วันสงกรานต์ คำว่า สงกรานต์
หมายความว่า ที่สุดแห่งการคาบเกี่ยวระหว่างปีเก่ากับปีใหม่ คือ ปีเก่าผ่านพ้นไป
ปีใหม่ก็เริ่มเคลื่อนย้ายเข้ามา หมายความว่า ของเก่ากับของใหม่อาศัยกัน
ของเก่าเป็นเหตุให้เกิดของใหม่ ของใหม่นานๆ ไป กลายเป็นของเก่า
แล้วเป็นเหตุให้เกิดของใหม่ต่อไปอีก
การเคลื่อนที่ย้ายต้องพยายามย้ายจากที่ไม่ดีไปสู่ที่ดี จึงจะชอบ เช่น
ย้ายจากความโง่ไปสู่ความฉลาด ย้ายจากความยากจนไปสู่ความมั่งมี
ย้ายจากความเสื่อมไปสู่ความเจริญ ย้ายจากคนชั่วไปสู่คนดี ย้ายจากปุถุชน
คนมีกิเลสหนา ไปสู่อริยชน คนไกลจากกิเลส
ดังนั้น
พอขึ้นปีใหม่"วันสงกรานต์" เทพธิดา 7 องค์
ผู้เป็นธิดาของท้าวกบิลพรหมก็ส่งเศียรของท้าวกบิลพรหมให้กันแห่ต่อไป
ผลัดเปลี่ยนกันปีละองค์ตามวาระที่มาถึง ตั้งแต่องค์ที่ 1 จนถึงองค์ที่ 7 จนครบ 7
องค์ แล้วก็หมุนเวียนกันทุกปีไป
การส่งกันต่อๆ ไป
ต้องพยายามส่งความดีให้แก่กันจึงจะถูกต้อง เช่น พ่อแม่เป็นตัวอย่างที่ดีของลูก
ลูกเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ สามีเป็นสามีที่ดีของภรรยา ภรรยาก็เป็นภรรยาที่ดีของสามี
เพื่อนก็เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน ครูอาจารย์เป็นแบบอย่างที่ดีของศิษย์
ศิษย์ก็เป็นศิษย์ที่ดีของครูอาจารย์
ผู้บังคับบัญชาเป็นเจ้านายที่ดีของผู้ใต้บังคับบัญชา
ผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นลูกน้องที่ดีของผู้บังคับบัญชา เป็นอันว่า ทุกๆ
ล้วนมีความเกี่ยวข้องกัน
ต้องปฏิบัติดีต่อกันตามหน้าที่ของตนๆ
ตำนานวันสงกรานต์
กล่าวว่า เศียรกบิลพรหม ถ้าวางลงที่พื้นดิน โลกจะต้องลุกเป็นไฟ ถ้าโยนขึ้นไปในอากาศ
ฝนจะต้องแล้ง ถ้าโยนไปในน้ำ น้ำจะต้องแห้งหมด เมื่อเป็นเช่นนี้
โลกก็จะต้องเดือดร้อนทุกสิ่งที่อยู่ในโลกก็จะต้องเป็นอันตราย
สิ่งมีชีวิตก็จะต้องตายหมด ไม่มีเหลือ
เศียรกบิลพรหมวางลงไม่ได้
โลกจะเดือดร้อนต้องประคองไว้ด้วยพรหมวิหารธรรม คือ เมตตา
ความรักใคร่อยากจะให้เขาเป็นสุข กรุณา ความสงสารอยากจะให้เขาพ้นทุกข์ มุทิตา
ความพลอยชื่นชมยินดีในเมื่อเขามีความสุข อุเบกขา ความวางเฉยเป็นกลาง
ไม่ดีใจไม่เสียใจ ในเมื่อเขาถึงความวิบัติซึ่งตนไม่ อาจจะช่วยได้
โดยถือว่าเป็นกรรมของเขา ใครทำดีก็ได้ดี ใครทำชั่วก็ได้ชั่ว
รวมทั้ง 4
ข้อนี้ ถ้าโลกไม่ถือไว้ คือไม่ประพฤติปฏิบัติ มีแต่พยาบาทกัน เบียดเบียนกัน
ริษยากัน ซ้ำเติมเพิ่มโทษกัน โลกก็จะต้องเดือดร้อนและเดือดร้อนมาถึงผู้ที่ไม่ถือ
คือไม่ประพฤติปฏิบัติด้วย เหมือนไฟไหม้ ฝนแล้ง น้ำแห้งในที่ไหน
คนอยู่ในที่นั้นก็ต้องเดือดร้อน
ปัญหาที่กบิลพรหมถามธรรมบาลกุมาร 3 ข้อ คือ
1.เวลาเช้า ราศีอยู่ที่ไหน 2.เวลากลางวัน ราศีอยู่ที่ไหน 3.เวลากลางคืน
ราศีอยู่ที่ไหน ธรรมบาลกุมารตอบว่า 1.เวลาเช้าราศีอยู่ที่หน้า
ตื่นเช้าต้องเอาน้ำล้างหน้าจึงจะมีสง่าราศี
2.เวลากลางวันราศีอยู่ที่อก
ต้องเอาน้ำลูบอกลูบตัวจึงจะมีสง่าราศี 3.เวลากลางคืนราศีอยู่ที่เท้า
ก่อนจะนอนต้องเอาน้ำล้างเท้า
จึงจะมีสง่าราศี
วันสงกรานต์ปีนี้
ถ้าระลึกถึงข้อธรรมที่ได้ข้างต้น วันสงกรานต์ ต้องมีความหมายมาก
ไม่ใช่สักแต่ว่าผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเท่านั้น
ยังเกิดความร่มเย็นเป็นสุขและความเจริญแก่โลกด้วย
พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ
โสภณจิตฺโต ป.ธ.๙)
เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร วรวิหาร
watdevaraj@hotmail.com ที่มา...ฉบับที่
6709 ข่าวสดรายวัน