สืบด้วยไสยศาสตร์ โดยทำพิธีทางไสยศาสตร์ จุดธูป ๙ ดอก
เจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.บุรีรัมย์ ระดมพระเกจิ-หมอเขมรจอมขมังเวท ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พึ่งพระเกจิ และหมอเขมรที่มีวิชาอาคมทางไสยศาสตร์ เข้ามาช่วยในด้านการสืบสวนสอบสวน โดยทำพิธีทางไสยศาสตร์ จุดธูป ๙ ดอก ดอกไม้ หัวหมู เซ่นไหว้ดวงวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ใน ปราสาทหินพนมรุ้ง ให้ช่วยดลบันดาลให้สามารถจับกุมคนร้ายได้ นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านในพื้นที่ เชิญผู้ที่มีวิชาทางไสยศาสตร์เข้ามาทำพิธีสาปแช่งคนร้ายจำนวนมาก ทั้งนี้ พ.ต.อ.กฤษณะ สุขะตุงคะ ผกก.สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ถึงกับออกมาให้สัมภาษณ์ว่า "การติดตามตัวคนร้าย ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ขณะนี้สอบปากคำพยานไปแล้วกว่า ๕๐ ปาก แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้ามากนัก จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องพึ่งไสยศาสตร์ โดยพึ่งอาจารย์จากเขมร เข้ามาช่วยแกะรอยคนร้ายอีกทางหนึ่ง ควบคู่ไปกับการเก็บรวบรวมหลักฐานทางวิทยาศาสตร์"

ในยุคนี้การพึ่งไสยศาสตร์ หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเหลวไหล แต่มีคนจำนวนไม่น้อยใช้ไสยศาสตร์เป็นที่พึ่ง แต่สำหรับ อ.ธรรมจักร สิงห์ทอง ผู้เขียนหนังสือพรหมชาติ ซึ่งเป็นตำราโหราศาสตร์เบื้องต้นที่คนเรานับถือ และใช้กันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี ได้พูดไว้อย่างน่าคิดว่า "การใช้ไสยศาสตร์เพื่อจุดประสงค์ใดจุดประสงค์หนึ่ง หากใช้ปัญญาและวิจารณญาณ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ถ้าใช้ศรัทธา โดยขาดปัญญาและวิจารณญาณ ถือว่าเป็นเรื่องเสียหาย ความเชื่อที่เกิดจากปัญญาไม่ใช่เรื่องที่เหลวไหล อย่างน้อยก็ช่วยตอบปัญหา หรือค้นหาคำตอบที่เราไม่มีทางตอบได้ กรณีของความพยายามหาคนทำลายปราสาทหินพนมรุ้ง ด้วยวิธีไสยศาสตร์ อย่ามองว่าเป็นเรื่องเสียหาย เพราะอย่างน้อยก็เป็นความพยายามอีกหนทางหนึ่ง"

ในกรณีการหาของหาย หรือหาคนผิดมาลงโทษนั้น อ.ธรรมจักร บอกว่า มีวิธีการทำนายอย่างหนึ่ง ที่คนโบราณเชื่อว่าแม่นยำมาก คือ บัณศาสตร์ หรือตำราทำนายของหายได้คืนหรือสูญ เป็นศาสตร์โบราณซึ่งมีความแม่นยำมาก เนื่องจากเป็นการทำนายโดยอาศัยพลังจิต พลังสมาธิ พลังเทพเทวา รวมทั้งบุญบารมีของผู้ที่ทำนายด้วย โดยได้รับจากครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งใน จ.สระบุรี เมื่อกว่า ๓๐ ปีแล้ว มีหลักการทำนายง่ายๆ คือ เมื่อเกิดกรณีของ หรือทรัพย์สินต่างๆ สูญหายไป จะด้วยเหตุใดก็ตาม ให้นำดอกไม้ที่ตรงกับสีประจำวันเกิด ของผู้ที่ทำของหาย หรือผู้ที่ต้องการให้ทำนาย เช่น วันจันทร์ให้ใช้ดอกไม้สีเหลือง วันอังคารดอกไม้สีชมพู โดยเด็ดมา ๕ ดอก พร้อมด้วยธูป ๕ ดอก และเทียน ๕ เล่ม ตั้งเป็นขันครูถวายให้ผู้ทำนาย จากนั้นตั้งจิตให้เป็นสมาธิ ระลึกถึงทวยเทพต่างๆ ขออำนาจจากพลังเทพมาช่วยทำนายในครั้งนี้อย่าให้ผิดเพี้ยน เมื่อมอบขันครูให้ผู้ทำนายแล้ว ผู้ที่ทำนายจะสั่งให้ผู้เสียหาย หรือที่ต้องการคำทำนาย หันหลังเดินไปยังต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ (จะเป็นต้นอะไรก็ได้ ที่มีใบพร้อมจะเด็ดใบ) โดยให้อธิษฐานจิตระลึกถึงเทวดา เจ้าที่เจ้าทาง เพื่อให้การทำนายนั้นประสบผลไปได้ด้วยดี

จากนั้นให้กลั่นลมหายใจ เพ่งตามองไปเบื้องบนฟ้า (อย่ามองใบไม้โดยเด็ดขาด) และเด็ดใบไม้มา ๓ ใบ จากนั้นนำใบไม้ไปส่งให้ผู้ทำนาย ถือว่าเป็นการเสร็จสิ้นพิธีกรรมในส่วนของผู้เสียหาย สำหรับขั้นตอนของการทำนายนั้น อ.ธรรมจักร อธิบายต่อว่า เมื่อผู้ทำนายได้รับใบไม้มาแล้ว ให้ยกขึ้นจบเหนือศีรษะ อธิษฐานจิตขออำนาจพลังเทพอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะตรวจตราลักษณะใบไม้อย่างละเอียด ทั้งด้านหน้าด้านหลัง โดยมีลักษณะคำทำนายเป็น ๓ ข้อดังนี้

๑. ถ้าใบไม้บริสุทธิ์ผุดผ่อง สวยงามตามธรรมชาติ ไม่มีรอยฉีกขาด ขีดข่วน รวมทั้งจุดแห้งใดๆ เลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งก้านก็สมบูรณ์เหมือนเลือกเก็บมาด้วยความตั้งใจให้เหมือนกันทั้ง ๓ ใบ ให้ทำนายว่า ของที่หายไปนั้น ไม่ได้หายไปไหน อยู่ที่เดิม หรือใกล้ๆ กับที่เดิม รวมทั้งมีผู้นำไป และกำลังจะนำมาคืนในระยะเวลาไม่ช้า ของสิ่งนั้นไม่ถูกทำลาย ผู้นำไปเก็บไว้เป็นอย่างดี จะเป็นญาติ หรือคนที่รู้จักนำไป

๒. ถ้าใบไม้มีตำหนิรอบๆ ริมขอบใบ บางส่วนของก้านหายไป จุดด่าง จุดแห้ง หรือแมลงกัดกิน ก็ตาม  รวมทั้งรอยแหว่งที่เกิดจากธรรมชาติ ถ้าเสียหายทั้ง ๓ใบมากหรือน้อย ให้ทำนายไปตามนั้น ให้ทำนายว่า  ของที่หายไปนั้น เกิดจากคนไกลมาก ไม่เคยรู้จักมาก่อน บังเอิญมาพบช่องทางโจรกรรมเข้า ของที่ถูกนำไปถูกแปรสภาพจำหน่ายจ่ายแจก ไม่สามารถนำกลับมาคืนได้ และไม่มีทางตามหาผู้ก่อการได้ ทรัพย์สินที่หายไปสูญหายไปอย่างถาวรแน่นอน ถ้าใบสมบูรณ์บ้างไม่สมบูรณ์บ้างปนกันไป หรือมีใบดีมากกว่าใบเสีย ทำนายว่า ยังพอมีทางได้ของคืน หรือพอมีทางที่จะตามจับคนร้ายมาลงโทษทางกฎหมายได้ แต่ต้องใช้เวลามากพอสมควร 

และ ๓. ถ้าใบไม้มีตำหนิฉีกขาด รอยเหี่ยวแห้ง แมลงกัดกินตรงจุดกลางใบ รอยทะลุโดยธรรมชาติกลางในใบเดียว ๒ ใบ หรือครบทั้ง ๓ ใบ ให้ทำนายว่า ของที่หายไปเกิดจากคนบ้านใกล้เรือนเคียง คนใกล้ชิด แต่ไม่ใช่ลูกหลาน และไม่ใช่ญาติกัน ผู้ลักขโมยไปไม่กล้าใช้สอยแปรสภาพ โดยจะเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดีในห้อง ในกล่อง มุมมืด ที่สำคัญ คือ มีการใส่กุญแจไว้อย่างแน่นหนาเป็นอย่างดี  ถ้าใบไม้เสียหายมาก สูญแน่นอน ถ้าใบไม้เสียหายเป็นบางส่วนผู้นำไปอาจนำมาคืนเจ้าของเอง หรือนำไปวางไว้โดยให้เจ้าของพบเห็นโดยบังเอิญ 

ศาสตร์แห่งล้านนา คติความเชื่อของคนภาคเหนือ ความเชื่อของคนไทยที่เชื่อกันมาตั้งแต่โบราณถึงปัจจุบัน คือ ผีหม้อนึ่ง ซึ่งเป็นผีที่สิงสถิตอยู่ในครัว หรือสิ่งของเครื่องใช้ในครัว เช่น หม้อนึ่ง หม้อแกง ของทุกครัวเรือน คำพื้นบ้านจะเรียกว่า ผีปู่คำ ผีย่าคำ การรักษาโดยวิธีผีหม้อนึ่งนี้ หมอรักษาจะใช้วิธีการถามเพื่อให้ทราบว่า ผู้ป่วย ป่วยเจ็บเพราะเหตุใด นอกจากนี้เมื่อเกิดมีสิ่งของหรือทรัพย์สินของผู้ใดหายไป ผู้นั้นยังอาจมาขอให้หมอ หรือผู้ทำพิธีถามผีหม้อนึ่งเพื่อให้ทราบว่า สิ่งของที่หายไปนั้นจะได้คืนมาหรือไม่ด้วย โดยที่คำตอบจะขึ้นอยู่กับอาการที่เกิดขึ้นกับข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบางเรื่องที่ไม่อนุญาตให้ถามนั่น ก็คือ เรื่องของเนื้อคู่ หรือบางทีจะไม่ถามเรื่องของหาย หรือการฆาตกรรม แต่ปัจจุบันนี้ผีหม้อนึ่ง มักจะถูกถามในกรณีการค้นหาศพผู้ตายไม่เจอ ทั้งนี้ญาติผู้ตายจะทดสอบผีหม้อนึ่งก่อน โดยใช้เสื้อผ้าของคนตาย กับคนยังไม่ตาย ปนกัน แล้วหยิบเสื้อผ้าออกมาทีละชิ้น และถามผีว่า เป็นของคนตายหรือไม่ ถ้าผีบอกถูก ก็ถามคำถามในลักษณะใช่หรือไม่ใช่ เช่น ศพอยู่ทางทิศเหนือ (ใต้ ตะวันออก ตะวันตก) จากที่พักใช่หรือไม่  สำหรับวิธีการถามผีหม้อนึ่งนั้น วิธีการ เตรียมเทียนน้อย (เล่มเล็ก) ๒ คู่ ดอกไม้ ๒ ดอก ข้าวสุก ๓ ถ้วย กล่องข้าว (กระติบ) ข้าวเหนียว เป็นอุปกรณ์ที่จะใช้ตอบคำถาม โดยสังเกตอาการของกล่องข้าว การถามของหมอ หมออาจจะถามว่า ถ้ามีจริงก็ขอให้กล่องข้าวนั้นแกว่งไปแกว่งมาแรงๆ หรือถ้าไม่มีจริง ก็ขออย่าได้แกว่ง หรือให้หยุดอยู่กับที่ เป็นต้น

ส่วนคำถามอาจกำหนดขึ้นตามที่หมอผู้ทำพิธีต้องการถาม โดยคำตอบให้ขึ้นอยู่กับอาการของกล่องข้าวดังกล่าว ถ้ามี, เป็น หรือได้มา ให้กล่องข้าวแกว่ง แต่ถ้าเป็นการตอบตรงข้ามกับที่ถามไปตอนแรก ก็ให้กล่องข้าวหยุดนิ่งอยู่กับที่ เป็นต้น หลังจากนั้น หมอหรือผู้ทำพิธีก็จะถามผีว่า ถ้าผู้ป่วยหายจริง หรือสิ่งของที่หายไปจะได้คืนมา ผีปู่คำ ย่าคำ ต้องการจะให้เลี้ยง (เซ่นไหว้) ด้วยอะไร เช่น เหล้าปัน (ขวดกลม) ไก่คู่ หรือหัวหมู หรือกวางคำ (หมา) จิ๊นลาบ แกงอ่อม ฯล แล้วหมอจะถามต่อว่า ภายในเวลากี่วันถึงจะหาย หรือได้มาถ้าภายใน ๓ วัน ๗ วัน ไม่หายหรือไม่มีผลอะไร ก็จะไม่เลี้ยงผีเลยเช่นกัน

สำหรับคนที่เป็นข้าวจ้ำ หรือคนที่จะเชิญผีลงมาที่หม้อนึ่ง จะเตรียมขันตั้ง ซึ่งมีข้าวของต่างๆ วางเรียงรายไว้ในถาด และเชิญผีมาลงที่หม้อนึ่ง แล้วจึงเข้าไปสู่ไหข้าว เมื่อร่ำเชิญแล้ว หากจะตรวจดูว่าผีหม้อนึ่งที่เชิญมานั้นมาหรือยัง ก็ให้ยกไหดู หากว่ายังเบาด้วยไหนั้นเป็นไหเปล่าแสดงว่ายังไม่มา แต่ว่าไหเปล่านั้นหนักจนยกไม่ไหวก็แสดงว่าผีหม้อนึ่งได้ลงมาที่ไหแล้ว ต้องใช้คนสองคนในการยกเอาไหออกมาถือไว้ ผีหม้อนึ่ง หรือ ผีปู่ดำย่าดำ เป็นผีดี ที่ใช้สำหรับการหา “เมื่อ” หรือการสอบถามเรื่องราวต่างๆ แต่ก็มีข้อแม้อยู่กับข้าวจ้ำด้วยว่า จะอนุญาตให้ถามเรื่องไหนได้ เรื่องไหนไม่ได้ ส่วนใหญ่แล้วเรื่องที่จะถามนั้นมักจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ “ผี” เป็นส่วนมาก ด้วยคนที่บ้านไม่สบาย ไปรักษาที่โรงพยาบาลแล้ววินิจฉัยไม่ได้ หรือรักษาแล้วก็ไม่หายสักที จึงมาถามผีย่าหม้อนึ่งดูว่า เป็นเพราะอะไรมา ทำให้เป็นไปหรือไม่อย่างไร

0 เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู / ภาพ พัชรพล ปานรักษ์