หลวงพ่อพระพุทธวิเศษ วัดทุ่งศรีวิไล
ประวัติ หลวงพ่อพระพุทธวิเศษ วัดทุ่งศรีวิไล จ.อุบลราชธานี
เป็นเรื่องคุ้นหูของชาวพุทธส่วนใหญ่ ที่ได้ยินคำเล่าลือถึงพุทธานุภาพของพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองที่ประดิษฐาน อยู่ตามวัดต่างๆ เช่นเดียวกับ "หลวงพ่อพระพุทธวิเศษ" พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอุบลราชธานี หลวงพ่อพระพุทธวิเศษ เป็นพระพุทธรูปปางนาคปรก สร้างจากศิลาแลงหน้าตักกว้าง 55 เซนติเมตร สูง 90 เซนติเมตร เป็นพระพุทธรูปในยุคทวารวดีอายุกว่าพันปี และถูกค้นพบเมื่อกว่า 200 ปีก่อนในที่ดินสวนอุทยานของนางเจียงได บ้านชีทวน ต.ชีทวน อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี
ปัจจุบันเป็นพระประธานประดิษฐานอยู่ในวิหาร วัดทุ่งศรีวิไล ต.ชีทวน อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ซึ่งตั้งขึ้นภายหลังการค้นพบหลวงพ่อพระพุทธวิเศษในจุดที่พบ จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่เกี่ยวกับการค้นพบหลวงพ่อพระพุทธวิเศษ ระบุว่า มีชาวบ้านต้อนวัวควายไปเลี้ยงในที่ดินของนางเจียงได บุตรสาวเจ้าเมืองซีซ่วน (บ้านชีทวน) บริเวณโนนนกเขียนไปพบเศียรพระของหลวงพ่อพระพุทธวิเศษโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมา จึงร่วมกันทำพิธีอัญเชิญหลวงพ่อขึ้นมา พร้อมสร้างศาลาไม้ใช้ประดิษฐานตรงจุดที่พบหลวงพ่อ เพราะนอกจากพบ หลวงพ่อพระพุทธวิเศษ แล้วยังพบพระพุทธรูปในยุคเดียวกันอีกหลายองค์
จึงเชื่อว่าบริเวณดังกล่าวเมื่อกว่าพันปีก่อนอาจเป็นที่ตั้งวัดเก่าที่ถูกทิ้งร้าง ภายหลังชาวบ้านช่วยกันอัญเชิญหลวงพ่อพระพุทธวิเศษขึ้นมาก็ยังไม่ได้ตั้งชื่อ จนกระทั่งเกิดเหตุไฟไหม้ศาลาไม้ใช้ประดิษฐานพระพุทธรูป ปรากฏว่าพระพุทธรูปที่ถูกค้นพบพร้อมกับหลวงพ่อพระพุทธวิเศษถูกไฟไหม้เสียหาย ทั้งหมด ยกเว้นหลวงพ่อพระพุทธวิเศษที่เปลวไฟไม่สามารถระคายผิวองค์พระ ทำให้ชาวบ้านที่พบเห็นเหตุการณ์ต่างพากันเลื่อมใสศรัทธาในพุทธานุภาพของท่าน จึงพากันขนานนามเรียกขานท่านว่า "หลวงพ่อพระพุทธวิเศษ" ตามความเชื่อของชาวบ้าน
ต่อมาชาวบ้านก็ได้ช่วยกันสร้างวิหารอิฐถือปูนใช้ประดิษฐานหลวงพ่ออย่างเป็นทางการ พร้อมพัฒนาพื้นที่ให้เป็นวัดเมื่อกว่า 200 ปีก่อน โดยชาวบ้านได้นิมนต์พระอัญญาท่านด้านเป็นเจ้าอาวาส วัดทุ่งศรีวิไล องค์แรก ปัจจุบันมีพระครูสุนทรสุตกิจ รองเจ้าคณะอำเภอเขื่องใน (มหานิกาย) เป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ 4 สำหรับหลักฐานที่ทำให้เชื่อว่าที่ตั้งปัจจุบันของวัดทุ่งศรีวิไล น่าจะเป็นวัดมาก่อนการค้นพบหลวงพ่อพระพุทธวิเศษ เพราะนอกจากมีพระพุทธรูปร่วมสมัยที่ถูกค้นพบพร้อมกับพลวงพ่อพระพุทธวิเศษ ยังพบใบเสมาล้อมรอบบริเวณที่ค้นพบซ้อนกันอยู่หลายชั้น รวมทั้งบริเวณสระน้ำหลังวัด ก็ยังมีซากหอไตรและธรรมมาสน์ก่อด้วยอิฐในยุดอดีตตั้งอยู่
สำหรับพุทธคุณของ หลวงพ่อพระพุทธวิเศษ ที่ได้รับการกล่าวขานกันมาก คือ หากได้มากราบไหว้บูชาบนบานขอสิ่งใดมักประสบความสำเร็จ โดยมีเรื่องเล่าว่า เมื่อครั้งที่ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ อดีตเจ้าเมืองอุบลราชธานี เสด็จเยี่ยมประชาชนที่บ้านชีทวน ได้นำดอกไม้ธูปเทียนทองไปกราบสักการบูชาขอพระโอรสและพระธิดาจากหลวงพ่อ จากนั้นไม่นานหม่อมเจียงคำ พระชายาก็ทรงมีพระครรภ์ พร้อมประสูติพระโอรสและพระธิดา 2 พระองค์ ตามที่กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ได้บนบานเอาไว้
นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ที่หลวงพ่อพระพุทธวิเศษ ช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยของมนุษย์ได้ โดยมีเล่าเรื่องว่าถ้ามีอาการเจ็บป่วยตามส่วนใดของร่างกาย ก็ให้มากราบไหว้บนบานบอกกล่าวกับหลวงพ่อพระพุทธวิเศษ แล้วนำแผ่นทองคำเปลวไปติดตามส่วนต่างๆ ขององค์พระ เช่น มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก ก็ให้นำแผ่นทองคำเปลวไปปิดที่หน้าอกขององค์พระ อาการเจ็บป่วยก็จะหายไป
การกราบนมัสการหลวงพ่อพระพุทธวิเศษ วัดทุ่งศรีวิไลได้เปิดวิหารหลังใหม่ที่ทำครอบวิหารหลังเดิมให้กราบไหว้ทุก วัน แต่ทุกวันเพ็ญเดือน 5 ทุกปีวัดร่วมกับประชาชนทั่วประเทศที่เลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อพระพุทธวิเศษ พระประธานปางนาคปรกศิลปะทวารวดี จัดสมโภชน์ปิดทององค์พระเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน
ทั้งนี้เส้นทางใช้ไปกราบนมัสการ หากเดินทางจากตัวจังหวัดอุบลราชธานีไปตามถนนแจ้งสนิท เมื่อเข้าเขต อ.เขื่องใน ซึ่งมีสะพานข้ามลำเซบายเป็นตัวแบ่งเขต จะมีป้ายบอกทางให้เลี้ยวซ้ายไปบ้านชีทวนระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร แม้ถนนจะเป็นถนนลาดยาง แต่ก็เป็นหลุมเป็นบ่อพอสมควร เมื่อรถแล่นเข้าเขตหมู่บ้านจะมองเห็นวัดตั้งเด่นอยู่กลางทุ่งนา โดยไม่ต้องถามทางจากชาวบ้านในละแวกนั้นเลย
คอลัมน์ ไหว้พระประธาน 76 จังหวัด
ประภาพร สอนราช ที่มา...