หลวงพ่อโต วัดบุปผาราม จ.ตราด
ประวัติ หลวงพ่อโต วัดบุปผาราม จ.ตราด
ย้อนกลับไปในปี พ.ศ.2195 "หลวงเมือง" คหบดีชาวบ้านเกาะกันเกรา ต.วังกระแจะ อ.เมือง จ.ตราด ได้เป็นผู้ร่วมมือกับ ชาวบ้านสร้าง "วัดบุปผาราม" บริเวณเชิงเนินที่สวยงาม โดยชาวบ้านเล่าสืบกันมาว่าเมื่อก่อนนี้ในหมู่บ้านและบริเวณวัดมีพันธุ์ไม้ ดอกไม้ผลนานาชนิด ออกดอกออกผลตามฤดูกาล ล้วนมีสีสันสวยงาม ส่งกลิ่นหอมกระจายไปทั่ว โดยเฉพาะในบริเวณวัดยังมีพันธ์ไม้ที่ใช้ทำยาไทย และใช้ปรุงน้ำอบน้หอมขึ้นอยู่เป็นอันมาก
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า ก่อนที่จะสร้างวัดนี้ขึ้นมาได้มีการสำรวจหาที่ก่อตั้งวัดคณะสำรวจได้มาถึง บริเวณแห่งนี้ได้กลิ่นดอกไม้ หอมหวนตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ แต่หาต้นไม้ที่มาของกลิ่นไม่พบ จึงมีความเห็นร่วมกันว่า คงเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะ สร้างวัดตรงบริเวณนี้ หลังจากสร้างแล้วจึงตั้งชื่อ วัดบุปผาราม หมายถึงวัดสวนดอกไม้ เป็นต้นมา ทั้งนี้ในทะเบียนกรมการศาสนาได้ตรวจพบหลักฐานว่า วัดบุปผาราม สร้างในปี 2195 สมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง (พ.ศ.2172-2199) และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ.2225 ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ.2199-2231)
หลักฐานด้านโบราณคดีที่มีปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ทั้งโบราณสถานและโบราณวัตถุที่เป็นศิลปกรรมสมัยอยุธยา มีพระพุทธรูปทรงเครื่องใหญ่ พระพุทธรูปทรงเครื่องน้อย และภาชนะประเภทเครื่องเบญจรงค์ ที่เป็นศิลปะสมัย อยุธยาตอนปลาย มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 22-23 โบราณสถานและโบราณวัตถุที่เป็นศิลปกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 24-25 เจดีย์ทรงปรางค์ที่เป็นโบราณสถานที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดของวัดบุปผาราม เป็นศิลปกรรมที่นิยมสร้างมากในสมัยรัตนโกสินทร์ ทั้งนี้เป็นเพราะได้รับการบูรณะเปลี่ยนเปลง รูปแบบเดิมจึงเปลี่ยนไปโดยเจดีย์ทรงปรางค์ เป็นเจดีย์ย่อมมุมไม้สิบสองขนาดเล็ก มียอดปรางค์ ตั้งอยู่ด้านหลังของวิหารพระพุทธไสยาสน์
และวิหารพระพุทธไสยาสน์ (วิหารพระนอน) เป็นวิหารก่อด้วยศิลาแลงถือปูน ขนาดกว้าง 3.85 เมตร ยาว 8.95 เมตร หลังคาชั้นเดียวมีพาไลด้านหน้า หน้าบันและซุ้มหน้าต่างประเด็บด้วยเครื่องถ้วยจีนและเครื่องถ้วยยุโรป ฝาผนังและเพดานด้านในมีภาพจิตรกรรมเขียนสีสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เพดานเขียนภาพลายดอกไม้ ลายสัตว์ มีนก กวาง มังกรคู่ และอักษรจีน ผนังด้านหลัง พระพุทธรูปเขียนลายนก และลายดอกไม้ ส่วนผนังอีก 3 ด้านเขียน ลายดอกไม้ มีประตูทางเข้าด้านทิศตะวันตก พระพุทธไสยาสน์ หันพระเศียรไปทางทิศตะวันออก โดยหันพระพักตร์ ไปทางเหนือ วิหารหลังนี้บูรณะใหม่ เมื่อปี พ.ศ.2533
สำหรับพระประธานในอุโบสถ พระครูสุวรรณสารวิบูล เจ้าอาวาสวัดบุปผารามองค์ปัจจุบัน อธิบายถึงประวัติ ความเป็นมาว่า พระประธานในอุโบสถหลังนี้ชื่อ "หลวงพ่อโต" ซึ่งประวัติความเป็นมาโดยละเอียดนั้นไม่มีหลักฐาน ระบุชัดเจน แต่สร้างสมัยเดียวกันหลวงพ่อโตที่วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร ต.ยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร
โดยหลวงพ่อโต วัดบุปผาราม ก่อสร้างในสมัยพระพุทธรูปสมัยอยุธยา เนื้อจะเป็นทรายแดงฉาบปูน ปางมารวิชัย รูปพระพักตร์มีรอยยิ้มละไม มีขนาดใหญ่กว่า "หลวงพ่อโต" ที่วัดหลักสี่ราษฎรสโมสรเล็กน้อย แต่มีลักษณะพิเศษก็คือ ที่นิ้วหัวแม่เท้าด้านขวาจะมี "เล็บ" เป็นเนื้อสีขาวขุ่น ขณะที่ หลวงพ่อโต วัดหลักสี่ราษฎรสโมสรไม่มี
พระสุวรรณสารวิบูล กล่าวว่า หลวงพ่อโตองค์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์และเป้ฯที่เชื่อถือของชาวเมืองตราดมาช้า นาน ในยุคนั้น ประชาชนเดินทางมากราบไหว้จำนวนมากเพื่อขอพรและขอโชคลาภ แต่ปัจจุบันโบสถ์และวิหารได้รับการ จดทะเบียนโบราณสถานและโบราณวัตถุอันล้ำค่า จึงไม่ค่อยมีประชาชนเข้ามาสักการะมากนัก เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับความเสียหาย และถูกโจรกรรมจากกลุ่มมิจฉาชีพ
ทั้งนี้ หลวงพ่อโต วัดบุปผาราม เป็นที่รู้จักในความศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกับพระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก, หลวงพ่อพระพุทธโสธร จ.ฉะเชิงเทรา, หลวงพ่อวัดไร่ขิง จ.นครปฐม, หลวงพ่อโต วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร จ.สมุรสาคร, หลวงพ่อวัดบ้านแหลม จ.สมุทรสาคร, หลวงพ่อวัดเขาตะเครา จ.เพชรบุรีหลวงพ่อทองคำ วัดไตรมิตร กรุงเทพฯ, หลวงพ่อพระพุทธชนะมาร วัดธรรมบันดาล จ.นครราชสีมา
พระพุทธรูป ที่กล่าวถึงนี้ล้วนทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์มาช้านาน หลวงพ่อโต วัดบุปผาราม ในบรรดาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ปรากฏบุญญฤทธิ์ เป็นที่พึงทางใจของชาวพุทธไม่เสื่อมคลาย คอลัมน์ ไหว้พระประธาน 76 จังหวัด
จักรกฤษณ์ แววคล้ายหงษ์
ฉบับที่ 6631 ข่าวสดรายวัน