่อจะถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลในวันที่ 30 ก.ย. เพียง 2 วัน ทางโรงพยาบาลได้ทำบอลลูนหัวใจให้กับหลวงพ่อ ก็ไม่พบว่ามีอาการใดๆ ผิดปกติ กระทั่งมาทราบข่าวว่าหลวงพ่อมรณภาพแล้วเมื่อเช้านี้จึงเดินทางไปรับศพหลวงพ่อที่โรงพยาบาลศิริราชกลับมาที่โรงพยาบาลชลประทาน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่หลวงพ่อสร้างขึ้นเองด้วยเงินทำบุญ ทั้งนี้เพื่อเป็นการให้เกียรติกับหลวงพ่อซึ่งเป็นคุโณปการของโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลจึงต้องปฏิบัติกับหลวงพ่อให้สมเกียรติ ดังนั้นทางโรงพยาบาลจึงเก็บรักษานำศพของหลวงพ่อไว้ที่โรงพยาบาลไปจนถึงวันที่ 12 ต.ค.ก่อนที่จะนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดชลประทานฯต่อไป พระครูปลัดสุวัฒนมงคลวรคุณ กล่าวว่า อาตมาอยากให้ประชาชนที่รักและเคารพในตัวหลวงพ่อที่ต้องการเดินทางมาสักการะหลวงพ่อที่โรงพยาบาลนั้น ทำการสักการะที่บริเวณชั้นล่างของอาคารที่โรงพยาบาลได้จัดเตรียมไว้เท่านั้น เนื่องจากห้องที่เก็บรักษาศพของหลวงพ่อเป็นห้องพิเศษ มีขนาดไม่ใหญ่มาก และเกรงว่าจะเกิดความไม่สะดวก จึงขอให้ผู้ที่ต้องการเดินทางมาสักการะที่โรงพยาบาลใช้สถานที่ชั้นล่างของโรงพยาบาลไปก่อน และเมื่อทางวัดได้จัดเตรียมสถานที่จัดงานภายในวัดให้กับหลวงพ่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะเคลื่อนย้ายศพของหลวงพ่อไปบำเพ็ญกุศลและเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ารดน้ำอย่างเป็นทางการ โดยในเบื้องต้นได้ทำการปรึกษาหารือกันแล้วว่าจะทำการเก็บศพของหลวงพ่อไว้ 100 วัน ดร.ชาติชาย พิทักษ์ธนาคม ในฐานะรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จะร่วมเป็นเจ้าภาพในสวดบำเพ็ญกุศลให้กับหลวงพ่อทุกคืน สำหรับโครงการต่าง ๆ ที่หลวงพ่อได้ทำไว้นั้น ทุกโครงการจะได้รับการสานงานต่อไป โดยเฉพาะโครงการงานสร้างอุโบสถกลางน้ำของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่อำเภอวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งใช้เงินจำนวนกว่า 136 ล้านบาทนั้น ทุกอย่างได้เตรียมพร้อมไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะต้องสร้างไปตามกำหนดให้เสร็จภายในเดือนก.ย.ปีหน้าตามที่หลวงพ่อได้ตั้งปณิธานไว้ ที่จ.พัทลุง นางหนูกลิ่น กฤตรัชตนันท์ อายุ 92 ปี น้องสาวคนสุดท้องในครอบครัวของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 191 ถนนเสน่ห์เจริญ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง กล่าวว่า ทราบข่าวการมรณภาพของหลวงพ่อปัญญานันทะแล้ว และเข้าใจดีว่า ไม่ว่าใครก็ตาม ก็ต้องตายจึงทำใจได้ ส่วนการเดินทางไปร่วมงานศพที่จังหวัดนนทบุรีนั้น ก็อยากไปร่วมงานเหมือนกัน แต่ยังกังวลเรื่องสุขภาพร่างกายเพราะชรามากแล้ว เกรงว่าจะไปเป็นภาระให้ลูกหลาน ทางด้านนางสุภาพ พรพาณิชพันธ์ ลูกสาวของนางหนูกลิ่น และเป็นหลานสาวคนโตของหลวงพ่อปัญญาฯกล่าวว่า เรื่องของการจัดงาน จึงเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ แต่ในฐานะของลูกหลานก็ได้มีการทยอยกันเดินทางไปร่วมงาน และเย็นวันนี้คงจะถึงจังหวัดนนทบุรีกับเกือบทั้งหมด หลวงลุง เป็นคนอารมณ์ดี โดยเฉพาะเมื่อเวลาที่ลูกหลานและญาติไปเยี่ยม จะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ และล่าสุดเมื่อปลายปี 2548 ที่หลวงลุงเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านเกิด ที่บ้านไฟไหม้ ซอย 10 ถนนเสน่ห์เจริญ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ซึ่งสภาพบ้านได้ถูกแปรเปลี่ยนดัดแปลงเกือบทั้งหมด หลวงลุงจึงถามว่า มีอะไรบ้างในบ้านหลังเก่าที่เหลืออยู่ ปรากฏว่าเหลือเพียงป้ายเลขที่บ้านเก่า ซึ่งเป็นป้ายไม้ เขียนด้วยเลขไทย ๑๑๘ หลวงลุงจึงสั่งให้เก็บรักษาไว้ และจนขณะนี้ก็ยังเก็บไว้ ส่วนบรรยากาศวัดปัญญานันทาราม ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี บรรยากาศการเข้าค่ายและการฝึกอบรมปฏิบัติธรรม ยังคงเป็นไปตามปกติ มีคณะนักเรียนและครูเข้ามาปฏิบัติธรรมตามตารางเข้าค่ายของวัดตามระยะเวลาที่กำหนด มีคณะครูและนักเรียนบางส่วนที่เข้าค่ายรับการอบรมเดินทางกลับ เนื่องจากครบกำหนด และก็มีนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ ที่เพิ่งเดินทางมาถึงก็เริ่มเข้ารับการอบรมตามวงรอบตามปกติ คุณครูจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า รู้สึกตกใจเมื่อได้ทราบข่าวจากเพื่อนที่โทรศัพท์มาบอกเมื่อเช้านี้ โดยนำนักเรียนชั้นม.4 ชายหญิงจำนวน 180 คน มาเข้ารับการอบรมระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายจึงพานักเรียนเดินทางกลับ ด้านพระมหาเด็ด เตชเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปัญญานันทาราม ฝ่ายฝึกอบรม เปิดเผยว่า วัดแห่งนี้เป็นวัดที่หลวงพ่อปัญญานันทะได้ให้แนวทางไว้ตั้งแต่ท่านสร้างเมื่อปี พ.ศ.2538 สร้างวัดเพื่อสร้างพระ สร้างคน สร้างเยาวชนของชาติ ศาสนทายาทที่ดีของพระพุทธศาสนาให้อยู่ในโลกได้อย่างถูกต้องและห่างไกลจากวัตถุนิยม ทางวัดก็ดำเนินงานตามที่หลวงพ่อได้ฝากเอาไว้ นั่นก็คือการให้คนได้เข้ามารับการอบรม เข้าค่าย โดยเฉพาะวันเดียวกันนี้เป็นวันที่หลวงพ่อจากเราไป ทางวัดก็ต้องดำเนินงานอบรมต่อไปอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าตารางการเข้าค่ายรับการอบรม ในปี 2551 เต็มหมดแล้ว ซึ่งก็จะมีการสับเปลี่ยนกันไปโดยมีคณะหนึ่งเข้า คณะหนึ่งก็ออกไป ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเยาวชนและนักเรียน รวมทั้งครูอาจารย์ที่มาเป็นหมู่คณะ ซึ่งก็ผู้ที่เข้ามาอบรม 800 กว่าคน วันนี้ก็ต้องเอางานที่หลวงพ่อได้สานเอาไว้ให้เป็นการบูชาหลวงพ่อ ท่านคงจะอิ่มใจที่ลูกศิษย์ยังคงดำเนินตามเท้าที่ท่านได้ทำงานตลอด 96 ปีที่ท่านใช้ชีวิตทำให้ดู อยู่ให้เห็น เย็นให้ได้สัมผัส ตามที่หลวงพ่อได้ตั้งปณิธานในวันที่ท่านมาทำงานที่วัดแห่งนี้ว่าตั้งใจทำงานเพื่องาน ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่อย่างแท้จริง ผู้ใดเป็นผู้รักหลวงพ่อเดินตามรอยเท้าของหลวงพ่อขอให้ผู้นั้นทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ร่างกายของหลวงพ่อตายได้ แต่งานของหลวงพ่ออย่าให้ตาย เพราะเราจะต้องสืบต่อกันต่อไป นี่คือใจความของหลวงพ่อที่สอนเอาไว้ วันเดียวกัน นายวิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยหลังผู้สื่อข่าวถามถึงการจัดทำข้อมูลคำสอนของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เพื่อใช้ในการเรียนการสอนในวิชาพุทธศาสนาว่า ตนยังไม่ได้รับคำสั่งจากทางคณะสงฆ์ว่าจะให้มีการจัดเตรียมรวบรวมข้อมูลหลักธรรมคำสอนของหลวงพ่อปัญญานันทะ แต่เรื่องใดที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สามารถให้ความร่วมมือและเป็นประโยชน์ต่อชาวพุทธก็ยินดีอย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะต้องทำอะไรบ้างต้องรอทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) อีกครั้ง ส่วนจะมีการยกย่องให้หลวงพ่อปัญญาเป็นบุคคลสำคัญของยูเนสโกเหมือนกับท่านพระพุทธทาสได้หรือไม่นั้น เรื่องนี้สามารถทำได้ แต่คงจะต้องเตรียมข้อมูลก่อน ซึ่งตนเชื่อว่าหลวงพ่อปัญญาเป็นพระรูปหนึ่งที่อยู่ในฐานะที่ได้รับการพิจารณา เพราะขณะนี้มีบุคคลสำคัญหลายคนที่ได้เสนอไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการคัดเลือก สำหรับประวัติพระพรหมมังคลาจารย์ หรือหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เดิมชื่อ ปั่น นามสกุล เสน่ห์เจริญ เกิดวันที่ 11 พฤษภาคม 2454 ที่อ.เมือง จ.พัทลุง ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดนางลาด จ.พัทลุง พ.ศ.2475 โดยมีพระครูจรูญกรณีย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ทั้งนี้ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุได้เริ่มต้นชีวิตการเป็นพระนักเทศน์ที่วัดปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และเป็นข่าวฮือฮาเมื่อท่านได้เทศน์ หรือแสดงปาฐกถาธรรมด้วยการยืนพูดบนม้านั่ง ที่บริเวณหลังสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช ในวันที่ท่านเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปเผยแผ่ธรรมะยังต่างประเทศ ซึ่งการเทศน์ที่สถานีรถไฟในครั้งนั้น ถือว่าเป็นการยืนเทศน์ครั้งแรกของพระสงฆ์ไทย พ.ศ.2547 ได้รับโปรดเกล้าฯ พระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ เป็นรองสมเด็จพระราชาคณะชั้นหิรัญบัฏที่พระพรหมมังคลาจารย์ หลวงพ่อปัญญานันทะ มีความปราดเปรื่องในการเทศนาบรรยายธรรม โดยท่านจะใช้คำพูดแบบเรียบง่าย เข้าใจง่าย ไม่อ้างคำบาลีมากมายจนเข้าใจยากและฟังไม่รู้เรื่อง ท่านเป็นผู้ที่มีวาทศิลป์เป็นเลิศ อธิบายหลักธรรมให้คนทั่วไปเข้าใจอย่างง่ายๆ เป็นพระที่ต่อต้านการนำศาสนามาหากิน หลอกลวงชวนเชื่อให้งมงาย ทุกครั้งที่แสดงปาฐกถาธรรมในสถานที่ต่างๆ จะมีประชาชนเข้าฟังเป็นจำนวนมาก วิธีการของท่านคือ จะไปบรรยายธรรมตามหอประชุมต่างๆ ตามคำเชิญ เช่น ศาลาปฏิบัติธรรม สถานที่ราชการ และโรงเรียนต่างๆ แทนการให้มานั่งฟังกันที่วัด ตามรูปแบบเดิมๆ ที่เคยปฏิบัติกันมา การมรณภาพของท่านจึงถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของคณะสงฆ์ไทย ด้านนายกนก แสนประเสริฐ ผอ.ส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนา รักษาการ ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม(มส) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) เปิดเผยว่า สำนักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคม ได้ประสานกับพระเทพปริยัติเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ เกี่ยวกับการมรณภาพของพระพรหมมังคลาจารย์ หรือหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ทั้งนี้ ทางสำนักพุทธฯ ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขานุการ สำนักพระราชวัง ในการขอพระราชทานน้ำสรงศพ และขอพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ รวมทั้งได้รายงานให้ที่ประชุมมหาเถรสมาคม รับทราบแล้ว ซึ่งคณะสงฆ์ได้แสดงความเสียใจ พร้อมทั้งจะร่วมพิธีสรงน้ำหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ในวันที่ 12 ต.ค. เวลา 17.00 น. ณ วัดชลประทานฯด้วย ที่มา... |