วิหารเทพสถิตพระกิติเฉลิมมูลนิธิธรรมรัศมีมณีรัตน์ (ศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ-องค์พระจตุรพิธพรชัยเทพ) ตั้งอยู่ริมถนนสายอ่างศิลา-บางแสนหมู่ ๕ เนินปากคลองโรงนาค ต.อ่างศิลาอ.เมือง จ.ชลบุรี นับเป็นศาลเจ้าที่มีความสวยงามอลังการมากด้วยสถาปัตยกรรมจีนโบราณอันวิจิตรตระการตา และใหญ่โตมโหฬาร
พร้อมทั้งโบราณวัตถุอันล้ำค่า รูปปั้นมังกรจีนตามเสาอาคารทุกต้นซึ่งมีมากถึง ๒,๘๔๐ ตัว กระถางธูปยักษ์อันศักดิ์สิทธิ์ เสาฟ้าดินที่สูงตระหง่าน เสามังกร๙ ตัว อันงดงาม
และที่นี่ยังเป็นสถานที่ประดิษฐานองค์ไท้ส่วยเอี้ย ดาวเทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตาประจำปีเกิดของมวลมนุษย์ ที่มีครบ ๖๐ องค์ เพื่อให้ผู้ที่เกิดทุกชะตาราศีได้สักการบูชาขอพรตรงตามปีเกิดของแต่ละคน รวมทั้งเทพองค์อื่นๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะ องค์เทพเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ (พระจตุรพิธพรชัยเทพ) เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ และชัยชนะ
วิหารแห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๓๔ โดยอาจารย์สมชาย เฉยศิริ เป็นผู้ริเริ่มก่อสร้างขึ้นเดิมเป็นเพียงศาลเจ้าเล็กๆ แต่ด้วยบารมีแห่งองค์เทพเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อทำให้ผู้มากราบไหว้มีความร่มเย็นเป็นสุข มีชีวิตที่ดีขึ้นต่างประสบความเจริญรุ่งเรือง ในธุรกิจการค้าอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เกิดพลังศรัทธาอย่างแรงกล้า ในวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้มีผู้มาร่วมทำบุญมากขึ้นด้วย
ต่อมาเมื่อปี ๒๕๓๙ อาจารย์สมชายจึงได้ก่อสร้างวิหารเป็นอาคารถาวรสูง๔ ชั้น เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗๒พรรษา
วันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๔๑ สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชฯ เสด็จทรงเป็นประธานในพิธีเททองหล่อพระพุทธรูป ๗ พระองค์ และได้ประทานพระบรมสารีริกธาตุสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๙ พระองค์ให้แก่คณะกรรมการดำเนินงานพร้อมกับประทานนามวิหารแห่งนี้ว่า "วิหารเทพสถิตพระกิติเฉลิม" มีความหมายว่า เป็นที่สถิตของทวยเทพเจ้าทั้งหลาย
งานก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือนเมษายน ๒๕๔๓ใช้งบประมาณกว่า ๓๐๐ ล้านบาท บนเนื้อที่ ๔ ไร่ (เนื้อที่รอบศาลเจ้าอีกกว่า ๘ ไร่)
ปี ๒๕๔๕สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ พร้อมทั้งทรงประกอบพิธีเบิกพระเนตรสมเด็จพระมารดาแห่งดวงดาวและองค์เทพหน่าจาซาไท้จื้อ และทรงปลูกต้นมหาโพธิ์
เมื่อปี ๒๕๔๕ และปี๒๕๔๗ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จทรงปลูกต้นสาละ และต้นศุภโชค
อาคาร ๔ ชั้น ของวิหารเทพสถิตพระกิติเฉลิม(ศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ) ประกอบด้วยชั้นที่๑ เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นองค์เทพไท้ ส่วย เอี๊ยะ ผู้คุ้มครองดวงชะตาชีวิต จำนวน๖๐ องค์ ใครเกิดราศีไหนก็ให้สักการบูชาไท้ส่วยเอี๊ยะองค์นั้นซึ่งมีป้ายบอกให้ทราบอย่างละเอียด
นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นของเทพเจ้า ตี่ ฉั่ง อ้วง ผ่อ สัก (พระกษิติครรภโพธิสัตว์ หรือ พระตี่ฉั่ง) ซึ่งแปลว่า ที่เก็บ หรือครรภ์แห่งผืนแผ่นดิน ผู้มีปณิธานเดียวกับเจ้าแม่กวนอิม แต่พระตี่ฉั่งจะโปรดสัตว์ที่อยู่ในนรกมากกว่า ฉะนั้นในงานศพจึงนิยมบูชาพระตี่ฉั่ง ส่วนในงานมงคลนิยมบูชาเจ้าแม่กวนอิม กระทั่งเกิดคำว่า "พระกวนอิมโปรดคนเป็น พระตี่ฉั่งโปรดคนตาย" แต่ความจริงแล้วพระตี่ฉั่งโปรดคนเป็นเช่นเดียวกับเจ้าแม่กวนอิม
ชั้นที่ ๒ เป็นที่ประดิษฐานองค์เทพเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ และชัยชนะ ทั้ง๓ ปาง ซึ่งจำลองมาจากมณฑลเสฉวน ประเทศจีน อันเป็นศาลเจ้าแห่งแรกขององค์เทพหน่าจาซาไท้จื้อ
ในชั้นนี้ยังมีรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมอีกหลายปางองค์หนึ่งเป็นพระเนื้อหยกขาว จากประเทศพม่า และรูปเทพเจ้าทั้ง ๗ วัน
ชั้นที่ ๓เป็นที่ประดิษฐานขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้ ผู้เป็นใหญ่แห่งสวรรค์ ข้าราชการนิยมมากราบไหว้เพื่อขอพรให้ได้เลื่อนตำแหน่งในหน้าที่การงาน นอกจากนี้ยังมีองค์เทพเจ้าที่ชาวจีนให้ความเคารพอีกมากมาย
ชั้นที่ ๔เป็นชั้นที่สูงสุด เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นองค์ประธานหรือ พระศรีอริยเมตตรัย และองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า๕ พระองค์ประดิษฐาน ๕ ทิศ และองค์สมเด็จพระอนุตรธรรมมารดา ผู้ให้กำเนิดแก่จักรวาลทั้งปวง และผู้ให้กำเนิดสรรพชีวิตทั้งหลายในโลกนี้ บุคคลใดไม่มีบุตร นิยมกราบไหว้ขอพรให้ได้บุตรจะสมหวังเสมอ บุตรที่ได้จะมีสติปัญญาดี มีสุขภาพที่แข็งแรง
ในส่วนของด้านหน้าวิหารมี เสาฟ้าดินเพื่อให้ผู้ที่เข้ามาสักการบูชาได้กราบไหว้ก่อนเป็นจุดแรก ถือว่าฟ้าดินเปรียบได้ดังพ่อแม่ ซึ่งชาวจีนถือว่า เป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก
และที่หน้าวิหารยังมีเสามังกร สูง ๓๖ เมตร มีมังกรพันเสาทั้งหมด ๙ ตัว หมายถึงดาวนพเคราะห์ ๙ ดวง
เนื่องจากวิหารแห่งนี้มีรูปปั้นมังกรจีน มากถึง ๒,๘๔๐ ตัว จึงเชื่อกันว่า ที่นี่เป็น ศูนย์รวมแห่งพลังมังกร อันยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองไทย
วิหารเทพสถิตพระกิติเฉลิม นอกจากเป็นสถานที่ประดิษฐานองค์เทพของชาวจีนอย่างมากมาย รวมทั้งรูปปั้น มังกรจีนอันงดงามอลังการแล้วสถานที่แห่งนี้ยังเป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจของผู้แสวงบุญทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นชาวจีนชาวไทย รวมทั้งชาวต่างประเทศ ที่ต่างพากันมาร่วมกิจกรรมการกุศลต่างๆ ที่ทางวิหารจัดขึ้น เนื่องในโอกาสวันสำคัญของชาวจีน อาทิ วันตรุษจีน เทศกาลกินเจเดือนเก้า วันเกิดขององค์เทพต่างๆ ฯลฯ
และกิจกรรมที่ช่วยเหลือสังคมส่วนรวมก็ได้จัดขึ้นเป็นประจำอาทิ สงเคราะห์ช่วยเหลือคนจน ไถ่ชีวิตโคกระบือให้ชาวนาเอาไปเลี้ยงเพื่อการเกษตร บริจาคโลงศพแก่ผู้ยากไร้ ฯลฯ
ทุกวันนี้วิหารแห่งนี้มีผู้เดินทางไปสักการบูชาองค์เทพต่างๆ และเยี่ยมชมความงดงามอลังการของสถาปัตยกรรมจีนโบราณ รวมทั้งร่วมบริจาคเงินทำบุญเป็นการกุศลตลอดวัน ผู้มีจิตศรัทธาสอบถามเส้นทางได้ที่โทร.๐-๓๘๓๙-๘๓๘๑-๔ หรือที่ www.najathai.net
ประวัติองค์เทพเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ (องค์พระจตุรพิธพรชัยเทพ) เป็นตำนานที่เล่าขานกันมาแต่ครั้งโบราณกาล สมัยปลายราชวงศ์เชียงต้นราชวงศ์จิว มี จิวบุ้นอ้วงเป็นฮ่องเต้ ในยุคนั้นผู้ที่นับว่าเป็นอัจฉริยะมี เกียงจื๋อเง้ (เกียงไท้กง) และหน่าจาซาไท้จื้อ องค์เทพผู้เป็นบุตรคนที่ ๓ ของแม่ทัพหลี่เจ๋ง กับนางฮิง บุตรคนโตชื่อ กิมจา และคนรองชื่อ บักจา มารดาตั้งครรภ์หน่าจาเป็นเวลานานถึง ๓ ปี ๖ เดือน จึงคลอดออกมาเป็นก้อนเนื้อกลมๆ ที่ห่อหุ้มไว้ด้วยเนื้อเยื่อและรกพันเต็มไปหมด ยังความประหลาดใจแก่ผู้เป็นบิดามารดายิ่งนักแม่ทัพหลี่เจ๋งจึงใช้กระบี่ฟันก้อนเนื้อนั้น ปรากฏว่าภายในก้อนเนื้อเป็นเด็กทารกเพศชาย ในมือขวาถือห่วงทองคำและรอบตัวพันด้วยผ้าแพรสีแดง
ในขณะนั้นมีนักพรตท่านหนึ่งมีนามว่า ไท้อิกจิงยิ้ง ซึ่งบำเพ็ญศีลภาวนาอยู่ ณ ยอดเขาได้มาเห็นบุคลิกลักษณะของเด็กน้อย ก็เกิดความชื่นชมพร้อมกับบอกว่า ห่วงทองและผ้าแดงที่ติดตัวมานั้น เป็นของศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้มีบุญญาบารมีสูง พร้อมกับรับเด็กน้อยไว้เป็นศิษย์ โดยตั้งชื่อให้ว่า "หน่าจา" เพื่อถ่ายทอดวิชาให้ต่อไป
0 แล่ม จันท์พิศาโล 0