ตำรวจพระ
สั่งลุยพระนอกรีต
ด้วยสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังประสบปัญหา
คนตกงานมากขึ้น
ทำให้มิจฉาชีพบางกลุ่มเริ่มแฝงตัวอาศัยผ้าเหลืองหากินโดยการปลอมบวชมากขึ้น
หรือแม้แต่พระภิกษุสามเณร ที่มีความประพฤติขาดความสำรวม จ้องจะรับแต่ปัจจัย
เรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต เสพยาเสพติด เล่นการพนัน และอื่นๆ
อันไม่สมควรแก่สมณสารูป
เป็นหน้าที่โดยตรงที่
"พระวินยาธิการ" หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า
"ตำรวจพระ" ต้องรีบออกไปจัดการทันที
ด้วยการนำตัวพระผู้ประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง ไปพบเจ้าคณะผู้ปกครองเขตนั้นๆ
เพื่อให้เจ้าคณะเขตได้สอบสวน
เมื่อได้ข้อเท็จจริงแล้วก็อยู่ในดุลพินิจของเจ้าคณะเขตจะพิจารณาลงโทษตาม
สถานความผิด
หรือถ้ามีความผิดร้ายแรงก็ต้องนำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย
ปัจจุบัน
ผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพระวินยาธิการส่วนกลาง คือ พระรัตนเมธี (บุญช่วย กัมมสุโภ)
สิริอายุ 61 พรรษา 40 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดแก้วฟ้าจุฬามณี แขวงถนนนครไชยศรี
เขตดุสิต กรุงเทพฯ และเจ้าคณะเขตบางซื่อ
พระรัตนเมธีเล่าว่า
ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำส่งผลให้คนว่างงานจำนวนมาก
และหันมาประพฤติผิดกฎหมายที่ไม่เว้นแม้แต่กับพระสงฆ์
พวกมิจฉาชีพเหล่านี้ได้เข้ามาขโมยสิ่งของในวัดไปขายมากขึ้น
โดยเฉพาะเครื่องสังฆภัณฑ์ภายในวัด
ล่าสุดแม้แต่ในวัดแก้วฟ้าฯ ของท่านยังถูกมิจฉาชีพบุกเข้าไปถึงในห้องเก็บของ
เข้าไปขโมยผ้าไตรถึงบนกุฏิไปมากกว่า 30 ชุด มีมูลค่ากว่า 30,000 บาท
"
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่อาตมาไม่อยู่วัด
และเมื่อสอบถามพระลูกวัดถึงเหตุการณ์ดังกล่าวทราบว่ามีผู้ชาย 3 คน และผู้หญิง 2 คน
ขับรถกระบะเข้ามาในวัด
พอเข้ามาถึงวัดก็ถามหาเจ้าอาวาสทำทีว่าจะมาขายผ้าให้กับทางวัด
เมื่อทราบว่าเจ้าอาวาสไม่อยู่ก็ให้ผู้หญิง 2 คน ไปคุยเบี่ยงเบนความสนใจจากพระลูกวัด
ส่วนผู้ชายอีก 3
คนก็เดินเข้าไปในกุฏิแล้วขโมยผ้าไตรออกไป"
"เชื่อว่าการดำเนินการ
ครั้งนี้ต้องมีการทำกันเป็นขบวนการ และมีการวางแผนเป็นอย่างดี
อีกทั้งก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ขึ้นพระลูกวัดเล่าว่า
ผู้หญิงหนึ่งในสองคนดังกล่าวเข้ามาดูลาดเลาภายในวัดบ่อยมาก
ทำให้รู้ที่ตั้งกุฏิของเจ้าอาวาส และเข้าไปขโมยของได้สำเร็จ"
หัวหน้าพระวินยาธิการกล่าว
อย่างไรก็ตาม
ท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถดำเนินคดีจับกุมตัวกลุ่มหัวขโมยที่เข้า
มาลักทรัพย์ถึงในวัดแก้วฟ้าจุฬามณี ได้เป็นผลสำเร็จ
แต่ทั้งนี้
ท่านเจ้าคุณรัตนเมธีก็ได้ฝากเตือนไปยังเจ้าอาวาสทุกวัด ให้กำชับพระภิกษุ-สามเณร
ลูกวัดทุกรูป คอยสอดส่องดูแลคนแปลกหน้าที่เข้ามาในวัดให้ดี
หากมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย
ให้คอยจับตาดูอย่างเข้มงวดหรืออาจแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาจัดการ
"
วัดเป็นสถานที่ที่คนทั่วไปสามารถเข้ามาได้ ไม่ใช่สถานที่ปิดตาย
การจะห้ามคนเข้ามาในวัด คงทำไม่ได้ เพราะญาติโยมเข้ามาที่วัดส่วนใหญ่จะมาทำบุญ
ฟังเทศน์ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม ดังนั้น พระในวัดจะต้องคอยสอดส่องดูแลให้ดี
เชื่อว่ายังจะมี พระนอกรีต
มิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาหากินกับผ้าเหลืองต่อไปอีก"
นอกจากนี้
ปัญหาที่ทำให้พระรัตนเมธีรู้สึกหนักอกหนักใจเป็นอย่างยิ่ง
และเป็นสิ่งที่ชาวบ้านทั่วไปสามารถพบเห็นได้ประจำวันตามท้องตลาดยามเช้า คือ
ปัญหาที่พระภิกษุยืนรับบิณฑบาต
พระนอกรีตมีการร่วมมือกับพ่อค้าแม่ค้านำกับข้าวที่จำหน่ายให้ประชาชนใส่บาตรกลับไป
เวียนเทียนให้แม่ค้าจำหน่ายซ้ำอีกรอบ เป็นการหารายได้ในอีกรูปแบบหนึ่ง
"
การออกบิณฑบาตของพระภิกษุในพระธรรมวินัยได้กำหนดให้พระภิกษุออกเดินไปตาม
สถานที่ต่างๆ ไม่ควรหยุดรอคอยเฉพาะที่ใดที่หนึ่ง
ซึ่งในเรื่องการนำอาหารที่ใส่บาตรมาเวียนเทียนขายนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น
บ่อยครั้ง แม้พระวินยาธิการจะเคยออกไปห้ามปราม แต่ก็ไม่หมดสิ้นเสียที
แม้จะไม่ใช่ความผิดร้ายแรง แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควร"
"บางครั้ง
พอตำรวจพระเข้าไปห้าม ชาวบ้านและพ่อค้าแม่ค้ายังมาเถียงต่อว่าตำรวจพระด้วยซ้ำว่า
ทำไมไม่ไปจับพวกพระปลอม หรือพระมั่วสีกา
พระนอกรีตแค่พระมายืนรับบิณฑบาตกลับมาห้าม
จนบางทีเราก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เชื่อว่าปัญหาพระนอกรีตนี้จะยังคงมีอยู่ต่อไป
และคงหมดได้ยาก"
พระรัตนเมธีกล่าวทิ้งท้าย
ดังนั้นหากจะอาศัยเพียงตำรวจพระคงไม่เพียงพอที่จะจัดแก้ปัญหาเหล่านี้ให้สิ้นซาก
คงต้องอาศัยญาติโยมช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบสิ่งใดเกี่ยวกับพระภิกษุที่ไม่ถูกต้อง
พระนอกรีตให้แจ้งไปยังศูนย์ปฏิบัติการพระวินยาธิการ
และสำนักงานพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดทุกแห่ง
รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่
ที่มา... ฉบับที่
6722 ข่าวสดรายวัน
..........................................................................