พระเสริม วัดปทุมวนาราม
ประวัติพระเสริม
วัดปทุมวนาราม
พระเสริม
เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
ศิลปะล้านช้าง หน้าตักกว้าง 2 ศอก 1 นิ้ว สร้างขึ้นพร้อมกับพระสุก พระใส พระเสริม
วัดปทุมวนาราม เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
พระเสริมเป็นพระพุทธรูปประจำพระธิดาองค์พี่ "พระเสริม"ถือเป็นพระพุทธรูป 3
พี่น้องแห่งกรุงศรีสัตนา คนหุต ถือเป็นพระพุทธรูป 3 พี่น้องแห่งกรุงศรีสัตนา คนหุต
หล่อขึ้นจากทองสีสุก (โลหะสำริดที่มีทองคำเป็นส่วนผสมหลัก) เมื่อราวปี พ.ศ.2109
โดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์ล้านช้าง พร้อมด้วยพระธิดา 3 พระองค์ ทรงพระนามว่า
พระธิดาเสริม พระธิดาสุก และพระธิดาใส
โปรดให้ช่างลาวล้านช้างหล่อพระพุทธรูปประจำพระองค์
เพื่อความเป็นสิริมงคลมีขนาดลดหลั่นกันตามลำดับ
ในพิธีการหล่อพระพุทธรูปทั้ง
3 องค์ พระภิกษุและฆราวาสช่วยกันสูบเตาหลอมทองอยู่ตลอดถึง 7 วัน แต่ทองยังไม่ละลาย
พอถึงวันที่ 8 มีเพียงพระภิกษุสูงอายุรูปหนึ่งกับสามเณรรูปหนึ่งสูบเตาอยู่
ปรากฏมีชีปะขาวคนหนึ่งมาอาสาสูบเตาแทนพระและเณร แต่วันนั้น
ญาติโยมต่างเห็นบรรดาชีปะขาวสูบเตาอยู่เป็นจำนวนมาก
เมื่อพระภิกษุและสามเณรฉันเพลเสร็จแล้วก็จะไปสูบเตาต่อ
ปรากฏว่าได้มีผู้เททองลงเบ้าทั้ง 3 จนเรียบร้อยแล้ว
แต่ไม่เห็นชีปะขาวอยู่แม้แต่คนเดียว
การหล่อพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์
สำเร็จลงด้วยดีอย่างน่าอัศจรรย์ พระธิดาเสริม สุก และใส
ต่างถวายนามของตนเป็นนามของพระพุทธรูป ได้แก่
พระเสริมเป็นพระพุทธรูปประจำพระธิดาองค์พี่
พระสุกเป็นพระพุทธรูปประจำพระธิดาองค์กลาง
และพระใสเป็นพระพุทธรูปประจำพระธิดาองค์สุดท้อง สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ทรงลงความเห็นเกี่ยวกับพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์นี้ว่า พระเสริม พระสุก พระใส
เป็นพระพุทธรูปลาวล้านช้างที่งดงามยิ่งกว่าพระพุทธรูปองค์อื่นๆ
และทรงสันนิษฐานเรื่องการสร้างเป็น 2 ประการ คือ
อาจจะเป็นพระพุทธรูปที่สร้างจากเมืองหนึ่งเมืองใดทางตะวันออกของอาณาจักร
ล้านช้างและต่อมาตกอยู่ในเขตล้านช้าง
หรืออาจสร้างขึ้นในเขตล้านช้างโดยฝีมือช่างลาวพุงขาวในยุคนั้น
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 3 ครั้งเจ้าอนุวงศ์ เจ้าผู้ครองอาณาจักรล้านช้างก่อกบฏ
พระองค์ทรงโปรดให้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพเป็นแม่ทัพยกทัพไปปราบ
และได้ตั้งค่ายทหารที่เมืองพานพร้าว ทหารไทยเข้าตีเมืองเวียงจันทน์
จนเจ้าอนุวงศ์หนีไปจากเวียงจันทน์
ในครั้งนั้นได้อัญเชิญพระพุทธรูปที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากเมืองเวียงจันทน์
หลายองค์ ได้แก่ พระแซกคำ พระฉันสมอ พระเสริม พระสุก พระใส พระแก่นจันทน์
พระเงินหล่อ พระเงินบุ พระสรงน้ำ มาเก็บรักษาไว้ที่เมืองพานพร้าว
และได้มีการสร้างพระเจดีย์เพื่อประดิษฐานจารึกพระนาม พระเจดีย์ปราบเวียง
ต่อมาเจ้าอนุวงศ์ได้ร่วมกับพวกญวนเข้ายึดเมืองเวียงจันทน์คืนและตีค่ายพานพ ร้าว
ทหารฝ่ายเจ้าอนุวงศ์ได้รื้อพระเจดีย์ปราบเวียง
และนำพระพุทธรูปที่บรรจุอยู่ทั้งหมดกลับเวียงจันทน์
ในที่สุดทหารไทยเข้ายึดค่ายพานพร้าวคืนและตีเมืองเวียงจันทน์
ทำลายเมืองเวียงจันทน์ กำแพงเมือง ป้อมเมือง และหอคำ จนกลายเป็นทะเลเพลิง
เหลือไว้แต่วัดสีสะเกด รวมทั้งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองบางแห่ง
และได้มีการนำพระพุทธรูปจำนวนหนึ่งข้ามกลับมาฝั่งไทย..ประวัติพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธรูปปางต่างๆ
ส่วนการ
อัญเชิญพระเสริม พระสุก พระใส
จากเมืองเวียงจันทน์
มีเรื่องเล่าเป็นตำนานต่อกันมาว่าพบพระพุทธรูปในถ้ำแห่งหนึ่งบนภูเขาควาย
เนื่องจากชาวเมืองได้นำไปซ่อนไว้เพื่อหนีภัยสงคราม
จึงนำขึ้นประดิษฐานบนแพไม้ไผ่อัญเชิญมาทางลำน้ำงึมออกลำน้ำโขง
เมื่อถึงบริเวณปากน้ำงึมเฉียงกับบ้านหนองกุ้งเมืองหนองคาย
(ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอโพนพิสัย) เกิดพายุฝนตกหนักแพที่ประดิษฐานพระสุกแตก
ส่งผลให้พระสุกจมหายไปในกระแสน้ำ
ส่วนพระเสริมและพระใสได้อัญเชิญมาถึงเมืองหนองคายอย่างปลอดภัย
พระเสริมนั้นประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย
ส่วนพระใสประดิษฐานอยู่ที่วัดหอก่อง (วัดประดิษฐ์ธรรมคุณ)
ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระอุปราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์สมัยนั้น
พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะอัญเชิญพระเสริมมาประดิษฐานยังพระบวรราชวัง
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ ให้ขุนวรธานีและข้าหลวง (เหม็น)
ไปอัญเชิญพระเสริมและพระใสมายังพระนคร
เมื่อครั้งอัญเชิญพระเสริมและพระใสมายังพระนครนั้น
กล่าวกันว่าพระใสแสดงปาฏิหาริย์ เกวียนที่ประดิษฐานพระใสหักลงตรงหน้าวัดโพธิ์ชัย
ซ่อมก็หักอีก วัวลากเกวียนไม่ยอมเดิน ทั้งเชิญและบวงสรวงก็ไม่เป็นผล
สุดท้ายทหารจึงอัญเชิญพระใสประดิษฐานที่วัดโพธิ์ชัยแทน ส่วนพระเสริม
อัญเชิญไปกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อครั้งที่มีการแห่พระเสริมจากหนองคาย
เข้าเขตพระนครในยุคนั้น
ชาวลาวล้านช้างที่ถูกต้อนมาอยู่ในกรุงรัตนโกสินทร์ต่างได้ทำริ้วขบวนแห่ต้อนรับ
จัดทำพานบายศรีและเครื่องบูชาเพื่อบูชาพระเสริม
ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ.2408 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
จึงโปรดให้อัญเชิญพระเสริมจากพระบวรราชวัง ไปประดิษฐานยังพระวิหารวัดปทุมวนาราม
ตราบจนถึงทุกวันนี้คอลัมน์ ไหว้พระประธาน 76 จังหวัด