หลวงพ่อโต วัดชัยชนะสงคราม จ.ตาก
ประวัติหลวงพ่อโต วัดชัยชนะสงคราม จ.ตาก สร้างขึ้นราวปีพุทธศักราช 2299 ถือเป็นพระพุทธรูปสำคัญประจำจังหวัดตาก "หลวงพ่อโต-บันดาลชัยให้สมปรารถนา" คือ คำบอกเล่าในพุทธบารมีหลวงพ่อโต ตามหลักฐานประวัติศาสตร์ชาติไทย เมื่อครั้งพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถี กับขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด จนมีชัยชนะ บริเวณดอยช้าง ต.เกาะตะเภา อ.บ้านตาก ซึ่งเป็นเมืองตากเดิมในสมัยนั้น
จนกระทั่งต่อมามีการย้ายเมืองตาก มาอยู่ในปัจจุบัน คือ ต.ระแหง อ.เมืองตาก ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำปิง ทางทิศตะวันออก โดยให้แม่น้ำปิง เป็นคูเมืองปราการ สู้ข้าศึกศัตรูพม่าที่ยกทัพเข้ามาทางด้านด่านแม่ละเมา และต้องตีฝ่าเมืองตากเป็นแห่งแรก ก่อนจะกรีธาทัพเข้าไปยังหัวเมืองชั้นใน ชื่อเมืองตาก ปรากฏอยู่ในจารึกประวัติศาสตร์มาแต่โบราณกาลตามที่ได้กล่าวมา ย้อนไปในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระเจ้าหงสาวดี นำกองทัพพม่าเข้าตีกรุงศรีอยุธยา โดยสั่งให้พระเจ้าเชียงใหม่ ซึ่งขณะนั้นเมืองเชียงใหม่เป็นเมืองขึ้นของพม่า ต่อเรือรบแล้ว ลำเลียงมาไว้ที่ตำบลระแหง เพื่อจะเข้าตีกรุงศรีอยุธยา
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ จึงสั่งให้แม่ทัพไทยยกทัพขึ้นไปสู้รบทัพหน้าของพระเจ้าหงสาวดี เมื่อยกกองทัพไปถึงบ้านท่าแค ตำบลเชียงเงิน เมืองตาก แม่ทัพไทยได้สั่งให้ทหารขุดดินหลังบ้านท่าแค (ปัจจุบันพื้นที่ ที่ขุดลงไปกลายเป็นหนองน้ำเรียกหนองคา) ขึ้นมาทำคันคูต้านกองทัพข้าศึก ที่ตั้งทัพอยู่คนละฝั่งแม่น้ำ ที่บริเวณวัดหนองบัวค่ายหรือวัดบัวล้อมร้าง (ปัจจุบันปรากฏเพียงซากวัดร้างอยู่ใน ต.หนองบัวใต้)
ปรากฏว่าการ ศึกครั้งนั้นรบชนะพม่า จึงได้สร้างวัดไว้เป็นอนุสรณ์เรียกว่า วัดดอยท่าชัย หรือ วัดชัยชนะสงคราม ในสมัยต่อมา แต่ชาวบ้านยังนิยมเรียกว่า วัดท่าแค ตามชื่อหมู่บ้านเดิมมาแต่โบราณกาล
"หลวงพ่อโต" แห่งวัดชัยชนะสงคราม ได้รับการบอกเล่าตามหลักฐานประวัติศาสตร์ท้องถิ่น โดย นายสมศักดิ์ สะมะโน หัวหน้ากลุ่มอำนวยการและประสานงาน สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดตาก ในฐานะปราชญ์พื้นบ้านของเมืองตาก ว่า องค์หลวงพ่อโต ที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ ณ วัดชัยชนะสงครามแห่งนี้ สร้างขึ้นราวปีพุทธศักราช 2299 ในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ดำรงตำแหน่งเป็นหลวงยกกระบัตร เจ้าเมืองตาก
พระองค์ทรงสร้างตำหนัก สวนม่วง ปัจจุบันตำหนักสวนม่วงนี้อยู่ที่ตำบลป่ามะม่วง ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิงตรงข้ามกัน ซึ่งในสมัยนั้นพระองค์ได้ทรงทำนุบำรุงสร้างวัดวาอารามหลายแห่ง และที่วัดดอยท่าชัย หรือวัดชัยชนะสงคราม พระองค์ทรงโปรดให้สร้างพระอุโบสถและพระประธานในอุโบสถขึ้น ชาวบ้านขนานนามว่า "หลวงพ่อโต" จากนั้นไม่เคยมีผู้ใด บูรณปฏิสังขรณ์ เพราะยุ่งกับสงคราม ไทย-พม่า จึงเป็นเหตุให้วัดถูกทิ้ง-รกร้างว่างเปล่าเป็นเวลามานาน จนอุโบสถเหลือเพียงแต่ผนังตึก 4 ด้าน ส่วนองค์หลวงพ่อโตถูกน้ำฝนชะทำให้สึกกร่อน
ต่อมาเมื่อราวปี พ.ศ.2449 พระอธิการยิ้ม เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม พระครูเจ้าคณะแขวง กิ่งอำเภอเชียงเงิน พร้อมด้วยพระศักดาเรืองฤทธิ์ เจ้าเมืองตาก พร้อมศรัทธาพุทธศาสนิกชนชาวบ้านร่วมกันบูรณะพระอุโบสถ และซ่อมแซมองค์หลวงพ่อโต โดยใช้ใบมงคั้นเอาน้ำผสมกับปูนขาวเหนียว เสริมตกแต่งให้รูปทรงของหลวงพ่อโต ดีดังเดิม ดังที่เห็นในปัจจุบันและได้ก่อสร้างเสริมอาสนะหลวงพ่อโต กว้างขวางออกไปอีก
เมื่อซ่อมเสร็จในปีเดียวกันนี้ ได้มีพ่อเลี้ยงเป็นชาวเชียงใหม่ ได้ล่องเรือบรรทุกพระพุทธรูปมาจอดที่ท่าน้ำหน้าวัดชัยชนะสงคราม แล้วขึ้นมานมัสการหลวงพ่อโตในโบสถ์ เห็นมีพระประธานองค์เดียว จึงมีจิตศรัทธานำพระพุทธรูป สมัยเชียงแสน สิงห์สาม ที่บรรทุกมาในเรือ หรือพระสองพี่น้อง เนื้อทองสัมฤทธิ์ถวายไว้ในโบสถ์ข้างๆ องค์หลวงพ่อโตซ้ายและขวา
จวบจนปัจจุบันพุทธศาสนิกชนชาวบ้านที่ ศรัทธาในองค์หลวงพ่อโตได้ปฏิสังขรณ์พระอุโบสถอีกหลายครั้ง เพื่อเป็นพุทธบูชา เป็นที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อโตสืบไป พระพุทธรูปปางต่างๆ
พระพุทธรูปที่สำคัญของไทย "หลวงพ่อโต -บันดาลชัยให้สมปรารถนา" คือ คำบอกเล่าในพุทธบารมีหลวงพ่อโต วัดชัยชนะสงคราม ชาวบ้านที่ศรัทธาองค์หลวงพ่อโต ได้ร้องขอบน บานให้การงานสำเร็จ บางคนก็ขอให้ขายที่ดิน บางคนก็อยากให้ลูกหลานสอบได้ บางคนบนบานอยากเป็นข้าราชการ บางคนก็ได้โชคลาภก้อนโต
นอกจากผลไม้สดตามฤดูกาลนานาชนิดแล้ว เนื้อสัตว์ หัวหมู ถือว่าเป็นสิ่งต้องห้าม เพราะเชื่อว่าหลวงพ่อโต วัดชัยชนะสงคราม ไม่โปรด
ส่วนการเดินทางไปนมัสการหลวงพ่อโต วัดชัยชนะสงคราม ใช้เส้นทางถนนพหลโยธิน ก่อนเข้าตัวเมืองตาก ข้ามแม่น้ำปิง ไปยังฝั่งตะวันออก วัดชัยชนะสงคราม ตั้งอยู่ด้านซ้ายมือ เชิงสะพานกิตติขจร หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ พระครูโสภณชยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชัยชนะสงคราม โทร.0-5551-3990 หรือ นายสมศักดิ์ สะมะโน หัวหน้าฝ่ายอำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดตาก โทร.08-1971-7543
คอลัมน์ ไหว้พระประธาน 76 จังหวัด
วิทยา ปัญญาศรี
ที่มา...