พระเครื่อง อมูเลทตั้มศรีวิชัย ตลาดพระเครื่องรางของขลัง สวนไผ่สกลนคร หน่อไม้น้ำ หญ้าหวานอิสราเอล วันตรุษจีน2566

![]() |
>...ตั้มศรีวิชัย TumAmulet ...< Thailand Amulet Charms |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
สารบัญพระเครื่องเมืองนคร |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
บูชาพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง Amulets Charms Talismans |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
จตุคาม-รามเทพ หลักเมืองนคร Jatukamramtep (Jatukarm) |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
ลิงค์น่าสนใจ |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
พระเครื่อง นานาสาระ |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
สวนไผ่ พันธุ์หญ้า ธนภัทรสกลนคร สินค้าเกษตรออนไลน์ ไผ่สายพันธุ์ต่างๆ ไผ่ข้าวหลามกาบแดง ไผ่ซางหม่น หน่อไม้น้ำ หญ้าหวานอิสราเอล หญ้านรกจักรพรรดิ์ หญ้าเนเปียร์ปากช่อง1 หญ้าเนเปียร์แคระ หญ้าเนเปียร์ท้ายเขื่อนซุปเปอร์ลีฟ สะสมพระเครื่อง แต่ใจรักเกษตรผสมผสาน
|
การทำลายศาสนวัตถุนั้นเป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้า ![]() ![]() "ปี่พระอภัยมณีหาย" เป็นข่าวหนึ่งที่สร้างความเศร้าใจให้แก่ชาว จ.ระยอง อยู่ไม่น้อย แต่ข่าวที่สร้างความเศร้าใจให้คนไทยทั้งประเทศ คือ เหตุกลุ่มคนร้ายบุกเข้าไปทุบทำลายโบราณสถานปราสาทหินพนมรุ้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ จนได้รับความเสียหายหลายจุด โดยเน้นทุบทำลายเฉพาะเทวรูปที่เป็นเทพคุ้มครองปราสาทหินพนมรุ้ง ทั้ง เศียรนาค สิงห์ ทวารบาลผู้รักษาประตู โคนนทิ นอกจากนี้ยังมีการเคลื่อนย้าย ศิวลึงค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของปราสาทหินพนมรุ้งออกจากแท่น คล้ายจะจงใจทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองปราสาทหินแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีการนำบุหรี่ ยาเส้น และแก้วน้ำ วางบริเวณดอกบัว ๘ กลีบ เป็นเครื่องเซ่นไหว้เพื่อขอขมาก่อนจะลงมือทุบทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ "การทำลายศาสนวัตถุนั้น เป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้า และมิใช่ปรากฏการณ์ใหม่แต่อย่างใด หากย้อนในประวัติศาสตร์โลก การทำลายศาสนวัตถุและปูชนียสถานนั้น เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ หลายต่อหลายครั้ง โดยมีความรุนแรงและเหตุผลที่แตกต่างกันไป ส่วนใหญ่เป็นผลของความเชื่อสุดโต่ง หรือฝีมือของคนจิตวิปลาส โดยเฉพาะการทำลายพระพุทธรูปยืน ซึ่งมีอายุนับพันปี เป็นฝีมือของนักรบตาลีบันในอัฟกานิสถาน เมื่อ ๘ ปีที่แล้ว สร้างความสะเทือนใจแก่ชาวโลก มิใช่เฉพาะแต่ชาวพุทธเท่านั้น" นี่คือความเห็นของ นพ.ดร.มโน เมตตานันโท เลาหวณิช ที่ปรึกษาพิเศษในเลขาธิการใหญ่ องค์การสมัชชาศาสนาเพื่อสันติแห่งโลก (ดับเบิลยูซีพีอาร์) สำหรับผู้ที่เคยไปจาริกแสวงบุญในประเทศอินเดีย นพ.ดร.มโน บอกว่า ย่อมคุ้นเคยกับการทำลายพระพุทธรูปที่เกิดขึ้นทั่วไปอีกเช่นกัน พระพุทธรูปเหล่านี้มักถูกทุบที่จมูก ซึ่งเป็นเคล็ดทางไสยศาสตร์ของชาวอินเดียอย่างหนึ่งในการทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของเทวรูป หรือพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย เพราะจมูกเป็นอวัยวะที่ทำให้ใบหน้ามีศักดิ์ศรี และทรงความงดงาม เมื่อจมูกถูกทำให้แบนลงใบหน้าก็หมดราศี นี่เป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นอย่างทั่วถึงในวัฒนธรรมอินเดีย ซึ่งชาวฮินดูและมุสลิมไม่พอใจในพระพุทธศาสนา ในขณะที่การทำลายรูปสลักหินอ่อนเปียต้า อันเป็นผลงานอมตะของศิลปินชื่อดัง ไมเคิล แองเจลโล เมื่อ ๒๐ กว่าปีมาแล้ว เป็นอีกเหตุการณ์สะเทือนขวัญชาวโลก เนื่องจากเป็นรูปศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซู ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งเป็นศูนย์กลางของคริสตจักรโรมันคาทอลิก เป็นฝีมือของคนบ้าคนหนึ่ง และทำให้เกิดระเบียบการคุมเข้ม มิให้ผู้ใดเข้าใกล้ประติมากรรมชิ้นนี้ได้อีกเลยจนถึงปัจจุบัน แม้ว่ามีการซ่อมแซมให้เหมือนเดิมแล้วก็ตาม อย่างไรก็ตาม หากย้อนหลังไปอีก ๑๕๐ กว่าปีมาแล้ว เมื่อญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคเมจิ และเริ่มเปิดประเทศรับอารยธรรมตะวันตก ก็เป็นยุคสมัยที่พระพุทธรูปและศาสนวัตถุจำนวนมากในญี่ปุ่นถูกทำลายด้วยคำสั่งของรัฐ เนื่องจากเป็นนโยบายที่จะทำนุบำรุง ศาสนาชินโต อันเป็นศาสนาประจำชาติของญี่ปุ่น นอกจากที่วัดใหญ่ๆ หลายแห่งถูกรัฐบาลยึดในนามของพระเจ้าจักรพรรดิ แล้วเปลี่ยนให้เป็นวัดชินโต ศาสนวัตถุ สถูป เจดีย์ และพระพุทธรูปที่หาค่ามิได้จำนวนมากถูกทำลาย รัฐยังออกกฎหมายให้พระภิกษุแต่งงานได้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพระพุทธศาสนาอย่างทั่วถึงในยุคนั้น และส่งผลกระทบมาจนถึงทุกวันนี้ นพ.ดร.มโนยังบอกด้วยว่า ในบรรดากระบวนการทำลายล้างศาสนสถาน โบราณวัตถุ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่แผ่วงกว้างขวางที่สุด คงไม่มีอะไรเกินไปกว่า การปฏิวัติทางวัฒนธรรมของจีน ภายใต้การนำของ ประธานเหมา เจ๋อ ตุง ได้ทำให้เกิดการทำลายล้างพระพุทธรูป ศิลปะโบราณ คัมภีร์อันเก่าแก่ของพระพุทธศาสนา ศาสนาที่เก่าแก่อื่นๆ ของจีนอย่างแพร่หลาย ส่วนใหญ่เป็นฝีมือของพวกเรดการ์ด ชาวทิเบตส่วนใหญ่จะประณามว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลจีน แต่อันที่จริงแล้วเป็นฝีมือของพวกเรดการ์ดที่คลั่งไคล้ในลัทธิเหมา จีนเองก็เดือดร้อนจากฝีมือของคนกลุ่มนี้ไม่น้อยไปกว่าทิเบตเช่นกัน สงครามครูเสด เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ศาสนวัตถุและศาสนสถานของคริสต์ศาสนา และอิสลามถูกทำลายลง อันเป็นผลของการรบราฆ่าฟันกันถึงสามร้อยปี ชาวมุสลิมไม่ยอมรับในสัญลักษณ์ไม้กางเขนของชาวคริสต์ และชาวคริสต์ก็ไม่ยอมรับสัญลักษณ์ของพระจันทร์เสี้ยวและดวงดาวของมุสลิม เมื่อกองทัพของศาสนาเข้ายึดเมืองของศาสนาฝ่ายตรงข้ามได้ ก็ย่อมเข้าไปทำลายศาสนสถานและรูปเคารพเหล่านั้นอย่างไม่เหลือซาก แม้ในปัจจุบันประเทศมุสลิมก็มิอาจยอมรับสัญลักษณ์กากบาทสีแดงของสภากาชาดได้ ต้องเปลี่ยนเป็นองค์กรที่มีสัญลักษณ์เป็นพระจันทร์เสี้ยว และดวงดาวแทน "ตราบใดที่มนุษย์ยังถูกครอบงำด้วยโมหะและความสุดโต่งทางความเชื่อ ตราบนั้นการทำลายปูชนียวัตถุและปูชนียสถานเหล่านี้ ยังเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อกระทำเสร็จลงไปแล้ว ผลงานนั้นก็กลายสภาพเป็นความอัปมงคล ที่เกิดขึ้นกับสังคมและมนุษยชาติต่อไปอีกนานในอนาคต" นพ.ดร.มโนกล่าวทิ้งท้าย หนึ่งในตำนานที่ยังรอด พระครูภาวนาจิตสุนทร รองประธานสมาคมพุทธไทย-ภารตะ ประธานที่ปรึกษาวัดป่าพุทธคยา และเจ้าอาวาสวัดอรัญญิกาวาส อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี กล่าวว่า แม้ว่า พระพุทธรูปในอินเดีย ส่วนใหญ่จะถูกทำลาย แต่มีอยู่องค์หนึ่งที่ยืนหยัดมาจนถึงปัจจุบัน คือ พระพุทธเจ้าองค์ดำ หรือ หลวงพ่ออ้วน พระพุทธรูปองค์นี้สร้างเมื่อสมัย พระเจ้าเทวาปาล คือ ระหว่าง พ.ศ.๑๓๕๓-๑๓๙๓ เมื่อ พ.ศ.๑๗๖๖ พวกมุสลิมใช้วิธีเผยแผ่ศาสนาโดยใช้กำลังอาวุธ ถ้าใครไม่นับถือศาสนาของตนจะต้องถูกทำร้าย โดยเฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาพุทธถือว่าเป็นศัตรูตัวสำคัญ จะต้องถูกทำลาย ไม่ว่าจะเป็นคนหรือทรัพย์สมบัติในพระพุทธศาสนา จนกระทั่งเข้ายึดครองดินแดนชมพูทวีปฝ่ายเหนือได้ทั้งหมด ด้วยการใช้กำลังอำนาจเข้าห้ำหั่น ฆ่าฟัน ข่มเหง และย่ำยีด้วยวิธีการต่างๆ นานา ซึ่งมี อิคเทียร์ ซิลจิ เป็นหัวหน้า พาสมัครพรรคพวก ถืออาวุธเข้าห้ำหั่นชาวพุทธ ทุบทำลายเผาตำรับตำรา สถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา เหลือไว้แต่ซากปรักหักพัง เป็นที่น่าเสียดายยิ่งนัก จากการบันทึกของท่าน ตารนาท ธรรมสวามินปราชญ์ เขียนเอาไว้ว่า พอกองทัพมุสลิมยกทัพกลับไปแล้ว พระ นักศึกษา และพระอาจารย์ ที่มหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทา ซึ่งเหลืออยู่ประมาณ ๗๐ องค์ ก็พากันออกมาจากที่ซ่อน ทำการสำรวจข้าวของที่ยังหลงเหลืออยู่ รวบรวมเท่าที่จะหาได้ ปฏิสังขรณ์ตัดทอนกันเข้า ก็พอได้ใช้สอยกันต่อมา และท่าน มุทิตาภัทร รัฐมนตรีของกษัตริย์ในสมัยนั้น ได้จัดทุนทรัพย์จำนวนหนึ่งส่งไปจากแคว้นมคธ เพื่อช่วยเหลือซ่อมแซมปฏิสังขรณ์วัดวาอารามที่นาลันทาขึ้นมาใหม่ แต่ก็ทำได้บางส่วนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่ออังกฤษเข้ายึดครองอินเดีย ได้มีนักโบราณคดีชาวอังกฤษคนหนึ่ง ชื่อท่าน เซอร์คันนิ่งแฮม ได้อ่านบันทึกของ พระถังซำจั๋ง ซึ่งเป็นพระจีนที่เคยเดินทางไปศึกษาพระพุทธศาสนาที่มหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทา นานถึง ๑๔ ปี ได้บันทึกเหตุการณ์และสถานที่สำคัญต่างๆ เอาไว้อย่างละเอียด เมื่อท่านเซอร์คันนิ่งแฮมได้อ่านดูแล้ว จึงมอบหมายให้ เอ.เอ็ม.พรอดเลย์ และ ดร.สปูนเนอร์ เข้าไปค้นหาปูชนียวัตถุตามบันทึกนั้น ปรากฏว่าได้พระพุทธรูปมากมายหลายองค์ ส่วนมากจะเสียหายหักบิ่นจากการถูกทำลายของมุสลิมดังกล่าว จึงส่งไปรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ประเทศอังกฤษ ส่วนพระพุทธรูป หลวงพ่อพระพุทธเจ้าองค์ดำ นั้นไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงไม่ถูกส่งไปอังกฤษด้วย และเป็น พระพุทธรูปองค์เดียว ที่ยังคงความสมบูรณ์ที่สุด มีหักบิ่นเล็กน้อยเฉพาะที่พระนาสิกและพระองค์คุลีข้างขวาเท่านั้น สรุปแล้วก็คือ เป็นพระพุทธรูปองค์เดียวเท่านั้น ที่เหลือรอดจากการถูกทำลายของมุสลิม และไม่ถูกอังกฤษยึดไป นับเป็นสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ยิ่งนัก คมชัดลึก 0 เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู 0 |