พระเครื่อง อมูเลทตั้มศรีวิชัย ตลาดพระเครื่องรางของขลัง สวนไผ่สกลนคร หน่อไม้น้ำ หญ้าหวานอิสราเอล วันตรุษจีน2567
>...ตั้มศรีวิชัย TumAmulet ...< Thailand Amulet Charms |
คำแนะนำจากตำรวจเมื่อถูกโกง |
เงื่อนไขการรับประกัน การันตีพระเครื่อง |
สารบัญพระเครื่องเมืองนคร |
ทำเนียบพระกรุเมืองนคร |
ทำเนียบพระเครื่องเมืองนคร |
ชมรมพระเครื่อง |
บูชาพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง Amulets Charms Talismans |
ตลาดพระ amulet for you |
เช่า-บูชา เครื่องรางของขลัง |
พระหลวงปู่ทวด วัดต่างๆ |
จตุคาม-รามเทพ หลักเมืองนคร Jatukamramtep (Jatukarm) |
หลักเมืองนครศรีธรรมราช |
จตุคาม ของดีนำมาโชว์ |
บทความ น่ารู้องค์พ่อจตุคาม |
Jatukam Amulets |
บทความจตุคามรามเทพ |
ลิงค์น่าสนใจ |
หนังสือพิมพ์ |
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน |
เทศกาล วันสำคัญ |
ดวง ดูดวง หน้าหลัก |
บทความดีๆ |
นิทานสอนใจ |
วัฒนธรรมไทย ประเพณีไทย |
บทสวดมนต์ สำหรับชาวพุทธ |
พระเครื่อง นานาสาระ |
พระพุทธรูปสำคัญของไทย |
คาถา-อาคม พระคาถาอาคม |
พระพุทธรูปปางต่างๆ |
พุทธศาสนสุภาษิต |
ข่าวพระเครื่อง |
บทความพระเครื่อง |
Thai Buddha Amulets |
ข่าวพระพุทธศาสนา |
ข่าวเครื่องรางของขลัง |
สาระพระเครื่องไทย |
ประวัติพระวิปัสสนาจารย์ |
สวนไผ่ พันธุ์หญ้า ธนภัทรสกลนคร สินค้าเกษตรออนไลน์ ไผ่สายพันธุ์ต่างๆ ไผ่ข้าวหลามกาบแดง ไผ่ซางหม่น หน่อไม้น้ำ หญ้าหวานอิสราเอล หญ้านรกจักรพรรดิ์ หญ้าเนเปียร์ปากช่อง1 หญ้าเนเปียร์แคระ หญ้าเนเปียร์ท้ายเขื่อนซุปเปอร์ลีฟ สะสมพระเครื่อง แต่ใจรักเกษตรผสมผสาน
|
ขอบเหรียญ
เส้นทางนักพระเครื่อง " ขอบเหรียญ" ความลับของ เหรียญแท้ "บอย ท่าพระจันทร์ เซียนพระวัย ๒๘ ในบรรดา “เซียนพระ” ผู้ประสบความสำเร็จบนเส้นทางอาชีพสายนี้ อรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย หรือ “บอย ท่าพระจันทร์” นับได้ว่าเป็นผู้มี อายุน้อยที่สุด ณ วันนี้ด้วยวัยเพียง ๒๘ ปี “บอย” สามารถซื้อขายพระราคาหลักแสนหลักล้านด้วยสายตาตัวเอง จนสร้างฐานะความเป็นอยู่อย่างมั่นคง และน่าภาคภูมิใจยิ่ง บอย ท่าพระจันทร์ เล่าว่า เมื่อสมัยที่เรียนอยู่ชั้น ม.๒ (ปี ๒๕๓๗) ที่โรงเรียนวัดประดู่ในทรงธรรม ท่าพระ มีเพื่อนคนหนึ่งชอบอ่านหนังสือพระ มาชวนให้เล่นพระ (เอาพระไปซื้อขายกัน) จึงไปค้นหาพระที่บ้าน แต่ไม่มี เพราะตอนย้ายบ้านไม่ได้เอามาด้วย จึงไปขออาก๋ง ซึ่งมีพระเก็บมากมาย รื้อดูแล้วไม่มีพระเหมือนกับที่ได้เห็นจากหนังสือของเพื่อนเลย เมื่อเริ่มสนใจพระ จึงได้หาหนังสือมาอ่าน โดยเฉพาะเล่มที่ลงเรื่องเกี่ยวกับอิทธิปาฏิหาริย์ ยิงฟันไม่เข้า แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ชอบมาก บอยเล่าว่า “วันหนึ่งได้พระมาจากอาก๋งองค์หนึ่ง เป็นพระสมเด็จ พิมพ์เส้นด้าย บางขุนพรหม ดูจากหนังสือพระเขาลงราคาไว้ ๑ ล้านบาท จึงเอาไปขายที่สนามท่าพระจันทร์ มีเซียนคนหนึ่งถามว่า ขายไหม ๕ หมื่นบาท คำถามนี้ทำให้ผมตื่นเต้นมาก คิดว่าพระองค์นี้ต้องแท้แน่ เขาถึงได้ขอซื้อ จึงตอบไปว่าไม่ขาย เพราะรู้อยู่แล้วในหนังสือลงไว้ตั้ง ๑ ล้านบาท เซียนคนนั้นเห็นผมปฏิเสธ จึงพูดต่อว่าเอาไปเลย ๑ แสนขายไหม ผมก็ยืนยันเหมือนเดิมไม่ขาย คราวนี้เซียนพระบอกอีกว่า งั้นไปเอาไป ๕ แสนขายไหม มาถึงตรงนี้ ผมชักลังเลใจเงินตั้ง ๕ แสนบาท ผมยังไม่เคยจับต้องมาก่อน แลกกับพระสมเด็จ ๑ องค์ ถ้าขายพระองค์นี้ไป ผมก็ได้เงินตั้ง ๕ แสนบาท ช่างมากมายจริงๆ ก็เลยตอบตกลงเขาไปว่าผมขายให้ก็ได้ ๕ แสนบาท เขาเลยพูดออกมาดังๆ ว่า ไอ้น้อง...นี่มันพระเก๊ เก๊กระจอก กูหลอกมึงเล่นๆ ต่างหาก คำพูดของเซียนคนนั้น ทำเอาผมแทบจะลืมหายใจ จะหมดแรงฟุบอยู่ตรงนั้นให้ได้ อึ้งไปหมด พลางคิดว่า เข้าสนามพระวันแรกก็เจอดีซะแล้ว เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดเมื่อ ๑๐ ปีก่อน จนทุกวันนี้ ผมยังจำเซียนพระคนนั้นได้ แต่เขาอาจจะจำผมไม่ได้” บอยกลับบ้านด้วย ความผิดหวัง และเจ็บใจเซียนพระคนนั้นมาก จึงคิดว่าหากจะมุ่งมั่นเดินทางสายนี้ จะต้องหาหนังสือพระมาอ่านให้มากกว่านี้ และต้องศึกษาหาความรู้อย่างจริงจัง โดยเหตุที่บ้านอยู่ใกล้กับวัดประดู่ฉิมพลี จึงไปหาพระหลวงปู่โต๊ะที่วัด เช่ามา ๓๐๐ บาท เป็นพระรุ่นออกใหม่ หลังจากหลวงปู่โต๊ะมรณภาพไปแล้ว (หลวงปู่โต๊ะมรณภาพ ๕ มีนาคม ๒๕๒๔) จากนั้นจึงเอาพระหลวงปู่โต๊ะที่เช่ามาจากวัด ไปวางขายที่สนามท่าพระจันทร์ แต่ขายไม่ได้ เพราะเป็นพระใหม่ เขาไม่เล่นกัน จึงคิดอีกว่า หากจะขายพระให้ได้ จะต้องหาพระรุ่นเก่าของหลวงปู่โต๊ะ โดยหาหนังสือตำราพระต่างๆ มาศึกษา เน้นเฉพาะพระหลวงปู่โต๊ะ รุ่นที่สร้างในสมัยท่านยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น วันหนึ่งเข้าสนามพระท่าพระจันทร์อีก ไปพบเห็นเหรียญหลวงปู่โต๊ะ รุ่นปี ๒๕๑๗ ที่ร้านของ เฮง ท่าพระจันทร์ ราคา ๑,๕๐๐ บาท จึงซื้อมา พร้อมกับขอให้รับประกันให้ด้วยว่าต้องแท้แน่ เฮียเฮงบอกว่า ไม่มีปัญหา รับประกันว่าเป็นของแท้ เบื่อเมื่อไรเอามาขายคืนได้เลย หลังจากนั้น ได้เอาเหรียญนี้ไปขายคนแถวบ้านในราคา ๑,๘๐๐ บาท ได้กำไร ๓๐๐ บาท รู้สึกดีใจมาก ที่พระขายได้ และได้กำไรอีกด้วย นับเป็นครั้งแรกที่สามารถหาเงินได้ด้วยตัวเอง จึงมีกำลังใจขึ้นมาก จากการเข้าสนามพระบ่อยๆ ทำให้เซียนพระคนหนึ่งจำหน้าได้ และเห็นว่าบอยสนใจเรื่องพระจริงๆ จึงชวนให้มาอยู่ด้วยกัน โดยให้ทำหน้าที่ เช็ดตู้พระ แล้วจะสอนวิธีดูพระให้ บอยรีบตอบตกลงทันที ช่วงนั้น บอยเลยหนีเรียนมาทำงานเช็ดตู้พระเฝ้าตู้พระที่ท่าพระจันทร์เป็นประจำ ด้วยหวังว่า จะได้เรียนรู้ดูพระจากของจริง โดยได้รับค่าจ้างวันละ ๑๐๐ บาท อย่างไรก็ตาม เจ้าของตู้พระไม่ยอมให้บอยสัมผัสจับต้ององค์พระเลย โดยบอกว่า อย่าหยิบขึ้นมาดู เดี๋ยวจะทำพระตกหล่นเสียหายได้ บอยจึงต่อรองว่า งั้นไม่ขอรับค่าจ้างก็ได้ ขอเปลี่ยนเป็นหยิบองค์พระขึ้นมาส่องดูบ้างจะได้ไหม เขาก็ยังปฏิเสธลูกเดียว เมื่อเขาไม่ยอมให้ส่องพระ บอยจึงขอเปลี่ยนหน้าที่เป็น คนเรียกพระ หมายถึงคนที่ทำหน้าที่สอบถามลูกค้าเวลาเดินผ่านหน้าตู้พระว่า...พี่มีพระให้ ดูไหม...ถ้าหากลูกค้ามีพระให้ดู หรือจะขาย ก็เอาพระให้เจ้าของตู้เขาดู ถ้าเป็นพระแท้ เขาก็จะซื้อแล้ว คนเรียกพระ ก็จะได้เงินตอบแทน มากบ้างน้อยบ้าง แล้วแต่เขาจะให้ คนเรียกพระ ที่ว่านี้ก็คือ ผีสนาม ที่คนในวงการพระเรียกขานกันนั่นเอง ผีสนาม ที่ทำหน้าที่เก่งๆ มีโอกาสได้ดูพระแท้บ่อยๆ รวมทั้งดูได้ว่า พระปลอม เป็นแบบไหน หลายคนได้กลายเป็น เซียนพระชื่อดัง ไปแล้วก็มี บอยทำหน้าที่ ผีสนาม อยู่พักหนึ่ง ก็บอกลาเจ้าของตู้พระ ขอทำงานอิสระ โดยเดินหาพระในสนามด้วยตัวเอง อาศัยที่ได้เปิดดูตำราพระมากมายหลายเล่ม โดยเน้น พระหลวงปู่โต๊ะ รุ่นเก่า รวมทั้งได้เห็นพระองค์จริงในตู้พระของคนอื่น จนสามารถจดจำพิมพ์ทรงองค์พระได้แม่นพอสมควร วันหนึ่ง มีคนเอาพระพิมพ์ซุ้มเรือนแก้ว มาขายให้บอยในราคา ๑,๗๐๐ บาท โดยบอกว่าเป็น พระหลวงพ่อโชติ วัดตะโน บอยจึงรับซื้อไว้ด้วยความดีใจ เพราะพระองค์นี้ บอยมั่นใจว่าจะต้องเป็น พระหลวงปู่โต๊ะ พิมพ์ซุ้มเรือนแก้ว แช่น้ำมนต์อย่างแน่นอน อันเป็นสุดยอดของ พระหลวงปู่โต๊ะ ๑๓ พิมพ์ยุคแรก โดยใช้แม่พิมพ์อันเดียวกันกับ พระหลวงพ่อโชติ วัดตะโน แต่ต่างกันที่เนื้อหามวลสารเท่านั้น เรื่องนี้หากใครอ่านตำราพระหลวงปู่โต๊ะจะรู้ดี พระองค์นี้บอยขายต่อได้ในราคา ๒๗,๐๐๐ บาท โดยขายให้กับเซียนพระในท่าพระจันทร์นั่นแหละ ได้กำไรกว่า ๒ หมื่นบาท ณ จุดนี้บอยบอกว่า รู้สึกภูมิใจมาก ที่ดู พระหลวงปู่โต๊ะ ได้แล้วอย่างไม่ผิดพลาด หากเป็นการทำข้อสอบภาคปฏิบัติ ก็ต้องถือว่า สอบผ่าน คะแนนร้อยเต็มร้อย กำลังใจที่คิดว่า จะเอาดีทางซื้อขายพระก็มีมากขึ้นด้วย บอยจึงหนีเรียนบ่อยขึ้น แต่อาศัยที่เป็นคนหัวดี จำแม่น การทำข้อสอบในห้องเรียนจึงไม่มีปัญหา เอาแค่สอบผ่านก็พอใจแล้ว พอเรียนจบชั้นมัธยมปีที่ ๓ แล้วก็ไปเรียนต่อชั้น ปวช.ที่พณิชยการราชดำเนิน จบแล้วเข้าเรียนต่อระดับ ปวส. ขณะที่ เรียนก็ไปซื้อขายพระเหมือนเดิม จนเรียนจบ ปวส. จากนั้นจึงไปเรียนต่อที่ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ โดยเรียนอยู่ ๒ ปี จบปริญญาตรี สาขาการตลาด ช่วงที่เรียน ม.ธุรกิจฯ นั้นเรียนภาคค่ำ ส่วนตอนกลางวันไปอยู่สนามพระท่าพระจันทร์ ซื้อขายพระไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะพระหลวงปู่โต๊ะ ไม่มีพลาด ดูได้ทุกพิมพ์ ได้มาขายไปกำไรทุกองค์ การซื้อขายพระในช่วงแรกๆ บอยฝากตู้พระรุ่นพี่ที่สนามท่าพระจันทร์ ต่อมาจึงได้เซ้งตู้มาเป็นของตนเอง เมื่อปี ๒๕๓๘ สนามท่าพระจันทร์ น้ำท่วมหนัก เซียนพระท่าพระจันทร์จึงต้องไปซื้อขายกันที่สนามพระพญาไม้ เชิงสะพานพุทธ ฝั่งธนบุรี บอยก็ไปกับเขาด้วย
ช่วงนั้นทำให้บอยได้พบกับเซียนพระ ผู้ใหญ่ใจดี คือ วิรัตน์ ท่าพระจันทร์ ผู้ชำนาญเรื่องเหรียญพระเกจิอาจารย์ต่างๆ รวมทั้งพระอีกหลากหลายประเภท โดยเฉพาะสายหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม พี่วิรัตน์แนะนำบอย ว่าการเล่นพระหลวงปู่โต๊ะอย่างเดียว จะทำให้หนทางแคบ หากินลำบาก โอกาสจะได้ของฟลุคก็ยาก ต้องซื้อขายพระอย่างอื่นด้วย ถึงจะก้าวหน้า มีเงินใช้ไม่ขาดมือ โดยแนะนำให้ศึกษาเหรียญพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่า บอย จึงตั้งหน้าตั้งตาศึกษาเหรียญรุ่นเก่าทุกอย่าง จากตำราที่มีอยู่ในวงการพระทุกเล่ม รวมทั้งคำแนะนำจากเซียนพระรุ่นพี่ โดยเฉพาะ พี่วิรัตน์ ได้ให้อะไรมากเป็นพิเศษ จากการศึกษาเหรียญรุ่น เก่าอย่างจริงจัง ทำให้เห็นความแตกต่างของ ขอบเหรียญ ที่มีการ ตัดขอบ ไม่เหมือนกัน ในแต่ละยุคแต่ละสมัย จนแยกได้ว่า เหรียญเก่ายุคแรก ตัดขอบด้วยวิธีที่เรียกว่า ข้างกระบอก ต่อมาเป็นยุคตัดขอบด้วยการ เลื่อย ทีละเหรียญ แล้วมาถึงยุคปัจจุบัน เป็นการตัดขอบด้วย เครื่องปั๊มตัดขอบเหรียญ การสังเกตขอบเหรียญทำให้รู้ได้ว่า ตัดขอบด้วยวิธีไหน โดยรอยตัดขอบของเหรียญแต่ละรุ่นจะไม่เหมือนกัน ส่วนเหรียญยุคใหม่ รุ่นเดียวกันพิมพ์เดียวกัน ที่ตัดขอบด้วยเครื่องปั๊ม ส่วนใหญ่รอยตัดขอบจะเหมือนกัน เรื่องเหล่านี้ยังไม่เคยมีหนังสือ หรือตำราพระเล่มไหนลงพิมพ์เผยแพร่มาก่อนเลย บอยจึงคิดว่า สักวันหนึ่งเมื่อมีกำลังพร้อมในทุกด้าน จะต้องนำความรู้เรื่อง ขอบเหรียญ เหล่านี้ออกมาเผยแพร่สู่สาธารณชนให้ได้ แล้วในที่สุด บอยก็สามารถทำได้ โดยการจัดพิมพ์ หนังสือเหรียญยอดนิยม อมตะแดนสยาม เล่มแรกออกวางตลาดเมื่อปี ๒๕๕๐ ปรากฏว่า ขายดีมาก มีผู้สั่งซื้อหมดในระยะเวลาไม่กี่วัน
ขณะนี้บอยกำลังจัดทำหนังสือ เหรียญยอดนิยม เล่ม ๒ อยู่อย่างขะมักเขม้น โดยเปิดให้สั่งจองในราคาเล่มละ ๑,๘๐๐ บาท พระเหรียญจากราคาปก ๒,๕๐๐ บาท (สอบถามได้ที่โทร.๐๘-๑๘๖๐-๘๖๖๓, ๐๘-๕๙๔๔-๔๔๒๓ ) ทุกวันนี้ บอยได้เปิดร้านพระของตัวเองขึ้นที่ ชมรมพระเครื่องมรดกไทย ชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ถึง ๒ ร้านด้วยกัน โดยเฉพาะร้านใหม่ ซึ่งเปิดดำเนินงานเมื่อเร็วๆ นี้ใหญ่โตโอ่อ่าหรูหรามาก มีพระทุกประเภทเปิดให้เช่าบูชาในราคากันเอง และที่สำคัญคือ รับประกันว่าเป็นพระแท้ทุกองค์ ถามบอยว่า ทุกวันนี้ภูมิใจอะไรมากที่สุด บอยตอบว่า “สมัยที่ผมยังเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยม บ้านผมยากจนมาก แม่ทำงานเย็บเสื้อโหล กว่าจะได้เงินสักร้อยบาท ต้องทำงานหนักตลอดทั้งวัน ส่วนผมต้องช่วยแม่ร้อยสายเสื้อใน ๑๐๐ สายได้เงิน ๑ บาท ผมสงสารแม่มาก จึงบอกว่า ถ้าอายุครบ ๑๖ ปี แม่ไม่ต้องให้เงินผมอีกนะ ผมจะหาเงินใช้เอง พออายุครบ ๑๖ ปี ผมก็ไม่ขอเงินจากแม่อีกเลย โดยแม่ก็ไม่รู้มาก่อนว่า ผมหนีเรียนไปซื้อขายพระ หาเงินเองได้แล้ว จนถึงทุกวันนี้ ผมตั้งตัวสร้างฐานะได้แล้ว จึงไม่ยอมให้แม่ทำงานหนักอีกต่อไป โดยผมจะให้เงินแม่ใช้จ่ายเดือนละ ๓ หมื่นบาทเป็นประจำทุกเดือน นับเป็นสิ่งที่ผมภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต”
นี่คือ...ก้าวย่างบนเส้น ทางเดินของ บอย ท่าพระจันทร์ หนุ่มหล่อวัย ๒๘ ปี เซียนพระอายุน้อยที่สุดของวงการพระเครื่องเมืองไทย ผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต ด้วยความสามารถของตัวเองอย่างแท้จริง 0 ตาล ตันหยง 0 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (152779) | |
สวัสดีครับ กระทูนี้ดีมากเลยครับ แต่ผมมีมีปัญหาเกี่ยวกับรอยตัดขอบเหรียญอีกเรื่องคือ เหรียญที่มีการนำแม่พิมพ์เดิมมาปั้มใหม่นั้นแต่เป็นการนำมาปั้มห่างจากครั้งแรกเป็นปี หรือหลายๆ ปี ไม่ทราบว่ารอยตัดขอบเหรียญในการปั้มครั้งแรกและครั้งหลัง (ที่ปั้มห่างกันหลายปี) จะมีรอยตัดที่เหมือนกันหรือไม่ ขอความรู้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น กริช วันที่ตอบ 2014-06-11 20:02:04 |
ความคิดเห็นที่ 2 (153776) | |
เยียม | |
ผู้แสดงความคิดเห็น สุดยอด วันที่ตอบ 2014-11-06 20:01:39 |
ความคิดเห็นที่ 3 (154883) | |
ต่างกันครับ การตั้งแม่พิมพ์ตัดในแต่ละครั้งจะไม่ตรงกัน ขยับนิดรอยตดก็มีข้อแตกต่างกันแล้วครับ แตกต่างกันตรงรอยขาดด้านที่แม่พิมพ์สนิทกันมากรอยตักด้านนั้นขอบมะระจะไม่มี(รอยขาดของโลหะ) ด้านที่แม่พิมพ์ห่างออกขอบมะระก็จะมากหรืออาจจะทั้งขอบด้านนั่นเลย แต่รอยคมตัดจะเหมือนเดิมครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ต้นบางแค (siamknives-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2015-02-02 07:07:25 |
[1] |