พระเครื่อง อมูเลทตั้มศรีวิชัย ตลาดพระเครื่องรางของขลัง สวนไผ่สกลนคร หน่อไม้น้ำ หญ้าหวานอิสราเอล วันตรุษจีน2567
>...ตั้มศรีวิชัย TumAmulet ...< Thailand Amulet Charms |
คำแนะนำจากตำรวจเมื่อถูกโกง |
เงื่อนไขการรับประกัน การันตีพระเครื่อง |
สารบัญพระเครื่องเมืองนคร |
ทำเนียบพระกรุเมืองนคร |
ทำเนียบพระเครื่องเมืองนคร |
ชมรมพระเครื่อง |
บูชาพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง Amulets Charms Talismans |
ตลาดพระ amulet for you |
เช่า-บูชา เครื่องรางของขลัง |
พระหลวงปู่ทวด วัดต่างๆ |
จตุคาม-รามเทพ หลักเมืองนคร Jatukamramtep (Jatukarm) |
หลักเมืองนครศรีธรรมราช |
จตุคาม ของดีนำมาโชว์ |
บทความ น่ารู้องค์พ่อจตุคาม |
Jatukam Amulets |
บทความจตุคามรามเทพ |
ลิงค์น่าสนใจ |
หนังสือพิมพ์ |
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน |
เทศกาล วันสำคัญ |
ดวง ดูดวง หน้าหลัก |
บทความดีๆ |
นิทานสอนใจ |
วัฒนธรรมไทย ประเพณีไทย |
บทสวดมนต์ สำหรับชาวพุทธ |
พระเครื่อง นานาสาระ |
พระพุทธรูปสำคัญของไทย |
คาถา-อาคม พระคาถาอาคม |
พระพุทธรูปปางต่างๆ |
พุทธศาสนสุภาษิต |
ข่าวพระเครื่อง |
บทความพระเครื่อง |
Thai Buddha Amulets |
ข่าวพระพุทธศาสนา |
ข่าวเครื่องรางของขลัง |
สาระพระเครื่องไทย |
ประวัติพระวิปัสสนาจารย์ |
สวนไผ่ พันธุ์หญ้า ธนภัทรสกลนคร สินค้าเกษตรออนไลน์ ไผ่สายพันธุ์ต่างๆ ไผ่ข้าวหลามกาบแดง ไผ่ซางหม่น หน่อไม้น้ำ หญ้าหวานอิสราเอล หญ้านรกจักรพรรดิ์ หญ้าเนเปียร์ปากช่อง1 หญ้าเนเปียร์แคระ หญ้าเนเปียร์ท้ายเขื่อนซุปเปอร์ลีฟ สะสมพระเครื่อง แต่ใจรักเกษตรผสมผสาน
|
พระรัชกาล คือ พระที่สร้างในช่วงรัชกาลต่างๆ พระนิรันตราย พระพุทธรูปสำคัญประจำรัชกาล *** บอกกล่าวกันไว้ล่วงหน้า วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ กรกฎาคมนี้ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ เป็น วันอาสาฬหบูชา ที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์แห่งพระพุทธศาสนา กล่าวโดยสรุป คือ ๑.เป็นวันแรกที่พระพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนา ๒.เป็นวันแรกที่พระพุทธองค์ทรงได้ปฐมสาวก ๓.เป็นวันแรกที่พระสงฆ์เกิดขึ้นในโลก ๔.เป็นวันแรกที่บังเกิดพระรัตนตรัย คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ และพระสังฆรัตนะ พิธีกรรม ที่ควรปฏิบัติในวันนี้ คือ ทำบุญ ตักบาตร รักษาศีล เวียนเทียน ฟังพระธรรมเทศนา (ธัมมจักกัปปวัตนสูตร) และสวดมนต์ เพื่อจะได้รับกุศลผลบุญเป็นสิริมงคลโดยทั่วกัน ** วันรุ่งขึ้น ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๑ เป็น วันเข้าพรรษา เป็นวันที่พระสงฆ์อธิษฐานว่า จะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอดระยะเวลาฤดูฝนปีนี้ ที่มีกำหนดเวลา ๓ เดือน ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้ โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น หรือที่เรียกว่า จำพรรษา ถือเป็นศาสนพิธีสำหรับพระภิกษุสงฆ์โดยตรง ละเว้นไม่ได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม เริ่มนับตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ของทุกปี และสิ้นสุดลงในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ หรือ วันออกพรรษา ขอคัดเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ มาไว้ตรงนี้ เพื่อชาวพุทธบางคนที่ยังไม่รู้เลยว่า ๒ วันสำคัญทางพระพุทธศาสนานี้ มีความหมายอย่างไร จะได้รับรู้เอาไว้บ้าง หากลูกหลานสอบถามจะได้ตอบถูกไม่อายเขา ** เหตุการณ์บ้านเมืองของเรา ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีหลายข่าวที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ รมต.สาธารณสุข ไชยา สะสมทรัพย์ ถูกคำสั่งศาลให้พ้นจากหน้าที่ ข่าว นายยงยุทธ ติยะไพรัช โดนใบแดง จนมาถึงกรณี นายนพดล ปัทมะ ลาออกจากตำแหน่ง รมต.การต่างประเทศ เพราะทนแรงกดดันกรณีเขาพระวิหารไม่ได้ และยังมีอีกคดีหลายกรณีที่กำลังจะถล่มเสถียรภาพของรัฐบาลสมัครอยู่ในขณะนี้ ...ใครจะเป็นรายต่อไป...คอการเมืองห้ามกะพริบตาเด็ดขาด ** ว่าไปแล้ว...ใครจะมาใครจะไป วงการพระไม่กระทบกระเทือนอยู่แล้ว แม้นักการเมืองส่วนหนึ่งจะเป็นผู้มีสัมพันธไมตรีกับคนในวงการพระมาช้านานก็ ตาม เมื่อก้าวเท้าเข้ามาสู่สนามพระ ทุกท่านล้วนเป็นพี่น้องเป็นลุงน้าอาหลาน ด้วยกันทั้งนั้น หลายท่านเป็นลูกค้าขาประจำของเซียนพระคนโน้นคนนี้ตามแต่ความคุ้นเคยที่มีมา แต่เก่าก่อน รวมทั้งความพึงพอใจในองค์พระที่ต้องการเช่าหา โดยไม่มีเรื่องของ การเมือง มาเกี่ยวข้อง คนในวงการพระจึงคบหาสมาคมได้หมดทุกพรรคทุกค่าย ** "คมเลนส์ส่องพระ" วันนี้ขอเปิดหน้าจอด้วยภาพ พระสมเด็จจิตรลดา ปี ๒๕๑๐ และ ๒๕๑๑ ของ หมึก ท่าพระจันทร์ ทั้ง ๒ องค์ ** พระสมเด็จจิตรลดา เป็นพระเครื่องที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างขึ้นด้วยพระองค์เอง เริ่มตั้งแต่ปี ๒๕๐๘ จนถึงปี ๒๕๑๒ พระยุคแรกๆ จะมีมวลสารมาก หากส่องดูด้วยแว่นขยายจะเห็นได้อย่างชัดเจน อย่างเช่น ๒ องค์นี้ การตัดขอบองค์พระทั้ง ๓ ด้านมีลักษณะเฉียงเล็กน้อย รอยตัดขอบทรงเก็บงานด้วยการลบคมออก รวมทั้งมุมแหลมทั้ง ๓ มุมจะไม่แหลมคมเสียทีเดียว** แม้ว่า พระสมเด็จจิตรลดา จะเป็นพระเครื่องที่ "ในหลวง" ทรงสร้างขึ้น แต่บรรดา นักปลอมพระ ก็ไม่ได้เกรงกลัวต่อบาปกรรม และความผิดทางกฎหมายบ้านเมือง ยังคงสร้าง พระปลอม ออกมาตลอดเวลา คนพวกนี้หากเจ้าหน้าที่ตำรวจคิดจะจับกุมตัวมาดำเนินคดี ก็คงจะไม่ลำยากยากเย็นอะไรเลย แต่ก็ไม่ยอมทำกัน เพราะเหตุใดก็ไม่ทราบเหมือนกัน ??? ** เวลานี้ พระสมเด็จจิตรลดา (ของปลอม) ออกมาหลอกขายทั่วไป ที่สังเกตง่ายๆ คือ พระที่บรรจุอยู่ในกล่องกำมะหยี่สีน้ำตาล มีตราครุฑ อยู่บนฝากล่อง ด้านในฝากล่องมีตราจักรี ทำให้ดูแล้วมีความเชื่อถือมาก พระสมเด็จจิตรลดา ที่ใส่อยู่กล่องกำมะหยี่อย่างนี้ เซียนพระสายตรง บอกว่าเป็น พระปลอม ทั้งสิ้น จุดสังเกตอีกอย่างหนึ่ง คือ ขอบพระไม่ตัดเฉียง ขอบคม องค์พระไม่คมชัดเท่าที่ควร พระปลอม ที่ระบาดมีทั้ง พิมพ์ใหญ่ และ พิมพ์เล็ก ผู้สนใจเช่าหาขอให้ระวังไว้มากๆ พระแท้ องค์หนึ่งราคาเช่าหาอยู่ที่ ๑ ล้านบาทขึ้นไป ชนิดที่เปิดราคาองค์ละไม่กี่พันกี่หมื่นบาท จะเป็น พระแท้ ได้อย่างไร ? ขอให้ใช้วิจารณญาณไตร่ตรองดูเอาเองเถอะโยม ** พระรัชกาล คือ พระที่สร้างในช่วงรัชกาลต่างๆ โดยเริ่มมีการสร้างในสมัยรัชกาล ๓ เรื่อยมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ ๗ นับเป็นพระบูชาอีกประเภทหนึ่งที่มีผู้นิยมเช่าหากันมาก วันนี้ได้รับภาพ พระบูชารัชกาล มาองค์หนึ่ง ขนาดหน้าตักกว้าง ๒.๕ นิ้ว องค์พระเป็นเนื้อทองคำบริสุทธิ์ ฐานเป็นเนื้อนาก องค์พระบางจุดมีการฝังเพชรซีก แบบโบราณ อีกด้วย ผู้สันทัดกรณีบอกว่า พระรัชกาล องค์นี้เป็นพระสมัย ร.๖ ตอนต้น เป็นการสร้างของเจ้านายชั้นสูง และมีการแจกจ่ายเฉพาะในหมู่เจ้านายด้วยกันเท่านั้น ต่อมาได้เป็นมรดกตกทอดสู่ลูกหลาน จนมีการเปลี่ยนมือมาสู่นักสะสมคนรุ่นใหม่ในทุกวันนี้ เสาวนีย์ ศรีวรพรรณ์ นับเป็นผู้โชคดีที่ได้รับพระองค์นี้มาไว้สักการบูชาเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตสืบ ไป พระเนื้อทองคำแท้ๆ อย่างนี้หายากยิ่ง ** พระหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เนื้อผงยาวาสนา หรือยาจินดามณี ที่ถือกันว่าเป็นสุดยอดในชุดพระหลวงปู่บุญทั้งหมด มีหลายพิมพ์ด้วยกัน และพิมพ์ที่มีขนาดองค์พระเล็กกะทัดรัดน่ารักมาก ก็คือ พิมพ์ซุ้มรัตนตรัย เป็นพระพิมพ์ทรงรูปสามเหลี่ยมคล้ายกับพระนางพญา แต่มีซุ้มครอบแก้ว ๓ ชั้น อันเป็นที่มาของชื่อ ซุ้มรัตนตรัย หรือซุ้ม ๓ ชั้นนั่นเอง พระพิมพ์นี้หายาก เพราะมีน้อย ทำให้พบเห็นไม่บ่อยนัก องค์นี้ถือเป็น พระพิมพ์ครูเนื้อครู ก็ว่าได้ ยึดเป็นองค์ตัวอย่างได้เลย (พระปลอมพิมพ์นี้มีเพียบ) หมู วิเชียรบุรี ฝากภาพนี้มาให้นานแล้ว เพิ่งจะมีโอกาสดีนำลงให้ชมเป็นวิทยาทานวันนี้เอง ** พระหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว อีกรุ่นหนึ่งที่วงการพระรู้จักกันดี เพราะมีพระจำนวนมาก และมีหลายพิมพ์ให้เลือกเช่าหากันอย่างพอใจ พระรุ่นที่ว่านี้ คือ พระชัยวัฒน์ ปี ๒๔๔๒ (เทียบจาก ร.ศ.๑๑๘ ขององค์ยอดช่อ+๒๓๒๔ อันเป็นปี ร.ศ.๑) ** พระชัยวัฒน์ รุ่นนี้เชื่อกันว่าเป็นตำราการสร้างสูตรเดียวกับของ ท่านเจ้ามา วัดสามปลื้ม ซึ่งได้รับมาจากวัดบวรนิเวศวิหาร และต่อมา ท่านเจ้ามา ได้มอบตำรานี้ให้แด่ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนฯ ** พระชัยวัฒน์ หลวงปู่บุญ หลายพิมพ์มีส่วนเหมือนกับของ ท่านเจ้ามา มากขณะเดียวกัน สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ผู้สืบทอดตำราพระกริ่งพระชัยวัฒน์ ก็มีความสนิทสนมกับ หลวงปู่บุญ มากโดยได้เสด็จไปเยี่ยมเยียนแลกเปลี่ยนวิชากับ หลวงปู่บุญ เสมอจึงเชื่อกันว่า เจ้าประคุณสมเด็จ (แพ) มีส่วนร่วมสร้าง พระชัยวัฒน์ รุ่นนี้ด้วย ** พระชัยวัฒน์ หลวงปู่บุญ มีหลายพิมพ์ อาทิ พิมพ์ชะลูด (เช่าหากันแพงที่สุดในพระขุดนี้) พิมพ์ป้อมใหญ่ พิมพ์ป้อมเล็ก พิมพ์ต้อ ฯลฯ องค์ในภาพนี้เป็น พิมพ์ป้อมเล็ก มีความพิเศษตรงที่มี เดือย ใต้ฐานองค์พระด้วย เดือยอันนี้แท้จริงคือ ช่อชนวน สำหรับให้น้ำทองไหลลงอยู่องค์พระนั่นเอง (การเททองหล่อพระจะให้ด้านเศียรอยู่ข้างล่าง) ปกติช่อชนวนนี้จะมีการตัดออก แต่สำหรับ พระชัยวัฒน์ องค์นี้ยังคงไว้เหมือนเดิม ทำให้ดูเหมือนกับ พระยอดธง แต่ก็นับเป็นความแปลกตาอย่างหนึ่ง ที่ทำให้พระองค์นี้มีความพิเศษ และมีเสน่ห์มากขึ้น เป็นพระของ หมง อิติปิโส คนหนุ่มผู้มีความชำนาญในการดูพระได้หลายรูปแบบ ** พระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของคนไทยทั่วประเทศ ที่เชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอันมาก พระเกจิอาจารย์ทุกยุคทุกสมัยจึงนิยมสร้างจำลององค์ พระพุทธชินราช หลากหลายรูปแบบ มาโดยตลอด ที่มีการเช่าหากันอย่างกว้างขวาง เพราะมีจำนวนพระมากเป็นพิเศษ คือ พระพุทธชินราช อินโดจีน ปี ๒๔๘๕ ที่ "คมเลนส์ส่องพระ" นำภาพมาให้ชมอยู่เสมอๆ แต่วันนี้ขอนำของที่เก่าไปกว่านั้น คือ เหรียญพระพุทธชินราช ปี ๒๔๖๐ ซึ่งมีหลายพิมพ์ คือ พิมพ์หลังอกเลา พิมพ์หลังหนังสือ ๕ แถว (ที่ระฤก / ที่ได้มาในงาน / นมัสการพระพุทธ / ชินราช ณ เมือง / พิศณุโลก) และ พิมพ์หลังหนังสือ ๓ แถว (ที่ระฤกที่ได้มา / นมัสการณเมือง / พิศณุโลก) เหรียญรุ่นนี้จัดสร้างโดยร้าน นาถาจารุปกรณ์ ซึ่งปรากฏอักษรย่อ นถจก อยู่ใต้ฐานดอกบัวของเหรียญทุกพิมพ์ ** เหรียญในภาพเป็น พิมพ์หลังหนังสือ ๓ แถว ของ ป๋อง สุพรรณ นับเหรียญหลักยอดนิยมอีกเหรียญหนึ่งที่เช่าหากันที่หลักหมื่นขึ้นไป ** "เบี้ยแก้" เป็นเครื่องรางอย่างหนึ่งที่เป็นภูมิปัญญาทางไสยศาสตร์ของพระเกจิอาจารย์ เมืองไทยโดยเฉพาะ สร้างด้วย หอยเบี้ย (เบี้ยจั่น) บรรจุ ปรอท ที่ปลุกเสกแล้วเข้าไว้ในตัวเบี้ย (ขณะบรรจุปรอทต้องบริกรรมปลุกเสกไปด้วย) จากนั้นอุดปากหอยด้วยชันโรงใต้ดินที่ขุดได้จากกลางหาว แล้วหุ้มด้วยแผ่นตะกั่วที่ลงอักขระเลขยันต์ตามตำรา แล้วปลุกเสกอีกครั้งหนึ่ง ก่อนนำไปถักด้วยเชือกด้าย โดยมี ห่วง (หู) ถักติดไว้ด้วย สำหรับร้อยเชือก เสร็จสรรพแล้วลงรักทั่วตัวเบี้ย ** พระเกจิอาจารย์ ผู้สร้าง เบี้ยแก้ จนโด่งดังเป็นที่นิยมกันทั่วไป คือ หลวงปู่รอด วัดนายโรง บางกอกน้อย ธนบุรี หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม นอกจากนี้ยังมีพระเกจิอาจารย์ทาง จ.อ่างทอง อีกหลายท่านที่มีวิชาอาคมในการจัดสร้าง เบี้ยแก้ ได้ด้วย หนึ่งในนั้น คือ หลวงพ่อพักตร์ จนฺทสุวณฺโณ วัดโบสถ์ อ.สามโก้ ท่านได้สร้าง เบี้ยแก้ ทั้งแบบ ตัวผู้ และ ตัวเมีย ตามที่เห็นในภาพนี้ มีจุดสังเกตคือมี ห่วงสำหรับไว้ร้อยเชือกเอาไว้คาดกับเอว หากเป็น เบี้ยแก้ตัวผู้ ไม่มีห่วง แต่จะมี ตะกรุด ถักติดกับตัวเบี้ย ตะกรุดที่ว่านี้ทำด้วยเงินหรือทองแดง ม้วนเป็นหลอดมีรูตรงกลางไว้สำหรับร้อยเชือกเอาไว้คาดกับเอว และตะกรุดนี้หลวงพ่อจะลงเหล็กจารเอาไว้ด้วย ** เบี้ยแก้หลวงพ่อภักตร์ พบเห็นยาก เพราะสร้างไว้น้อย ใครมีอยู่ก็หวงแหน โดยเฉพาะชาว จ.อ่างทอง ด้วยแล้ว ไม่เคยแบ่งปันให้ใคร อ.เกี๊ยก ทวีทรัพย์ เจ้าของ เบี้ยแก้หลวงพ่อภักตร์ ชิ้นนี้นับเป็นผู้โชคดีมากที่ได้รับมาครอบครอง ไม่ใช่เพราะอะไรใดอื่น หากเป็นเพราะ อ.เกี๊ยก เป็นลูกเขยชาวอ่างทองนั่นเอง ** ตามประวัติ หลวงพ่อพักตร์ ท่านเกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๒๕ เมื่อย่างเข้าวัยหนุ่มบิดามารดาได้นำไปฝากไว้กับ หลวงปู่เถื่อน เจ้าอาวาสวัดหลวง จ.อ่างทอง พออายุครบ ๒๐ ปี ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดอ้อย โดยมี หลวงปู่เถื่อน วัดหลวง เป็นพระอุปัชฌาย์ จากนั้นได้ติดตามพระพี่ชาย คือท่านเจ้าคุณพระรัตนมุนี ไปจำพรรษาที่วัดหงษ์รัตนราม ธนบุรี เพื่อศึกษาทางคันธุระและวิปัสสนาธุระ อยู่ในสำนัก พระอาจารย์อูฐ ๖ พรรษาก็มีความชำนาญเป็นอย่างดี ต่อมาเจ้าอาวาสวัดโบสถ์มรณภาพ ชาวบ้านจึงนิมนต์ให้ไปเป็นเจ้าอาวาสแทน เมื่อ พ.ศ.๒๔๕๕ ท่านได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ กับ อาจารย์วาด หรือ ครูวาต ฆราวาสผู้ชำนาญไสยศาสตร์ อดีตมหาโจรแถวชานเมืองอ่างทอง และสุพรรณบุรี เมื่ออายุมากขึ้น จึงเลิกเป็นโจร พร้อมถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆ ให้ หลวงพ่อภักตร์ เช่น วิชาเบี้ยแก้ ตะกรุดโทน ผ้ายันต์แดง ฯลฯ อาจารย์คนต่อมา คือ ครูบุญ เรียนวิชาปลุกเสกเขี้ยวเสือแกะ งาช้างแกะ เป็นวัตถุมงคลแบบต่างๆ ** หลวงพ่อพักตร์ มรณภาพเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๕ สิริรวมอายุ ๖๐ ปี พรรษา ๔๐ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวอ่างทองให้ความเคารพนับถือมาก วัตถุมงคลของท่าน นอกจาก เบี้ยแก้ แล้วก็ยังมี เขี้ยวเสือแกะ สิงห์งาแกะ ตะโพนงาแกะ ตะกรุดโทน ผ้ายันต์แดง เหรียญรูปเหมือนพิมพ์เสมาหลังยันต์ ฯลฯ ทุกอย่างล้วนเป็นของดีที่หายาก และมีราคาเช่าหากันแพงพอสมควร ** สุดยอดเหรียญแพงอีกอันหนึ่ง คือ เหรียญหลวงพ่อคง วัดชำป่าง่าม จ.ฉะเชิงเทรา เนื้อเงินลงยา ปี ๒๔๘๓ ออกในโอกาสทำบุญอายุ ๑๐๖ ปีของหลวงพ่อ ที่เห็นนี้เป็นเหรียญของ วัฒน์ บางแค คู่แฝดของ อ้วน นครปฐม สองคนดังแห่งสนามพระท่าพระจันทร์ ** หลวงพ่อคง สุวณฺณ วัดซำป่าง่าม เดิมท่านเป็นชาวเขมร แขวงเมืองพระตะบอง ถือกำเนิดในราว พ.ศ. ๒๓๗๗ บวชเณรเมื่ออายุ ๑๕ ปี และบวชเป็นพระสงฆ์เมื่ออายุ ๒๐ ปี ศึกษาพุทธาคม ไสยเวทย์จากพระเกจิอาจารย์เขมรโบราณ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านนี้อยู่แล้ว สมัยนั้นเมืองพระตะบอง อยู่ภายใต้ราชอาณาจักรไทย โดยมี เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (ชุ่ม อภัยวงศ์) เป็นผู้สำเร็จราชการ และเป็นผู้ที่มีเคารพเลี่อมใส หลวงพ่อคง เป็นอย่างสูง ต่อมาเมื่อราชอาณาจักรไทยต้องแลก เมืองพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ ให้กับฝรั่งเศส เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (ชุ่ม อภัยวงศ์ ผู้เป็นบิดาของ พ.ต.ควง อภัยวงศ์) จึงต้องเดินทางกลับราชอาณาจักรไทย พร้อมครอบครัวชาวไทยที่ไปตั้งรกรากอยู่ที่นั่น พร้อมกันนี้ท่านได้นิมนต์ หลวงพ่อคง ร่วมคณะเดินทางกลับมาเมืองไทยด้วย โดยมาสร้างที่พักสงฆ์อยู่ที่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา และได้พัฒนาเป็น วัดซำป่าง่าม ในเวลาต่อมา หลวงพ่อคง เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๕ สิริรวมอายุ ๑๐๘ ปี
** เหรียญยอดนิยมพระเกจิอาจารย์ดังในอดีตอีกเหรียญหนึ่ง คือ เหรียญหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม จ.สมุทรสงคราม ๒๔๘๔ จัดสร้างโดย พระยาศรีสุรสงคราม (เปลื้อง ดิลกโยธิน) เนื่องในโอกาสทำบุญอายุ ๗๗ ปี เป็นเหรียญเนื้อทองแดงรมดำ และรมน้ำตาล สมัยก่อนเหรียญนี้ไม่ค่อยมีคนรู้กันมากนัก ต่อมาเมื่อช่วงปี ๒๕๑๐ อ.เภา ศกุนตะสุต ปรมาจารย์เหรียญยุคแรก ได้นำเหรียญนี้มาลงพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือพระเครื่องต่างๆ หลายฉบับ พร้อมกับบรรยายสรรพคุณความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่ออย่างมากมาย ทำให้นักสะสมเหรียญหันมาให้ความสนใจเหรียญนี้กันมากขึ้น จนกลายเป็นเหรียญดังติดอันดับ ๑ใน ๕ ชุดเบญจภาคีเหรียญยอดนิยมของวงการจนทุกวันนี้ ซึ่งเช่าหากันถึงหลักแสนขึ้นไป เหรียญในภาพนี้มีความสวยคมชัดมาก เจ้าของเหรียญคือ ธวัชชัย ชาติวิวัฒน์พรชัย ผู้บริหารบริษัท บางไทร-อยุธยา จำกัด ธุรกิจเดินเรือขนส่งสินค้าทางน้ำบริการทั่วโลก ** หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ธนบุรี นับเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้มีวิชาอาคมแก่กล้ามาก ปลุกเสกพระเครื่องรางของขลังทุกอย่างได้อย่างเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์เป็นอัน มาก พระเครื่องของท่านมีทุกประเภท เลือกเช่าหาบูชาได้ตามอัธยาศัย และกำลังทรัพย์ เพราะพระบางอย่างของท่านแพงเกินกว่าชาวบ้านธรรมดาสามัญทั่วๆ ไปจะสามารถเช่าหาเอาไว้ได้ ** พระเครื่องของท่านที่นิยมกันมาก คือ พระปิดตา ซึ่งมีทั้งเนื้อโลหะสัมฤทธิ์ และเนื้อผงคลุกรัก ** สำหรับ พระปิดตาเนื้อผงคลุกรัก พิมพ์ข้าวตอกแตก ขนาดองค์พระเล็กกะทัดรัดน่ารักมาก นับได้ว่าเป็นพระปิดตาที่ออกแบบได้คลาสสิคมาก รูปแบบง่ายๆ แต่ดูแล้วซึ้งตาดี เป็นพุทธศิลป์ชั้นสูงเลยทีเดียว จนมีพระเกจิอาจารย์ยุคหลังนำเอาไปถอดแบบสร้างออกมาแล้วหลายสำนักด้วยกัน ต้นตำรับคือองค์ในภาพนี้ เป็นพระของ กิตติสินธุ์ บุญธนาเลิศ นักธุรกิจหนุ่มผู้ชอบสะสมพระแพงๆ อยู่เสมอ ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่า เช่าแล้วสบายใจดี ** วันนี้ "คมเลนส์ส่องพระ" ปลอดจากภาพ พระกรุ ด้วยความบังเอิญจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจมาก่อน รู้ตัวเมื่อเขียนมาถึงวรรคสุดท้ายนี้แล้ว ต้องกราบขออภัยสำหรับ ท่านนักนิยมพระกรุ ไว้ ณ โอกาสด้วย แล้วพบกันใหม่ในวันเสาร์และวันอาทิตย์ต่อไป รับรองมีภาพ พระกรุ มาให้ชมกันอย่างแน่นอน...นะมัสเต *** ข่าวพระเครื่อง 0 แล่ม จันท์พิศาโล 0 |