พระเครื่อง อมูเลทตั้มศรีวิชัย ตลาดพระเครื่องรางของขลัง สวนไผ่สกลนคร หน่อไม้น้ำ หญ้าหวานอิสราเอล วันตรุษจีน2567
>...ตั้มศรีวิชัย TumAmulet ...< Thailand Amulet Charms |
คำแนะนำจากตำรวจเมื่อถูกโกง |
เงื่อนไขการรับประกัน การันตีพระเครื่อง |
สารบัญพระเครื่องเมืองนคร |
ทำเนียบพระกรุเมืองนคร |
ทำเนียบพระเครื่องเมืองนคร |
ชมรมพระเครื่อง |
บูชาพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง Amulets Charms Talismans |
ตลาดพระ amulet for you |
เช่า-บูชา เครื่องรางของขลัง |
พระหลวงปู่ทวด วัดต่างๆ |
จตุคาม-รามเทพ หลักเมืองนคร Jatukamramtep (Jatukarm) |
หลักเมืองนครศรีธรรมราช |
จตุคาม ของดีนำมาโชว์ |
บทความ น่ารู้องค์พ่อจตุคาม |
Jatukam Amulets |
บทความจตุคามรามเทพ |
ลิงค์น่าสนใจ |
หนังสือพิมพ์ |
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน |
เทศกาล วันสำคัญ |
ดวง ดูดวง หน้าหลัก |
บทความดีๆ |
นิทานสอนใจ |
วัฒนธรรมไทย ประเพณีไทย |
บทสวดมนต์ สำหรับชาวพุทธ |
พระเครื่อง นานาสาระ |
พระพุทธรูปสำคัญของไทย |
คาถา-อาคม พระคาถาอาคม |
พระพุทธรูปปางต่างๆ |
พุทธศาสนสุภาษิต |
ข่าวพระเครื่อง |
บทความพระเครื่อง |
Thai Buddha Amulets |
ข่าวพระพุทธศาสนา |
ข่าวเครื่องรางของขลัง |
สาระพระเครื่องไทย |
ประวัติพระวิปัสสนาจารย์ |
สวนไผ่ พันธุ์หญ้า ธนภัทรสกลนคร สินค้าเกษตรออนไลน์ ไผ่สายพันธุ์ต่างๆ ไผ่ข้าวหลามกาบแดง ไผ่ซางหม่น หน่อไม้น้ำ หญ้าหวานอิสราเอล หญ้านรกจักรพรรดิ์ หญ้าเนเปียร์ปากช่อง1 หญ้าเนเปียร์แคระ หญ้าเนเปียร์ท้ายเขื่อนซุปเปอร์ลีฟ สะสมพระเครื่อง แต่ใจรักเกษตรผสมผสาน
|
ประวัติ หลวงปู่แพงตา เขมิโย วัดประดู่วีรธรรม จ.นครพนม
"พระครูภาวนาภิรัต"หรือ "หลวงปู่แพงตา เขมิโย" อดีต เจ้าอาวาสวัดประดู่วีรธรรม ต.กุตาไก้ อ.ปลาปาก จ.นคร พนม พระเกจิที่มีความสามารถช่วยขจัดปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บแก่ญาติโยม ด้วยท่านมีความรู้ด้านยาสุมนไพร ประวัติหลวงปู่แพงตา เขมิโย วัดประดู่วีรธรรม หลังอุปสมบท ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนมนต์น้อย มนต์กลาง มนต์หลวง และเรียนอักษรธรรม อีกทั้งได้ศึกษาแนวทางการปฏิบัติธรรมจากพระอุปัชฌาย์ กระทั่ง พ.ศ.2480 ไปจำพรรษาที่ภูค้อ จ.สกลนคร กับพระอาจารย์ลับ เพื่อปฏิบัติธรรมด้วยการอดข้าว ดื่มแต่น้ำอย่างเดียว หลังออกพรรษา เดินทางไปที่ถ้ำกวนพลอย ถ้ำยาโดน ประเทศลาว ขากลับได้แวะนมัสการพระอาจารย์ศรีทัตถ์ ที่วัดพระธาตุท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน ก่อนที่ท่านจะแนะนำให้ไปปฏิบัติธรรมที่ภูเขาควาย เป็นเวลาร่วม 3 เดือน พ.ศ.2482-2484 ธุดงค์ไปเมืองกาสีและเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว จำพรรษาสอนมนต์น้อยมนต์กลางให้พระเณรครบ 7 วัน จึงสลับสับเปลี่ยนกับพระอาจารย์ลับไปปฏิบัติและสอนพระเณรที่วัดป่าต่อตลอด ทั้งพรรษา จากนั้นไปถ้ำภูผาเจริญ ก่อนนั่งบำเพ็ญภาวนาตามป่าช้าที่เป็นกลลวงของผีสางนางไม้ ในเขตน้ำมิ่ง น้ำปอน ของลาว แล้วธุดงค์ไปถ้ำจำปาที่ภูเขาควายนั่งสมาธิอีก 3 เดือน จึงกลับมาอยู่ที่วัดประดู่วีรธรรมนาน 7 พรรษา เพื่อปฏิสังขรณ์วัด พ.ศ.2492-2494 เดินทางไปพระบาทโพนสัน ประเทศลาว เพื่อช่วยสร้างกุฏิวิหาร ก่อนมุ่งไปเวียงจันทน์และธุดงค์ไปยังเชียงตุง ผ่าน 10 เมืองของพม่าถึงย่างกุ้ง แล้วนั่งสมาธิบริเวณพระธาตุ 7 วัน และกลับสู่มาตุภูมิใน พ.ศ. 2495 ได้ 1 ปี จึงเดินทางไปพม่าและลาวอีกครั้ง เพื่อทบทวนความทรงจำหลักวิปัสสนากัมมัฏฐานนานอีก 3 ปี ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2486 เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดประดู่วีรธรรม พ.ศ.2517 เป็นเจ้าอาวาสวัดประดู่วีรธรรม ผลงานด้านการศึกษา พ.ศ.2499 จัดตั้งสำนักวิปัสสนากัมมัฏฐาน พ.ศ.2500 ให้มีการสอนโรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดประดู่วีรธรรม พ.ศ.2515 ให้มีการสอนพระอภิธรรม วัดประดู่วีรธรรม พ.ศ.2517 เป็นกรรมการอุปถัมภ์การสอนนักธรรม อ.ปลาปาก งานด้านสาธารณูปการ พ.ศ.2507 เป็นประธานสร้างอุโบสถวัดกุตาไก้เหนือ พ.ศ.2509 เป็นผู้อำนวยการสร้างพระพุทธบาทจำลอง ภูกระแต พ.ศ.2511 เป็นประธานสร้างอุโบสถวัดบ้านชะโนด ต.คำเตย พ.ศ.2512 เป็นผู้อำนวยการสร้างอุโบสถวัดบวรศรัทธาราม ต.กุตาไก้ พ.ศ.2514 เป็นผู้อำนวยการสร้างพระธาตุอินทร์แขวนจำลอง นครเวียงจันทน์ ประเทศลาว และเป็นผู้อำนวยการสร้างศาลาการเปรียญวัดกุตาไก้เหนือ พ.ศ.2515 เป็นประธานสร้างอุโบสถวัดตาลกุด ต.โพนแพง นอกจากนี้ ยังสร้างเสนาสนะในวัดประดู่วีรธรรม เช่น กุฏิ 6 หลัง ศาลาการเปรียญ 2 หลัง อุโบสถ หอระฆัง กำแพงวัด ซุ้มประตู สิมน้ำ เป็นต้น หลวงปู่แพงตา ได้เดินธุดงค์ไปตามป่าเขานาน 19 ปี ท่ามกลางสัตว์ร้ายและภยันตราย ก่อนจะกลับมาทำนุบำรุงวัดบ้านเกิดดังกล่าว นอกเหนือจากเป็นพระวิปัสสนาจารย์ เป็นประธานในงานบุญต่างๆ ท่านยังมีพรสวรรค์พิเศษเป็นหมอยาช่วยบรรเทาและรักษาโรคภัยไข้เจ็บแก่ญาติโยม อย่างไม่ถือชนชั้นวรรณะกระทั่งถึงวาระสุดท้าย ด้านวัตถุมงคลท่านเมตตาให้ลูกศิษย์สร้างหลายรุ่น โดยเฉพาะรุ่น พ.ศ.2516 ซึ่งเป็นเหรียญอาร์มรุ่นแรก เนื้อกะไหล่ทอง ที่มีพุทธคุณด้านแคล้วคาดคงกระพัน ปัจจุบันเป็นที่นิยมของนักอนุรักษ์ที่แสวงหาวัตถุมงคลชุดนี้ ช่วงระยะ 8 ปีให้หลัง พระครูภาวนาภิรัตอาพาธด้วยโรคเบาหวาน กระทั่งในวันที่ 9-10 ส.ค.2535 หลวงปู่ได้เกิดปวดท้องรุนแรงกะทันหัน ลูกศิษย์จึงนำไปหาหมอที่คลินิก ก่อนส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลนครพนม แต่กว่าจะรู้ว่าไส้ติ่งอักเสบ อาการของท่านได้อ่อนระโหย โรยแรง จนกระทั่งเวลา 13.00 น. วันที่ 12 สิงหาคม 2535 ท่านได้มรณภาพลงอย่างสงบ โดยมี พระเทพมงคลเมธี เจ้าคณะจังหวัดนครพนม ขณะนั้น ได้เฝ้าดูอาการตลอด สร้างความโศกเศร้าให้คณะศิษย์ที่อยู่ใกล้ชิดเป็นอย่างยิ่ง สิริอายุ 78 ปี 57 พรรษา แม้ว่าหลวงปู่แพงตา จะละสังขารลาโลกไปแล้วก็ตาม แต่คุณงามความดีที่ได้ประกอบศาสนกิจมาตลอดชีวิต จะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนได้จดจำอย่างมิลืมเลือน |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (155091) | |
วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558นี้ ทางศิษยานุศิษย์ที่ศรัทธาเลื่อมใสในหลวงพ่อแพงตา เขมิโย หรือพระครูภาวนาภิรัต ได้จัดงานสมโภขเจดีย์ซึ่งเป็นเจดีย์ที่เก็บอัฐิหลวงพ่อ และพร้อมทั้งได้นำวัตถุมงคลต่างๆ ของหลวงพ่อมาแสดงให้ท่านผู้สนใจได้ดูได้ชม หากปรารถนาใคร่เพื่อนำไปบูชาก็ได้ ซึ่งในการจัดงานครั้งนี้ไม่มั่นใจว่าเป็นครั้งแรกเรื่องเปล่า ที่วัดประดู่วีรธรรม บ้านดอนดู่ ต.กุตาไก้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม ทราบว่าในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2558 ก็ได้จัดงานบุญประจำปีขึ้นต่อเนื่องจากงานสมโภชเจดีย์และงานแสดงวัตถุมงคลของหลวงพ่ออีกด้วย ผมในฐานคนบ้านดอนดู่ ทราบข่าวเรื่องนี้ ก็ดีใจอย่างมาก เพราะผมเป็นลูกบุญธรรมของหลวงพ่อ ท่านบวชสามเณรให้เมื่อปี 2516 สะพายย่ามไปกับท่านตลอด เมื่อท่านถูกนิมนต์ไปในงานต่างๆ เพื่อเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญบ้าน เป็นเวลา 7-8 ปี ใกล้ชิดกับหลวงพ่อตลอดมาทราบกิจวัตรเรื่องราวต่างๆ ของหลวงพ่อได้ดีคนหนึ่ง จนเวลาผ่านได้ถึงปี 2535 ผมถึงได้สิกขาลาเพศ แต่ก็ยังกราบไหว้บูชาท่านหลวงพ่อรูปเดียว และบนคอของผมทุกวันนี้ก็แขวนท่านองค์เดียว แขวนตลอดเวลา ถอดเฉพาะเวลาอาบน้ำเท่านั้น ส่วนตะกรุดโทนที่หลวงพ่อจัดทำให้พิเศษคือเอาฝาบาตรทองแดงทำจะใช้รัดเอวเฉพาะเวลาไปงานนอกบ้าน ท่านทำให้เมื่อปี 2517 ผมมียยันต์ตะกรุดโทน/ ยันต์กันสารพัด /ยันต์มหาเสน่ห์ / ขี้หมาก / ผม/ ผ้าจีวร ของท่านบนหิ้งพระไหว้บูชา หลวงพ่อแพงตาท่านเก่งทางแคล้วคลาดปลอดภัยอย่างมากหลายครั้งเกิดขึ้นในชีวิตของผมแคล้วคลาดมาตลอด ที่หนักๆ อุบัติเหตุก็ปลอดภัย ทุกครั้งถ้าจะเกิดอุบัติเหตุหรือเกิดเหตุ ความเดือดร้อนจะเกิดในครอบครัว ท่านจะมาเข้าฝันก่อน เพื่อเตือนล่วงหน้าให้รีบไปทำบุญหรือไหว้พระสวดมนต์เร่งเข้าๆ เพื่อบรรเทาหากหนัก ถ้าเบาก็หายไป ผมมีพระต่างๆ หลายองค์ซึ่งมิใช่ของหลวงพ่อแพงตา แต่เป็นของท่นหลวงพ่อต่างๆ มีคนเอามาให้ เป็นเพราะเราทำงานที่อยู่ในฐานเขาอยากให้ อยากสนิทชิดเชื้อ แต่เราก็รับไว้ แต่ในใจเราเอาหลวงพ่อแพงตาขึ้นคออย่างเดียว เพราะท่านคือผู้ให้ชีวิตมา เมื่อ พ.ศ. 2505 ผมป่วยหนัก อายุยังไม่ถึงขวบพ่อ-แม่ว่าไม่รอดเอาไปฝังได้แล้ว เอาสื่อห่อไปฝังได้แล้ว แต่ม่พ่อของแม่บอกว่า "เอาไปให้หลวงผูกแขน และบนว่าถ้าหายเรียนจบ ป.4 บวชเลย" จากนั้นก็เอาไปหาหลวงพ่อผู้แขน บนไว้ตามว่า พร้อมเป็ลูกบุญธรรม และตั้งชื่อว่า "สุทะ" เพราะเดิมชื่อ "เวด" แต่ที่ใช้ประจำคือ ประเวท แต่นั้นมาผมหายป่วยโตวันโตคืน ตราบจนทุกวันนี้ จบ ป. 4 บวชสามเณร-บวชพระ ต่อเนืองเป็นเวลา 18 ปี จนได้เปรียญ 5 ประโยค จบพุทธศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรร์ราชวิทยาลัย ปัจจุบันทำงานเป็นบรรณาธิการในสื่อแห่งหนึ่ง ผมอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี 2525 วันนี้ทราบว่าศิษย์น้อยใหญ่จัดงานเช่นที่กล่าวมาแล้ว ดีใจมาก ดีใจที่สุด ที่หลวงพ่อได้รับการเฉลิมฉลองสมโภชอัฐิ และนำวัตถุมงคลท่านให้ญาติโยมที่ศรัทธาเลื่อมใสไปบุชากราบไหว้ แต่ก่อนนี้ผมแขวนพระตามกระแส ช่วงหนึ่งกระแสจตุคามมีคนเอามาให้รวมแล้วเป็นกระบุง ก็เก็บๆ แจกๆ และพระอื่นๆ เราก็แขวน แต่สุดท่านจะเกิอบัติเหตุหลวงพ่อเข้าฝันเรียกเข้าไปหาให้นั่งลง ท่านหนังหลับตาแล้วเป่าหัว นำ้หมากท่านเต็มหัว แต่ที่แขนได้รับน้ำหมากนิดหน่อย อีกไม่นานรถผมเกิดอุบัติเหตุ แต่ผมได้รับเคราะห์แค่แขนถลอก ตามที่น้ำหมากไม่โดน ถ้าไม่งั้นหนัก ถ้าเบาท่านมาบอกให้ไหว้พระสวดมนต์ ทำบุญถวายสังฆทาน เรื่องก็จบ ผมขอโชคลาภ เงียบ แต่แคล้วคลาด ผีสางนางไม้ มหานิยม จะให้กี่ล้านเปอร์เซ็นต์ ก็เอาไปเถอะ ทุกเวลาขาดพระท่านแขวนคอไม่ได้ ครั้งแรกที่เขียน แต่เรื่องราวท่านเคยลงตีพิมพ์ในพ็อกเกตบุ๊กบ้าง เพื่อสรรเสริญบูชา แต่มิได้เพื่อเชียร์เป็นเกจิคแคปซูล เกจิโซเซียล เกจิศักดิ์สิทธิ์บนนิวส์เปเปอร์ แต่ท่านคือท่านของผมจริงๆ ตามนี้ ผมพุทธแท้ พุทธจริง พุทธจากจิตมโนวิญญาณ ที่ให้ชีวิตได้ทุกวันนี้ครับ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ประเวท แดงดา (ddd_vet-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2015-02-25 04:02:21 |
ความคิดเห็นที่ 2 (174655) | |
เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ในทุกปีของเดือนกุมภาพันธ์ ได้ถูกกำหนดเป็นวันสำคัญให้มีการจัดงานสมโภชอัฐิหลวงปู่แพงตา เขมิโย (พระครูภาวนาภิรัต) และหลวงปูคำตา มหาวีโร ซึ่งท่านทั้งสอง เป็นสหธรรมิกกัน เสมือนว่าเป็นเพื่อนกันก็ว่าได้ ท่านได้ร่วมกันปฏิบัติธรรมในหลายที่หลายทาง บรรพชา-อุปสมบทตั้งแต่ยาว์วัย จนถึงมรณภาพ ท่านสองได้ออกธุดงค์แสวงหาโมกขธรรมทั้งในประเทศไทย-ลาว-เขมร จนสนิทสนามกัน มีการ ปุจฉา-วิสัชนาธรรมกัมมัฏฐานกันอยู่เนื่อง ๆ ตลอดมา เรียกว่าแลกเปลี่ยนถ่ายเทความรู้แก่กันและกัน เพื่อความเจริญในธรรม เพื่อการเข้าถึงหลักธรรมกัมมัฏฐานให้รู้แจ้งแทงตลอด ที่สำคัญเพื่อการเผยแผ่แก่ญาติโยมสาธุชน นั้นคือปณิธานอันแรงกล้าของหลวงปู่ทั้งสอง ทั้งนี้เพื่อประโยชน์แก่ตนและผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยความบริบูรณ์ ตามพุทธดำรัสตรัสไว้นั้นเอง จนถึงที่วัยชราแล้ว ท่านทั้งสองได้กลับมาอยู่วัดประดูวีรธรรม บ้านดอนดู่ ต.กุตาไก้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม เป็นการถาวร เพื่อเป็นที่พึ่งพิงของญาติโยม และได้นำประสบการณ์การบำเพ็ญธรรมกัมมัฏฐาน และธรรมกัมมัฎฐานมาอบรมสั่งสอนญาติโยมเป็นที่กว้างขวาง เป็นที่พึงที่แท้จริง เป็นแกนแก่นธรรมล้วน ๆ ญาติโยมทั่วจังหวัดนครพนมหลั่งไหลมากราบนมัสการทุกวันไม่ว่างเว้น รถจอดในบริเวณเนื่องเเน่นทุกวัน บางมาเลี้ยงภัตตาหารเช้า-เพล บางขอรดนำ้มนตร์สเดาะเคราะห์กรรม บ้างมาบูชาเหรียญของหลวงพ่อ ว่าแล้วทุกคนที่มาก็เช่ากันไปทั้งนั้น เอาเป็นว่าเกือบทุกเรื่องที่เดือดร้อนทุกข์ใจในกรรมกาย กรรมใจ หนักเข้าญาติพี่น้องนำคนป่วยมาบำบัดรักษา พักนอนกันเป็นเดือน ๆ อาบน้ำมนตร์ เคาะหัว เคาะตัว เป่าหัว ก็หายไป หลายคนไปรักษาตามโรงพยาบาลหลายที่ไม่หาย จนหมดปัญญา ครั้นมาหาหลวงปู้เพียงอาบนำ้มนตร์ พ่นน้ำหมากหายสนิท ซึ่งก็สร้างความศรัทธา จนเป็นกล่าวขานกันไป จากจังหวัดพนม ไปถั่วแถบถิ่นอิสาน จนที่พักอาศัยไม่พอเพียง ต้องนอนตามศาลา ปลูกเพิงนอน นอนตามโคนไม่ โคนต้นมะม่วง ข้าวปลาอาหารก็อาศัยญาติโยมผู้ใจบุญยิงของชาวบ้านดอนดู่นั้นในเวลาเช้า เวลาเพลก็อาศัยจากโยมที่อื่นมาถวายเพลบ้าง แต่ไม่มีคำว่าไม่พอหรือขาดแคลน เสียแต่อย่างไร เพราะญาติโยมที่บ้านก็หั่งไหลมาถวายภัตตาหารกันเยอะ ถึงขนาคนป่วยที่จิต เป็นบ้าจริตเสีย ผีสิง ต้องอาละวาด ถึงต้องล่ามโซ่กัน ตามบนศาลา ตามโคนไม้ เพื่อรักษาด้วยการอาบน้ำมนต์เท่านั้น ทุกเช้าหลวงปู่ตื่นมากระแป๋งน้ำ เทียน จะถูกเตรียมไว่บันได ท่านลงมาก็จัดเทียนทำน้ำมนต์ เป็น 10-20 กระแป๋ง เพื่อเอาไปให้คนป่วยกิน-อาบกัน เพื่อรักษา ผู้ใดหายกลับบ้าน คนอื่นก็มาอีก เป็นอย่างนี้ ทุกคนหายก็บูชาเหรียญหลวงปู่ไปแขวนคอเพื่อป้องกัน เชื่อว่าเหรียญหลวงปู้รุ่นที่ 2516 หายากแน่นอน ถ้าเป็นล็อกเก็ตคงจะทนกาลเวลาไม่ได้ ไม่เหมือนเหรียญโลหะ หมากเคี้ยว เคี้ยวยังไม่สนิท ท่านยังไม่รู้รสดี ยังไม่ละเอียด ญาติโยมก็ขอแล้ว จำต้องคลายให้ วันหนึึ่งๆ เคียวไม่รู้กี่เที่ยว เพราะใครมาก็ขอๆ ท่านมีเมตตาสูงมาก ในเมื่อครั้งท่านยังมีชีวิตนั้น บารมีท่านเป็นทราบของญาติโยมในภาคอีสาน แต่ตอนนั้นสื่อไม่มาก หนังสือพิมพ์มีน้อย ดีที่สุดคือวิทยุ แต่ท่านสมถะไม่ต้องการอะไร ชื่อเสียงเงินทอง ส้ราง บริจาคอย่างเดียว ใครไม่มีมาขอให้ ๆๆๆ ผมรู้เพราะผมบวชกับท่าน ท่านบวชให้ สะพายย่ามตามหลังตลอด 7-8 ปี ผมกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก ท่านรับเป็นลูกบุญธรรม วันนี้ญาติโยมหลายท่านคงไม่ทราบเรื่องราวของหลวงปู่นักก็มี เพราะเรื่องราวถ้าไม่ถูกเขียนและพิมพ์ไว้ด้วยคนรุ่นเก่าก็จะไม่มีใครรู้อีก ว่าหลวงปู้เป็นมาอย่างสงเคราะห์อนุเคราะห์ญาติ กิตติคุณท่านอย่างไร เพราะรุ่นต่อมาก็ทราบนิด ๆ หน่อยๆ แค่ยังได้ได้มีการจัดงานรำลึกสมโภชอัฐิหลวงปู้เป็นอนุสติสืบต่อ ในส่วนเหรียญของท่านมักจะเป็นเมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัยมากๆๆ ติดไปทำมาค้าขาย ขับขี่ยวดยานพาหนะปลอดภัย | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เวท นครชัย วันที่ตอบ 2017-09-19 16:21:40 |
ความคิดเห็นที่ 3 (175155) | |
ผมได้บวชเณรกับหลวงพ่อ เวลาเที่ยง วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2516 ด้วยวาสนาผมได้สะพายย่ามให้หลวงพ่อแพงตาบ่อยมาก ๆ ไปงานต่าง ๆ งานบุญผะเหวด งานสวดชำระบ้าน งานทุกอย่างแล้วแต่โยมจะนิมนต์ให้ไป ท่านไปหมด โยมจะรถมารับ ท่านก็เรียกผมไปสะพ่ายย่าม ย่ามหนักมาก เพราะในนั้นมีเหรียญท่านชนิดมามากมาย ทั้งตะุกรุดโทน ผมเดินตัวเอียง ไหล่หลู่เลย เพราะท่านเอาไปแจกญาติโยม แต่โยมก็บูชา 5-20 บาท สมัยนั้นถือว่ามากนะ ท่านเคี้ยวมากยังไม่รู้รส โยมก็ขอละ ท่านไม่ว่า้อาให้ กินใหม่ ท่านว่าให้ผู้ข้าเคี้ยวก่อน โยมก็รอ เอาทุกอย่างที่เป็นของท่าน โดยเฉพาะเส้นผมที่ใส่ในล็อกเก็ตนะ วันหนึ่ง ผมได้โอกาสถามท่านว่า หลวงครับ ขะน้อยขอถามแน่ว่า "ทำอย่างไหนคาถาถึงศักดิ์สิทธิ์" ท่านตอบว่า "ปฏิบัติธรรม อยู่ในศีลในธรรม มีเมตตาหลาย ๆ ตดกะศักดิ์สิทธิ์...คั่นบ่อเฮ็ดตามนี้ คาถายังกะบ่อดีดอก..." เมื่อนี้ (2560) ผมเชื่อว่าอีหลี ผมมีเหรียญเผิ่นในคอรุ่น 2516 แต่ล่อใหม่ ๆ แต่ศักดิ์สิทธิ์เหลือหลาย เพราะอะไร เพราะท่านมีจริธรรม คุณธรรมสูงมาก ทุกอย่างหลายเข้มขลังตลอด เพราะเผื่อแผ่ทั่วถึงตลอดกาล ผมเชื่อจริง ๆ ตามอรรถฎีกาโบราณจารย์ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ดอกหญ้า (ddd_vet-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2017-12-15 17:34:05 |
ความคิดเห็นที่ 4 (175428) | |
สาธุหลวงปุ่แพงตาหลวงปุ่คำตา | |
ผู้แสดงความคิดเห็น นิคม ปิลา วันที่ตอบ 2018-03-14 20:59:34 |
ความคิดเห็นที่ 5 (175938) | |
ขอแสดงความดีใจที่สุดในชีวิตอีกเรื่องหนึ่ง ด้วยที่ว่า บรรดาญาติโยมสาธุชนส่วนหนึ่ง ได้ตระหนักถึงคุณูปการอันมากล้น ของพระเดชพระคุณท่าน พระครูภาวนาภริต (แพงตา เขมิโย) และหลวงพ่อคำตา สุปัญโญ ซึ่งอริยสงฆ์ทั้งสองรูปนี้ เดิมเป็นสหธรรมิกซึ่งกันและกัน เป็นเพื่อนในฐานะมีสังขารด้วยกัน และเป็นเพื่อนทางธรรมกันมานานเท่านาน เพราะท่านทั้งสองเคียงบ่าไหล่ไปที่ไหน ๆ ด้วยกัน เพราะเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์สั่งสอบอบรมธรรม คือเรียน ปริยัติธรรม -หลักธรรมของพุทธพจน์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนแตกฉานในทุกด้าน โดยเฉพาะแล้ว สมถกรรมฐาน กรรมฐานอุบายสงบใจ และวิปัสสนากรรม กรรมฐานเรืองปัญญา ซึ่งเป็นหลักธรรมสูงสุด เมื่อปริยัติ คือการเรียนรู้แล้ว พระคุณท่านทั้งสองรูป นำไปสู่การ ปฏิบัติธรรม คือการปฏิบัติอย่างจริงจัง ทั้งสองด้านคือ สมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรม ด้วยความเพียรกล้า จนเกิดปัญญารู้แจ้งแทงตลอด เรียกว่า ปฏิเวธธรรม หากรูปใดสงสัยในข้อธรรมใดก็จะปุจฉาวิสัชนากันเสมอ ถึงปานนั้นทั้งสองรูปมิได้ลดละต่อการปฏิบัติธรรม พึงสะสมอบรมบารมีธรรมอย่างยิ่งยวด ออกเผยแผ่ธรรมะทั่วทิศานุทิศแด่ญาติโยมเสมอมา ถึงที่สุดท่านได้มาประจำอยู่วัดประดู่วีธรรม บ้านดอนดู่ ต.กุตาไก้ อ.ปลาปาก จ. นครพนม ด้วยเห็นว่าร่างกายสังขารไม่เอื้ออำนวยแก่การเดินเหินไปในที่ต่าง ๆ จึงจำพรรษาในที่นี่ ซึ่งญาติโยมสาธุชนในจังหวัดนครพนม ต่างศรัทธาเลื่อมใสในศีลาจริยวัตรของท่าน ก็มากราบนมัสการอย่างล้นหลาม สิ่งที่สำคัญสูงสุด คือได้มาสนทนาธรรมกับท่านในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะแล้วการฝึกปฏิบัติธรรม วิปัสสนากรรม ญาติโยม พระหนุ่มเณรน้อย หลวงพ่อหลวงตา แม่ชี เรียนกรรมฐาน จนเป็นที่เข้าในเบื้องต้น และได้ขอกรรมฐานจากท่าน แล้วเข้ากรรมฐานอย่างมากมาย เมื่อการเป็นเช่นนี้ ญาติโยมหาใช่เพียงแต่ชาวนครพนมเท่านั้น บารมีธรรมของท่านได้แผ่ไปทั่วภาคอีสาน ทำให้ญาติโยมได้เดินทางมายังวัดประตูวีรธรรม บ้านดอนดู่ ต.กุตาไก้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม ทุก ๆ วัน ทำให้หลวงพ่อท่านต้องนั่งปฏิสันถารต้อนรับญาติโยมทั้งวัน ญาติโยมสับเปลี่ยนกันตลอดทั้งวันเช่นกัน ญาติโยมมากราบนมัสการท่านมิใช่เพียงแต่เพื่อสนทนาธรรม หรือขอเข้าปฏิบัติธรรมกรรมฐาน แต่ยังมีสาเหตุอื่นมากมาย เช่น บิดามารดา ปู่ย่าตายาย พี่น้อง ลูกหลาน ฯลฯ เจ็บป่วยไม่สบายมาให้หลวงพ่อช่วยขจัดปัดเป่า รดน้ำมนต์ เคาะหัว เคาะตัว ซึ่งได้รับการสบายอกสบายใจจากญาติโยมที่มา จนเป็นเรืองลือด้วยพลานุภาพแห่งธรรมของท่าน และอีกอย่างหนึ่งหลายคนมาก จิตผิดเพี้ยนวิปลาสคลาดเคลื่อนในลักษณาการต่าง ๆ ก็นำมารักษาพยาบาล การเช่นนี้ก็เป็นสบายอกสบายของญาติโยมที่มาเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้ท่านไม่เคยว่างเว้นจาการต้อนรับญาติโยม วันหนึ่ง ๆ ถ้าไม่อยู่วัด ก็ได้รับการนิมนต์ไปที่อื่น ๆ บ้านอื่น ๆ ในจังหวัดนครพนม หรือจังหวัดอื่น ๆ สวดมนต์บ้าน นั่งพุทธาภิเษก สอนวิปัสสนากรรมฐาน ฯลฯ ซึ่งเมื่อเห็นแล้วเหนื่อยแทนท่าน แต่ท่านไม่ปริปากบ่นแต่อย่างไร ไม่มีเวลาอยู่ตามลำพังของตนเองเลย มีก็แต่เวลาจำวัด (นอน) เท่านั้น ตอนเช้าเวลา 08.00 น. ท่านตื่นนอน ลงมาที่บันไดก็จะมีกระป๋อง เป็น 10-20 ใบ เรียงรายพร้อมเส้นเทียนในการทำนำ้มนต์ เพื่อคนป่วยจะได้ไปอาบไปดื่มกิน รักษาโรคาพยาธิต่าง ๆ หรือโรคจิตผิดเพี้ยนต่าง ๆ เมื่อเสร็จจากนั้น เวลา 08.30 น. ท่านก็จะสรงนำ้ (อาบน้ำ) ซึ่งเป็นน้ำอุ่น ขณะที่ท่านอาบญาติโยมก็เฝ้าอาบด้านล่างจากท่านอีกทอดหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ญาติโยมรักศรัทธาเลื่อมใสรักษากันมา และได้ผลอย่างน่าอัศจรรย์ ยิ่งวันเข้าผู้คนก็แห่ไหลกันมาอย่างอีก ในด้านวัตถุมงคลนั้น หลวงพ่อท่านไม่ได้ตระหนักให้ความสำคัญใดเลย แต่เป็นวัตถุประสงค์ญาติโยมที่ได้บอกหลวงว่า "อยากให้ลูกหลานนำไปแขวนคอ" จึงทำเป็นล็อกเกตแบบง่าย ๆ ได้รับศรัทธาจนทำไม่ทัน เพราะทำเองกับมือ ไม่ได้สั่งโรงงานโรงการอะไร อัดเอง ตัดเอง สวยไหม ก็สวยที่ศรัทธาความเลื่อมใส จากนั้นมาจำต้องทำแบบเหรียญก็สุดวิสัยที่จะผลิตเอง ก็อีกเช่นกัน ผู้มีแล้วก็มาเช่าบูชา หลายคนนับไม่ถ้วนพูดถึงอานุภาพในเหรียญของหลวงพ่อในอาการต่าง ๆ ผมนั่งฟังไม่เบื่อ สนุกตื่นเต้น วันนี้หลวงพ่อได้จากไปแล้ว ตามกฎแห่งธรรมชาติ คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ทิ้งไว้แต่ความทรงจำเลื่อมใสศรัทธา ตลอดทั้งคำสั่งสอน คนบ้านดอนดู่ เมื่อครั้นหลวงตายังมีชีวิต ทุกคนจะกำหนดกรรมฐานทั้งนั้น เมื่อกาลสมัย 30 ปีมาแล้ว เห็น ฟ้าร้อง คนด่กัน หมาร้อง เป็นต้น กำหนดว่า "เสียง" เห็นคนเห็นผี จะกำหนดว่า "รูป" ทั้งหมู่บ้าน แต่เดี๋ยวนี้ไม่ทราบว่าอย่างไร วันนี้ เข้าใจอย่างยิ่งว่า ผู้ทรงคุณวุฒิ วัยวุฒิ หรือว่าคนที่มีอยู่ในยุคสมัยหลวงพ่อยังมีเหลืออยู่ และเข้าใจในเรื่องราวนี้ดี ตระหนักถึงบุญคุณของหลวงพ่อสร้างแปงไว้ในเกือบจะทุกด้าน หลวงพ่อแพงตา เขมิโย เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกแห่งวัดประดู่วีรธรรม ต่อมาเจ้าอาวาสท่านก็สร้างสรรค์ต่อไป จึงในทุกปีมีการรำลึกจัดงานบูชาในความดีของท่านทั้งสอง เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ทราบถึงประวัติของหลวงพ่อ ในความเป็นมาเป็นไปท ั้งนี้เพื่อเป็นการสืบทอดในความดีงาม หากไม่เช่นนั้นแล้ว ก็จะถูกตัดช่วงไป ซึ่งเป็นสิ่งเลวร้ายมาก ผมขอขอบคุณในทุกท่านที่ได้ริเริ่มสร้างสร้างขึ้นมา ขอขอบคุณครับ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ประเวท แดงา ( ddd_vet-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2018-11-13 17:11:13 |
ความคิดเห็นที่ 6 (176205) | |
วัดประดู่วีรธรรม ตั้งอยู่บ้านดอนดู่ ต.กุตาไก้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม วัดประดู่วีรธรรม มีความหมาย วัดและชาวบ้านดอนดู่ผู้มีธรรมอันประเสริฐ ผู้งอกเงยด้วยธรรม แหล่งธรรมะอันประเสริฐ ประดู่ หมายดอนต้นประดู่ ซึ่งมีมากมาย เป็นดง เป็นเหล่า ยืนต้นตระหง่านสวยงาม ทำให้ร่มรื่น ต่อมาชาวบ้านได้นำมาชื่อบ้านว่า "บ้านดอนดู่" และได้สร่างวัด เป็น วัดประดู่วีรธรรม โดยแยกคำว่า วัด-ประดู่-วีร-ธรรม เป็นวัดเก่าแก่คู่มากับบ้านดอนดู่ เป็นเวลากว่า 20 ทศวรรษ หรือ 200 กว่า เป็นวัดที่ชาวจังหวัดนครพนม และจังหวัดต่างในแถบถิ่นภาคอีสานรู้จักดี ในภาภอื่น ๆ ก็รู้จักดี ทั้งนี้ด้วยด้วยเหตุว่า "หลวงพ่อแพงตา เขมิโย" หรือพระครูภาวนาภิรัต - พระครูชั้นเอก ที่มีความหมาย ผู้เจริญธรรมด้วยการภาวนาเป็นอาจิณ ทำให้ท่านเป็นเคารพศรัทธาของญาติในทั่วสารทิศ มีเมตตากรุณาสั่งสอยอบรมญาติโยมเสมอมา รักษากายจิตใจ ญาติโยมเนื่องนิตย์ จนเป็นเกจิอาจารย์สายวิปัสสนา สั่งสอนญาติเสมอมาจนวาระสุดท้าย ทุกวันนี้ยังเป็นที่เคารพศรัทธาของญาติโยมมิเสื่อมครา การสั่งสอนอยรมวัปัสสนายังอยู่ในจิตใจญาติชาวบ้านดอนดู้เสมอมา จะเห็นได้ว่า คนทั่วไปรู้จักบ้านดอนดู่ หรือวัดประดู่วัรธรรม เพราะพระเดชพระคุณท่าน หลวงพ่อแพงตา เขมิโย หรือพระครูภาวนาภิรัต ทุกวันยังเป็นกล่าวขานเสมอ เพราะกิตติศัพท์หลวงหลวงพ่อ เป็นที่ต้องการของญาติโยมเรื่อยมา วัดประดู่วีรธรรม / บ้านดอนดู่ เป็นที่รู้ได้เพราะหลวงพ่อแพงตา เขมิโย ครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ประเวท แดงดา วันที่ตอบ 2019-09-10 17:32:52 |
[1] |