พระเครื่อง อมูเลทตั้มศรีวิชัย ตลาดพระเครื่องรางของขลัง สวนไผ่สกลนคร หน่อไม้น้ำ หญ้าหวานอิสราเอล วันตรุษจีน2567
>...ตั้มศรีวิชัย TumAmulet ...< Thailand Amulet Charms |
คำแนะนำจากตำรวจเมื่อถูกโกง |
เงื่อนไขการรับประกัน การันตีพระเครื่อง |
สารบัญพระเครื่องเมืองนคร |
ทำเนียบพระกรุเมืองนคร |
ทำเนียบพระเครื่องเมืองนคร |
ชมรมพระเครื่อง |
บูชาพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง Amulets Charms Talismans |
ตลาดพระ amulet for you |
เช่า-บูชา เครื่องรางของขลัง |
พระหลวงปู่ทวด วัดต่างๆ |
จตุคาม-รามเทพ หลักเมืองนคร Jatukamramtep (Jatukarm) |
หลักเมืองนครศรีธรรมราช |
จตุคาม ของดีนำมาโชว์ |
บทความ น่ารู้องค์พ่อจตุคาม |
Jatukam Amulets |
บทความจตุคามรามเทพ |
ลิงค์น่าสนใจ |
หนังสือพิมพ์ |
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน |
เทศกาล วันสำคัญ |
ดวง ดูดวง หน้าหลัก |
บทความดีๆ |
นิทานสอนใจ |
วัฒนธรรมไทย ประเพณีไทย |
บทสวดมนต์ สำหรับชาวพุทธ |
พระเครื่อง นานาสาระ |
พระพุทธรูปสำคัญของไทย |
คาถา-อาคม พระคาถาอาคม |
พระพุทธรูปปางต่างๆ |
พุทธศาสนสุภาษิต |
ข่าวพระเครื่อง |
บทความพระเครื่อง |
Thai Buddha Amulets |
ข่าวพระพุทธศาสนา |
ข่าวเครื่องรางของขลัง |
สาระพระเครื่องไทย |
ประวัติพระวิปัสสนาจารย์ |
สวนไผ่ พันธุ์หญ้า ธนภัทรสกลนคร สินค้าเกษตรออนไลน์ ไผ่สายพันธุ์ต่างๆ ไผ่ข้าวหลามกาบแดง ไผ่ซางหม่น หน่อไม้น้ำ หญ้าหวานอิสราเอล หญ้านรกจักรพรรดิ์ หญ้าเนเปียร์ปากช่อง1 หญ้าเนเปียร์แคระ หญ้าเนเปียร์ท้ายเขื่อนซุปเปอร์ลีฟ สะสมพระเครื่อง แต่ใจรักเกษตรผสมผสาน
|
พระแท้พระสวย ยังขายได้เสมอ(น้อย อุตรดิตถ์) ชมรมพระเครื่องเมืองอุตรดิตถ์ งานประกวดพระเครื่องพระบูชาและเหรียญคณาจารย์ทั่วประเทศ ที่สนามกีฬาจังหวัดอุตรดิตถ์ ในวันนี้ นับเป็นงานใหญ่อีกครั้งหนึ่งของวงการพระเครื่องในท้องถิ่นแห่งนี้ เนื่องจากไม่ค่อยมีการจัดงานอย่างนี้บ่อยนัก โดยเฉพาะในวันนี้ จะมีเซียนพระใหญ่น้อยจากทั่วประเทศมาชุมนุมกันอย่างมากมาย ตั้งแต่ระดับผู้บริหาร และกรรมการ สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ชมรมพระเครื่องใหญ่ใน กทม. และอีกหลายจังหวัด นักสะสมพระเครื่องชื่อดังอีกจำนวนมาก ต่างเดินทางล่วงหน้าถึง จ.อุตรดิตถ์ กันอย่างเนืองแน่น นับว่าเป็นครั้งแรกของ จ.อุตรดิตถ์ ก็ว่าได้ ที่มีการจัดงานใหญ่เกี่ยวกับพระเครื่องโดยตรง ทั้งนี้โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ธวัชชัย ฟักอังกูร เป็นประธานจัดงาน สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุตรดิตถ์ และ ชมรมพระเครื่องเมืองอุตรดิตถ์ โดย ชวลิตร พุ่มอรัญ (น้อย อุตรดิตถ์) สมศักดิ์ ศรีสุข (จุก อุตรดิตถ์) ฯลฯ เป็นผู้ดำเนินงาน ความสำเร็จในการดำเนินงานครั้งนี้มีผู้อยู่เบื้องหลังหลายท่านด้วยกัน โดยเฉพาะ ชวลิตร พุ่มอรัญ (น้อย อุตรดิตถ์) สมศักดิ์ ศรีสุข (จุก อุตรดิตถ์) ๒ เซียนพระชาวอุตรดิตถ์ ผู้ไปได้ดิบได้ดีมีชื่อเสียงโด่งดังในวงการพระที่กรุงเทพฯ มานานปี จนเป็นที่รู้จักรักใคร่ของผู้คนในวงการพระอย่างกว้างขวาง เมื่อมีกำหนดจัดงานประกวดพระขึ้นที่ จ.อุตรดิตถ์ ท้องถิ่นบ้านเกิดของตนเอง ก็ได้รับความร่วมมือจากผู้หลักผู้ใหญ่ และเพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการพระด้วยกันเป็นอย่างดีตลอดมา กล่าวสำหรับ ชวลิตร พุ่มอรัญ หรือ น้อย อุตรดิตถ์ ประธาน ชมรมพระเครื่องเมืองอุตรดิตถ์ ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการพระมานานกว่า ๓๐ ปี นับได้ว่าเป็นอีกผู้หนึ่งที่มีก้าวย่างบน เส้นทางสายพระเครื่อง ที่น่าสนใจยิ่ง น้อย เล่าว่าเป็นชาวอุตรดิตถ์โดยกำเนิด พอเรียนหนังสือจบชั้นมัธยมศึกษา พ่อแม่ก็ส่งตัวเข้าทำงานที่โรงพิมพ์ในตัวเมืองอุตรดิตถ์ ชมรมพระเครื่องเมืองอุตรดิตถ์ นับเป็นชมรมพระเครื่องที่มีสมาชิกทุกคนเล่นพระดีพระแท้ทั้งนั้น เล่นพระแบบมาตรฐานสากล โดยเฉพาะพระกรุพระเก่าทั่วๆ ไป เล่นกันมานานแล้ว ส่วนพระท้องถิ่นไม่ต้องพูดถึง ชำนาญกันทุกคน และมีความเป็นปึกแผ่นมาโดยตลอด ทุกคนรักใคร่เหมือนพี่น้อง ที่คอยช่วยเหลือแบ่งปันพระกันเล่น ใครมีความรู้อะไรก็นำมาแนะนำกันอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา วงการพระที่อุตรดิตถ์ จึงนับเป็นวงการพระที่ได้มาตฐานแห่งหนึ่งก็ว่าได้ สำหรับเซียนพระ รุ่นเก่าที่เป็นแบบอย่างในทางดีงามของคนในวงการพระเมืองอุตรดิตถ์ทุกวันนี้ ก็คือ โกหย่วน วัดราช ซึ่งเป็นชาวอุตรดิตถ์มาก่อนเก่า คนในวงการพระส่วนกลาง โดยเฉพาะเซียนพระรุ่นเก่าต่างรู้จักและให้ความเชื่อถือ โกหย่วน เป็นอย่างดี "ผมเล่นพระมาร่วม ๓๐ ปี สมัยนั้นทำงานโรงพิมพ์ที่อุตรดิตถ์ โรงพิมพ์ฉับแกละ รับพิมพ์การ์ดแต่งงาน การ์ดงานบวช ใบปลิวต่างๆ ที่สนใจพระตอนนั้นเพราะด้านหลังโรงพิมพ์ อยู่ติดกับวัดท่าถนน (หลวงพ่อเพชร) ที่ลานวัดมีแผงพระหลายเจ้ามาวางขายพระ พอได้เวลาพักเที่ยง หรือหลังเลิกงาน ก็ต้องออกไปนั่งส่องพระ ตอนนั้นมีทั้งพระกรุ พระเกจิอาจารย์ ดูไปดูมาเห็นเขาซื้อขายกัน ก็เจียดเงินที่มีอยู่ซื้อพระกับเขาบ้าง สมัยเมื่อ ๒๕ กว่าปีก่อน พระปลอมมีน้อย พระคง พระบาง องค์ละไม่กี่ร้อยบาท พระพุทธชินราช อินโดจีน ๒๔๘๕ องค์ละ ๘๐ บาทเท่านั้น ถ้าเป็นพิมพ์นิยมก็ร้อยกว่าบาท แผงพระที่วัดท่าถนน มีทั้งแผงพระคนในท้องถิ่น และแผงจรจากต่างจังหวัด สมัยนั้นเซียนพระเขาจะเดินสาย วางแผงพระขายตามจังหวัดต่างๆ จังหวัดไหนมีการซื้อขายพระกันที่ไหน เขารู้หมด บางครั้งไม่ได้ซื้อขายกัน แต่เขาจะเล่นแบบประมูลกัน คือ ต่างคนต่างเอาพระของตนมาวางคู่กัน ในราคาที่ใกล้เคียงกัน แล้วประมูลแข่งกัน แต่เป็นการประมูลราคาลงมา ไม่ใช่ประมูลราคาขึ้นอย่างที่วงการอื่นๆ เขาทำกัน คือ สมมติว่า เราเอาพระคงตีราคาไว้ที่ ๑,๐๐๐ บาท อีกฝ่ายเอาพระขุนแผน ตีราคา ๑,๐๐๐ บาทเท่ากัน ทีนี้ก็ประมูลราคากัน เราให้ราคา ๒ องค์ ๑,๙๐๐ บาท อีกฝ่ายสู้ลง ๑,๘๐๐ บาท สู้ราคากันลงไปเรื่อยๆ จนอีกฝ่ายเห็นว่า ไม่ไหว ไม่สู้ต่อ เราก็เอาพระ ๒ องค์มาไว้ พร้อมกับจ่ายเงินที่ประมูลต่ำสุดนั้นให้กับฝ่ายนั้นไป อย่างนี้วงการพระเรียกว่า ประมูลพระกัน สมัยนี้ไม่ค่อยมีแล้ว ส่วนใหญ่สนใจพอใจก็จ่ายเงินซื้อขายกันเลย สะดวกดี ช่วงนั้นดูเขาประมูลพระ ซื้อขายพระกันก็สนุกดี บางคนซื้อพระมาองค์ละ ๑๐๐ บาท พอเอาไปยื่นขายต่อคนอื่นได้เงิน ๑๕๐ บาท รู้สึกว่าเขาเก่งจริงๆ ที่ทำกำไรได้ถึง ๕๐ บาท ตอนนั้นผมอายุ ๑๕ ปี ได้เงินเดือน เดือนละ ๓๕๐ บาท เห็นเขาซื้อขายพระองค์หนึ่งได้กำไรถึง ๕๐ บาท ในเวลาไม่นานนัก ดูช่างได้เงินง่ายจริงๆ ก็เลยเกิดความสนใจอยากจะทำอาชีพนี้บ้าง ก็เลยเก็บเงินเอาไปซื้อพระกับเขาบ้าง แต่ปรากฏว่า เวลาเอาไปขาย กลับขายไม่ได้ เพราะเราไปซื้อเอาพระเก๊มา เพราะดูไม่เป็น ซื้อมั่วๆ ไปงั้นแหละ ซื้อพระอยู่สักพักหนึ่งเห็นว่าไม่ไหว ขายไม่ได้เลย จึงคิดว่า ไม่เอาแล้ว เลิกดีกว่า พอดีโชคดีได้พบกับเซียนพระคนหนึ่ง ท่านเห็นเราสนใจ แต่โดนมาเยอะ คงจะเกิดความสงสาร จึงเอาพระแท้มาให้ดู พร้อมกับสอนให้ดูว่า พระแท้ดูตรงไหน อาศัยที่เป็นคนช่างจดจำ จึงสามารถจำได้ในความแตกต่างของพระแท้พระปลอมในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะที่ได้ศึกษามาก คือ พระกรุเมืองสุโขทัย พิษณุโลก และกรุทุ่งยั้ง เมืองอุตรดิตถ์ พอได้ศึกษาจากองค์พระแท้ของเซียนพระท่านนั้น ก็จำเอาไว้ คราวนี้พอไปเห็นพระในแผงของใครที่มาวางขาย หยิบขึ้นมาดู เหมือนกับพระแท้ของเซียนพระที่สอนไว้ ก็เลยซื้อเอาไว้ พอเอาพระที่ซื้อได้มานี้ไปขายต่อ คราวนี้ขายได้ทันที มีกำไรดีด้วย กำลังใจดีขึ้น พร้อมกับศึกษาเพิ่มเติมพระองค์อื่นๆ ให้กว้างออกไปอีก คราวนี้กำไรจากการซื้อขายพระมีมากกว่าเงินเดือนที่ได้รับ (เดือนละ ๓๕๐ บาท) จึงคิดว่า ลาออกจากงานดีกว่า เพราะมั่นใจว่าจะสามารถเอาตัวรอดได้แน่ ช่วงนั้นเป็นปี ๒๕๒๒ การลาออกจากงาน ทำให้มีเวลามากขึ้น จึงซื้อพระอย่างเต็มตัว เปิดแผงพระเล็กๆ ขึ้น หาซื้อพระในตัวเมืองอุตรดิตถ์ ได้หลายองค์ก็เอาไปขายที่พิษณุโลก พร้อมกับซื้อจากพิษณุโลก เอากลับมาขายอุตรดิตถ์ ทำกำไรได้ดีมาก ต่อมาสายตาเฉียบขาดขึ้นอีก ปีกกล้าขาแข็งขึ้น จึงเดินทางไปซื้อขายถึงสุโขทัย ซึ่งมีพระกรุมาก ก็ได้ทั้งเงินและความรู้มากขึ้นไปอีก ทำอยู่ ๔-๕ ปี ทำให้มีเงินเป็นก้อน จึงซื้อรถมาขับตระเวนซื้อขายพระไปทั่ว แต่ยังไม่กล้าเข้ากรุงเทพฯ เพราะคิดว่าต้องให้สายตาเฉียบแกร่งกว่านี้ก่อน ถึงจะไปลงสนามใหญ่ อย่างไรก็ตาม พระที่น้อยหาซื้อมาได้ ก็มีโอกาสขายให้ โกหย่วน เมืองพิชัย หรือ โกหย่วน วัดราช ทุกครั้งที่โกหย่วนขึ้นไปเยี่ยมบ้าน และหาซื้อพระที่อุตรดิตถ์เสมอ ต่อมาโกหย่วนเปิดแผงพระที่วัดราช ทำให้ขึ้นไปอุตรดิตถ์น้อยลง พอดีช่วงนั้น อนุศักดิ์ นาถกุลพัฒน์ (อ้า สุพรรณ) เซียนพระชื่อดังแห่งเมืองสุพรรณ และสนามพระในกรุงเทพฯ กำลังเดินสายขึ้นไปหาซื้อพระทุกจังหวัดทางภาคเหนือ ได้พบกัน ก็เลยได้ขายพระให้เฮียอ้าไปหลายองค์ เฮียอ้าเห็นว่าน้อยเล่นพระดีมีพระแท้ บางครั้งจึงเหมาซื้อหมดไปเลยก็มี ทำให้มีการซื้อขายกันบ่อยๆ จนสนิทสนมกันมาก ขณะเดียวกัน เฮียอ้าก็สอนให้ดูพระต่างๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระสมเด็จ พระชุดเบญจภาคี พระสายสุพรรณ ฯลฯ โดยสอนว่า พระแท้เป็นแบบไหน เอาองค์พระแท้ให้ดูเป็นตัวอย่าง พร้อมกับบอกว่า หากพบเห็นที่ไหนก็ให้ซื้อเก็บไว้ แล้วจะขึ้นมาซื้อต่อ ผลจากการที่เฮียอ้าได้สอนไว้ ทำให้น้อยมีโอกาสซื้อพระได้มากขึ้น พอเฮียอ้าขึ้นมาอุตรดิตถ์อีก ก็จะเหมาซื้อพระที่ได้มานั้นไปจนหมด ทำให้ได้กำไรคราวละมากๆ บางครั้ง เฮียอ้า ชวนให้นั่งรถขึ้นเหนือไปหาซื้อพระที่เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ก็เลยมีโอกาสได้เห็นตลาดพระที่นั่น รวมทั้งได้ไปส่องพระของเซียนใหญ่ๆ ในเมืองนั้นด้วย ฃ่วงนั้น ป๋อง สุพรรณ ยังทำหน้าเป็นคนขับรถให้เฮียอ้า ทำให้มีโอกาสได้รู้จักกับ "ป๋อง" ในตอนนั้นด้วย ครั้งหนึ่ง น้อยซื้อ พระสมเด็จ พิมพ์เส้นด้าย กรุบางขุนพรหม องค์หนึ่งได้ในราคา ๕๐๐ บาท ขายให้เฮียอ้าได้ ๔๖๐,๐๐๐ บาท รู้สึกดีใจมากที่ได้กำไรมากเป็นพิเศษ แต่สิ่งที่ภูมิใจมาก คือ ความมั่นใจในการดูพระสมเด็จองค์นี้ว่าต้องเป็น พระแท้ แน่นอน และเมื่อขายให้เซียนใหญ่อย่างเฮียอ้า ได้กำไรถึงกว่า ๔ แสนบาทเช่นนี้ ถือได้เลยว่า สอบผ่าน การดูพระสมเด็จ กรุบางขุนพรหม ได้แล้ว ทั้งนี้ก็ด้วยการสอนการแนะนำของเฮียอ้าอย่างแท้จริง น้อย บอกว่า "ชีวิตผมบนเส้นทางสายนี้ ต้องถือว่า เฮียอ้าเป็นอาจารย์คนแรกที่สอนให้ดูพระสมเด็จเป็น รวมทั้งพระหลักยอดนิยมอื่นๆ อีกมากมาย เป็นผู้แจ้งเกิดให้ผมในวงการพระ และให้อะไรผมอีกมากมายหลายอย่าง ที่ผมจะต้องจดจำพระคุณอันนี้ไปตลอดชีวิต" ต่อมาน้อยได้ไปเปิดศูนย์พระเครื่องที่ห้างสรรพสินค้าเปิดใหม่ที่ อุตรดิตถ์ อยู่ประมาณ ๓ ปี จากนั้นไปเปิดร้านอยู่ที่สุโขทัย เพราะที่นั่นมีพระเยอะมาก ประมาณ ๑ ปี ไปกลับทุกวัน ตอนนั้นซื้อมาขับเองแล้ว เพราะได้เงินแสนจากการขายพระสมเด็จให้เฮียอ้านั่นแหละ ซื้อขายพระอยู่ที่สุโขทัยหลายปี จนของชักหายากขึ้นทุกที ต่อมาปี ๒๕๔๑ เฮียอั้ง บ้านบึง (สมภพ ไทยธีระเสถียร) เปิดชมรมพระเครื่องมณเฑียรพลาซา มีเซียนพระใหญ่ๆ หลายท่านมาเปิดร้านที่นี่ เฮียอ้า ก็เลยชวนให้น้อยลงมาจากอุตรดิตถ์ ให้มาเปิดร้านที่มณเฑียรด้วยกัน โดยให้กำลังใจว่า น้อยสามารถดูพระได้เก่งแล้ว เอาตัวรอดได้แน่ ให้เข้าสู่สนามใหญ่ จะได้ก้าวหน้าไปไกลกว่านี้ น้อยก็เลยมีโอกาสแจ้งเกิดอีกครั้งในสนามพระเมืองหลวงเป็นครั้งแรก โดยเปิดร้านพระชื่อ "น้อย อุตรดิตถ์" บน ชมรมพระเครื่องมณเฑียรพลาซา มาจนทุกวันนี้ สมัยที่เล่นพระอยู่ที่อุตรดิตถ์ เมื่อได้พระสำคัญๆ มา น้อยจะถ่ายรูปเอา โดยลงทุนซื้อกล้องถ่ายรูปมาหัดถ่ายเอง อาศัยที่มีเพื่อนเป็นร้านถ่ายรูปสอนให้ด้วย จึงมีความรู้ความชำนาญในเรื่องถ่ายรูปมาตั้งแต่สมัยนั้น เมื่อขึ้นมาเปิดร้านพระที่มณเฑียรพลาซา ก็เลยถ่ายรูปพระที่วางขายเอาไว้ด้วย ตอนแรกๆ ก็ถ่ายรูปพระของตัวเองก่อน ต่อมามีร้านพระอื่นๆ เห็นว่าน้อยถ่ายรูปพระได้ ก็เอามาให้ช่วยถ่ายรูปให้ด้วย พอดีกับที่นี่ไม่มีร้านถ่ายรูปพระ ทุกคนจึงเอาพระมาให้น้อยถ่ายรูปเสมอ จนกลายเป็นอาชีพอีกอย่างหนึ่งไปโดยปริยาย สนามพระมณเฑียรพลาซา ได้ชื่อว่าเป็นสนามพระไฮโซ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาติดต่อซื้อพระบนนี้ล้วนเป็นนักธุรกิจ ผู้บริหารองค์กรใหญ่ๆ ข้าราชการผู้ใหญ่ ฯลฯ ที่ชอบสถานที่เงียบสงบ เป็นสัดส่วน และที่สำคัญคือ พระเครื่องของทุกร้านบนนี้ล้วนแต่เป็น พระแท้ ทั้งนั้น และมีการรับประกันอย่างมั่นคง จนได้รับความเชื่อถือในวงกว้าง ขณะเดียวกัน ลูกค้าส่วนใหญ่เมื่อได้ซื้อพระแล้ว ก็ต้องเอาพระที่ซื้อได้นั้นมาให้น้อยถ่ายรูปเอาไว้ด้วยเสมอ ณ จุดนี้เอง ที่ทำให้น้อยมีโอกาสได้สัมผัสจับต้องส่ององค์จริงของพระแท้ พระหลักยอดนิยม และพระสวย อยู่เป็นประจำ เมื่อถ่ายรูปเอาไว้แล้ว ก็ยังได้ติดตามศึกษารายละเอียดจากภาพพระที่ถ่ายเอาไว้อีกด้วย ทำให้สามารถจดจำรายละเอียดต่างๆ ทุกซอกมุมของพระแท้ไว้อย่างแม่นยำ หากไม่ได้เปิดร้านถ่ายรูปพระ ก็คงไม่มีโอกาสเช่นนี้เหมือนกัน ทุกวันนี้ การถ่ายรูปพระ จึงกลายเป็นอาชีพหลักอีกอย่างหนึ่งของน้อยไปแล้ว นอกเหนือจากการซื้อขายพระที่ยังมีอยู่เหมือนเดิม ขณะเดียวกัน ก็ยังได้รับเชิญให้ไปเป็นกรรมการตัดสินพระหลักยอดนิยมหลายประเภท ในงานประกวดพระสำคัญๆ อยู่เสมอ คำแนะนำสำหรับน้องใหม่ ที่เพิ่งเข้าวงการพระ น้อยบอกว่า สมัยนี้พระเก๊พระปลอมมีเยอะมาก ก่อนอื่นต้องหาผู้รู้จริง (และจริงใจ) เอาไว้เป็นที่ปรึกษา จะได้ปลอดภัยจากพระปลอม ขณะเดียวกันก็ต้องศึกษาจากดูภาพพระแท้บ้าง จากหนังสือพระนิตยสารพระบ้าง ทุกวันนี้มีนิตยสารพระที่มีคุณภาพมากมาย อาทิ นิตยสารสปิริต นิตยสารพระท่าพระจันทร์ พระเครื่องล้ำค่า สุดยอดพระเครื่อง อมตะพระเครื่อง พุทธคยา มรดกพระเครื่อง ฯลฯ การดูภาพพระแท้จากนิตยสารเหล่านี้ จะช่วยให้เรียนรู้เรื่องพระได้เร็วๆ ขึ้น เกี่ยวกับ อนาคตของวงการพระ น้อยบอกว่า ยังคงไปได้เรื่อยๆ ทุกวันนี้มีคนรุ่นใหม่ นักธุรกิจ หันมาสนใจสะสมพระกันมากขึ้น ขณะเดียวกัน คนรุ่นเก่าที่ถึงจุดอิ่มตัว ก็เอาพระมาเก่าเก็บออกมาขาย บางคนซื้อพระมาสมัยก่อนองค์ละไม่กี่พันกี่หมื่นบาท พอเห็นตลาดพระทุกวันนี้ซื้อกันเป็นแสนขึ้นไป เห็นว่าได้ราคาดี ก็เอาพระที่มีอยู่มาออกขายก็มีอยู่เสมอๆ ทำให้ตลาดพระทุกวันนี้ มีของหมุนเวียนเป็นประจำ ไม่ขาดสาย ตลาดพระก็เลยไม่เงียบเหงา ข้อสำคัญต้องเป็นพระแท้และพระสวย ขายได้เสมอ และได้ราคาดีด้วย สำหรับ งานประกวดพระที่อุตรดิตถ์ ในวันนี้ น้อยบอกว่า เป็นการจัดขึ้นเพื่อหารายได้สมทบทุนการก่อสร้าง พุทธมณฑลประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นทำบุญสร้างกุศลเพื่อพระพุทธศาสนาโดยตรง ทุกคนในวงการพระ ได้ทำมาหากินอยู่กับพระมาโดยตลอด เมื่อมีโอกาสทำบุญสร้างกุศลคืนให้พระศาสนาบ้าง ก็ต้องทำทันที เพื่อให้พระพุทธศาสนายั้งยืนมั่นคงสถาพรตลอดไปชั่วกาลนาน |