อัญเชิญ"พระบรมสารีริกธาตุ"
ประดิษฐาน-โครงการศากยมุนี ปัจจุบัน
นี้ถ้าได้ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวต่างๆ ในแวดวงที่เกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนาแล้ว
จะเห็นได้ว่า มีหลากหลายโครงการ หลากหลายกิจกรรมที่ได้จัดขึ้น
โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับการเผยแผ่ศาสนสัมพันธ์ไปสู่นานาประเทศ
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญในบทบาทหน้าที่ของคณะสงฆ์ไทยในเวทีพุทธศาสนา โลก
กิจกรรมที่ถูกจัดขึ้นเมื่อระหว่างวันที่ 24 พ.ย.-1 ธ.ค. 2551
ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมเช่นกัน นั่นก็คือการอัญเชิญพระบรมสาริกธาตุจาก 12 ประเทศ
รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งนำโดย หลวงพ่อจำเนียร สีลเสฏโฐ ประธานสงฆ์วัดถ้ำเสือ วิปัสสนา
จ.กระบี่ พระอาจารย์งาม รตนญาโณ พระอาจารย์กฤษฎา สิริวัฑฒโน
พร้อมด้วยคณะพุทธศาสนิกชนชาวไทย เพื่อนำไปประดิษฐานไว้ ณ ฐานพระพุทธรูปองค์พระมหาศากยมุนี ที่มีความสูงถึง 148 ฟุต
ในโครงการศากยมุนี เมืองราบอง ตอนใต้ของรัฐสิกขิม ประเทศอินเดีย
โดยคณะสงฆ์ไทยได้รับการประสานงานจาก "ท่านโดร์จีดาซมภูเตีย"
ประธานมาเน่โชกเกอร์ลิ่ง ดิเวลลอปเม้นท์
"
โครงการศากยมุนี" เกิดขึ้นได้ด้วยแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวสิกขิม และการสนับสนุน
จากทางรัฐบาล
เพื่อให้พุทธสถานแห่งนี้เป็นศูนย์กลางแห่งความศรัทธาของชาวพุทธจากทั่วโลก
ที่จะเดินทางมาเพื่อแสวงบุญยังดินแดนพุทธภูมิแห่งนี้ต่อไป
ซึ่งมีพิธีการรับมอบพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2551
ท่ามกลางพลังศรัทธาอย่างล้นหลามของพุทธศาสนิกชนชาวสิกขิม
รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐที่ได้จัดพิธีการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่
โดยมีท่านรัฐมนตรีประจำสิกขิม เป็นประธานในพิธีการรับมอบ
โดยตลอดเส้นทางการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาในครั้งนี้
นอกจากจะได้รับความสนใจจากพุทธศาสนิกชนชาวสิกขิมอย่างล้นหลามแล้ว
ยังได้รับความสนใจจากคณะสื่อมวลชนท้องถิ่นทั้งของอินเดียและสิกขิมด้วย
จากภาพบรรยากาศของกิจกรรมมหากุศลในครั้งนี้
ที่คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนชาวไทยได้พร้อมใจกันจัดขึ้น
สามารถเป็นสิ่งยืนยันได้ถึงการสร้างสายสัมพันธ์ในหมู่พุทธศาสนิกชนทุกๆ ประเทศ
โดยมีพุทธศาสนาเป็นตัวเชื่อม โครงการศากยมุนี ณ เมืองราบอง รัฐสิกขิม ตอนใต้
ประเทศอินเดียแห่งนี้
จึงนับเป็นความภาคภูมิใจและเป็นเกียรติประวัติแก่ประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง
ในการได้เผยแผ่ศาสนสัมพันธ์และได้ร่วมสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาให้มั่นคงสืบ
ต่อไปในดินแดนแห่งนี้
การเดินทางไปยังอินเดียในช่วงวันที่ 1 ธ.ค.2551
เป็นการจัดงานสาธยายพระไตรปิฎกของชาวพุทธนานาชาติ ครั้งที่ 4
ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-11 ธ.ค. ที่ผ่านมา ณ บริเวณใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์
พุทธคยา โดยสภากรรมการสาธยายพระไตรปิฎกนานาชาติ พร้อมด้วยคณะสงฆ์และชาวพุทธไทย
ซึ่งงานนี้ได้มีคณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนจากหลากหลายประเทศเดินทางมาร่วมงานใน
ครั้งนี้อย่างมากมาย
ถือได้ว่าเป็นงานที่มีความสำคัญยิ่ง
โดยผู้ที่มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนงบประมาณในการจัดงานครั้งนี้ นั่นก็คือ "Wangmo
Dixey" จากความยิ่งใหญ่และการให้ความสำคัญของคณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนจากหลากหลาย
ประเทศ ที่มีต่อการจัดงานในครั้งนี้
ถือเป็นเรื่องที่ดีและเป็นนิมิตหมายอันดีที่คณะสงฆ์ทั้งฝ่ายมหายานและเถรวาท
ได้มาสวดพระไตรปิฎกร่วมกัน กิจกรรมในครั้งนี้
จึงถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีในด้านการเผยแผ่ศาสนสัมพันธ์ของคณะสงฆ์ไทย
และถือเป็นเกียรติประวัติต่อประเทศไทยเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว
สอบ ถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการศากยมุนี
และกิจกรรมงานสาธยายพระไตรปิฎกของชาวพุทธนานาชาติ โทร.08-3498-6016 ประเทศอินเดีย
001-919934463848
ข่าวพระเครื่อง ที่มา...www.khaosod.co.th