วันสงกรานต์ สักการะ
พระพุทธสิหิงค์ เสริมสิริมงคล |
เทศกาลสงกรานต์ของทุกปี
ประชาชนคนไทยต่างตั้งหน้าตั้งตาที่จะได้กลับถิ่นฐานของตนเอง
เพื่อไปรดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพ เนื่องในวันปีใหม่ไทย ความเป็นสิริมงคล
ในขณะเดียวกัน พุทธศาสนิกชนไทย ที่อยู่หรือเข้ามาท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ นั้น
จะมีโอกาสได้สักการะพระศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมือง นั่นก็คือ พระพุทธสิหิงค์
ซึ่งในปัจจุบันประดิษฐานอยู่ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์
ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร เป็นประจำทุกปี
เช่นเดียวในปีนี้
ที่ทางกรุงเทพมหานครได้ จัดงานมหาสงกรานต์ ปี 2552 "ยิ้มรับสงกรานต์ สานสามัคคี"
ในวันที่ 12-15 เมษายน ศกนี้ จะได้อัญเชิญ
พระพุทธสิหิงค์มาที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวงเพื่อให้ประชาชนได้สักการะอีกครั้ง
เมื่อกล่าวถึง พระพุทธสิหิงค์ กันแล้ว
มาศึกษาประวัติของพระพุทธรูปองค์นี้กันว่ามีความเป็นมาอย่างไร
พระพุทธสิหิงค์เป็นพระพุทธรูปที่พระมหากษัตริย์จากลังกา 3
พระองค์ได้รวมพระทัยกับพระอรหันต์ในเกาะลังกา สร้างขึ้น เมื่อพ.ศ.700
โดยมีพญานาคที่เคยได้เห็นพระพุทธองค์แปลงกายมาเป็นแบบ
และได้ประดิษฐานเป็นที่เคารพสักการะแก่ชาวลังกามาเป็นเวลาช้านาน
ต่อมาในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
ได้ทราบถึงพุทธลักษณะที่งดงามของพระพุทธสิหิงค์ จึงโปรดเกล้าฯ
ให้คณะทูตอัญเชิญพระราชสาส์นไปขอพระราชทานจากพระเจ้ากรุงลังกา
จากนั้นพระพุทธสิหิงค์จึงได้ถูกอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ กรุงสุโขทัย
แต่ด้วยสถานการณ์การเมืองที่เปลี่ยนไปในสมัยต่อมา พระพุทธสิหิงค์
จึงได้ถูกอัญเชิญไปประดิษฐานตามเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพิษณุโลก อยุธยา กำแพงเพชร
เชียงราย เชียงใหม่ จนถึงรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระบวรเจ้ามหาสุรสิงหนาท
จึงได้อัญเชิญพระพุทธสิงหิงส์มายังกรุงเทพมหานคร ในปี 2338 และได้ประดิษฐานอยู่ ณ
พระที่นั่งพุทไธสวรรย์มาจนถึงทุกวันนี้
นางอมรา ศรีสุชาติ
ผอ.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กล่าวว่า พอถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี
พระพุทธสิหิงค์ จะถูกอัญเชิญจากพระที่นั่งพุทไธสวรรย์
ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร ไปประดิษฐานยังท้องสนาม
ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาตั้งแต่ พ.ศ.2477
ในสมัยพระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยทางการจัดขึ้นเพื่อให้พุทธศาสนิกชน
ได้มาสักการะและสรงน้ำเป็นประจำทุกปีจนถึงปัจุบันให้ เกิดความเป็นสิริมงคลต่อตนเอง
ซึ่งตามความเชื่อของคนไทย ถือว่าการได้มากราบและสรงน้ำพระคู่บ้านคู่เมือง
จะนำความเป็นมงคลมาสู่ตนเองในช่วงวันขึ้นปีใหม่ไทย ในขณะเดียวกัน พระพุทธสิหิงค์
ถือเป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่เคารพมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยด้วย
ด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า
สำหรับประชาชนที่เข้ามาเที่ยวงานสงกรานต์ของกรุงเทพมหานครที่มณฑลพิธีท้อง
สนามหลวงนั้น นอกจากจะได้สักการะพระพุทธสิงหิงค์แล้ว ยังจะได้ร่วมพิธีทำบุญตักบาตร
และรดน้ำดำหัวขอพรผู้ใหญ่ แล้วยังได้ร่วมชมขบวนรถบุปผชาติและขบวนพาเหรดพฤกษชาติ
กว่า 30 คัน
นับเป็นการสืบสานประเพณีไทยในการเฉลิมฉลองปีใหม่แบบดั้งเดิมที่สืบทอดกันมา
อย่างยาวนานโดยเฉพาะในส่วนของบรรยากาศสวนน้ำพุดนตรี 7 นางสงกรานต์
ที่แวดล้อมด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ทั้ง ไม้สวนและไม้ดัด บ้านเรือนไทยจำลอง
นิทรรศการสงกรานต์และการละเล่นพื้นเมืองทั้ง 4 ภาค
ซึ่งจำลองมาไว้เพื่อให้ประชาชนได้ชมในงานนี้ด้วย
เรียกได้ว่าการเข้ามาท่องเที่ยวงานสงกรานต์ของกรุงเทพมหานครนอกจากจะได้
สักการะพระพุทธสิหิงค์ เสริมบารมีและสร้างสิริมงคลให้ชีวิตแล้ว
ยังจะได้สัมผัสถึงวัฒนธรรมอันดีงามของประเพณีสงกรานต์ของชาวไทยจากทุกภาคอีก ด้วย
สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมสักการะพระพุทธสิงหิงค์ และเที่ยวงาน
"ยิ้มรับสงกรานต์ สานสามัคคี" สามารถเข้าร่วมงานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
หรือสองถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร
โทร.0-2225-7612-4
ที่มา... ฉบับที่
6708 ข่าวสดรายวัน