ยังมีเรื่องเล่าถึงอภินิหารของหลวงพ่อกลั่นกันปากต่อปากว่า ในครั้งหนึ่งเมื่อสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น ที่คลองข้างวัดของท่านมีปลาปักเป้าชุกชุม ลูกศิษย์วัดมาลงอาบน้ำจะถูกปลาปักเป้ากัดบ่อยๆ เดือดร้อนหลวงพ่อต้องหายามารักษา อยู่มาวันหนึ่งหลวงพ่อได้สั่งให้เด็กลงเล่นน้ำ เพื่อล่อให้ปลาปักเป้ากัด ปลาปักเป้าก็กัดติดเนื้อเด็กอย่างไม่ปล่อย แต่เด็กที่เป็นเหยื่อล่อปลากลับไม่มีบาดแผลสักคน จากนั้นหลวงพ่อจึงเอาปลาเหล่านั้นใส่ลงไปในถังน้ำ แล้วเอามือจุ่มลงไปในถัง คนอยู่พักเดียวก็เอาปลาไปปล่อยริมคลองหน้าวัดเหมือนเดิม และเป็นที่อัศจรรย์คือตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีเด็กวัดถูกปลาปักเป้ากัดอีกเลย
หลวงพ่อกลั่นท่านเชี่ยวชาญวิชาหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นวิชาฟันดาบหรือต่อสู้ด้วยเพลงอาวุธแบบโบราณ และยังมีวิชาด้านอื่นที่ขลังและศักดิ์สิทธิ์อีกมาก จนบางครั้งมีคนมาขอพบเพื่อลองวิชา ซึ่งหลวงพ่อท่านก็รู้ด้วยญาณของท่านว่า คนคนนี้มาลองดีกับท่าน เพราะอยากรู้ว่าหลวงพ่อกลั่นจะแน่จริง
เหมือนกิตติมศักดิ์ที่ร่ำลือกันหรือไม่ คราวหนึ่งได้มีนักเลงคนหนึ่งมาขอลองวิชากับหลวงพ่อด้วยปืนยาว หลวงพ่อก็ยินดีให้ทดสอบโดยโยนผ้าให้ยิง นักเลงผู้นั้นก็เหนี่ยวไกปืนยิงไม่ยั้ง แต่สิ่งที่ได้ยินมีเพียงเสียงไกปืนกระทบกับลูกกระสุนเท่านั้น ไม่มีเสียงระเบิดแต่อย่างใด คนลองดีถึงกับตะลึง แปลกใจแล้วพอหันกระบอกปืนยิงขึ้นฟ้า ลูกปืนกลับระเบิดเสียงดังสนั่น หลวงพ่อกลั่นบอกให้นักเลงผู้นั้นลองยิงอีกครั้ง ท่านก็โยนผ้าขึ้นฟ้า พอนักเลงผู้นั้นลั่นกระสุนออกไปก็ได้ยินเสียง "แชะๆ ๆ" เช่นเดิม ลูกปืนไม่ระเบิด นักเลงต่างถิ่นถึงกับก้มกราบหลวงพ่อกลั่นด้วยความศรัทธา และเป็นที่โจษขานกันทั่วอยุธยา
หลวงพ่อกลั่นท่านยังมีวิชาลูกเบา หรือวิชาชาตรี ซึ่งเป็นวิชาอยู่ยงคงกระพันวิชาหนึ่งของท่าน วิชาลูกเบาหรือวิชาชาตรีไม่มีการสักอักขระยันต์ แต่มีการชักยันต์ซึ่งมีบทคาถาแขกภาวนา ในขณะที่ศิษย์ได้รับการถ่ายทอดจากครู อาจารย์ จะโดนทุ่มด้วยของหนัก เช่น ก้อนหินที่มีน้ำหนักมากๆ อย่างหินลับมีด แต่ผู้ที่ได้รับการครอบวิชาจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเหมือนโดนทุ่มด้วยของเบาๆ แต่ถ้าไม่ได้เรียนวิชานี้มา ถ้าโดนทุ่มขนาดนี้อาจจะคอหักตาย ผู้ที่มาขอฝากตัวเป็นศิษย์จึงโดนทุ่มด้วยก้อนหินเป็นการขึ้นครูทุกคน
อำนาจจิตของหลวงพ่อกลั่นนั้นมากมาย เรื่องนี้หลวงพ่ออั้นอุปัฏฐาก หลวงพ่อกลั่นได้เล่าให้ลูกศิษย์ฟังถึงครั้งที่เรียนวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อกลั่นว่า ขณะที่เรียนกรรมฐานนั้นหลวงพ่อกลั่นได้ให้หลวงพ่ออั้นไปนั่งปฏิบัติในโบสถ์ ขณะนั่งอยู่หลวงพ่ออั้นมองเห็นหลวงพ่อกลั่นจากในนิมิตว่า เห็นท่านเดินจากกุฏิมานั่งอยู่ตรงหน้า คอยสั่งสอนว่าผิดตรงไหนควรทำอะไร อย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องแปลกเพราะหลวงพ่ออั้นท่านก็รู้ว่า หลวงพ่อกลั่นท่านอยู่บนกุฏิ กำลังคุยเรื่องธุระกับญาติโยมที่มาหาท่าน แต่ท่านก็ยังแบ่งร่างมาสอนหลวงพ่ออั้นในโบสถ์ได้
หลวงพ่อกลั่น เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีวิชาอาคมขลัง ลูกศิษย์ของท่านที่มีชื่อเสียงก็คือ อาจารย์เฮง ไพรวัลย์, หลวงปู่สี วัดสะแก, กรมหลวงชุมพรฯ
หลวงพ่อกลั่นมรณภาพเมื่อ พ.ศ.2477 เล่ากันว่าในวันที่หลวงพ่อจะมรณภาพ อีกานับร้อยพันตัวมาออกันทั่ววัด ส่งเสียงระเบ็งเซ็งแซ่ พอหลวงพ่อสิ้นลม อีกาเหล่านั้นเงียบเสียงเป็นปลิดทิ้ง แล้วโผบินจากไปเป็นกลุ่มๆ ครั้นพอถึงวันฌาปนกิจ ร่างหลวงพ่อกลั่นรุ่งขึ้นมีการทำบุญอัฐิ อีกาของหลวงพ่อก็กลับมาอีกครั้ง เป็นครั้งสุดท้าย พวกมันบินมาเกาะที่เชิงตะกอน และบริเวณลานวัด จากนั้นก็พากันบินวนไปรอบๆ อยู่ 3 รอบ และตั้งแต่วันนั้นก็ไม่มีใครได้เห็นอีกาที่วัดพระญาติการามอีกเลย
เหรียญหลวงพ่อกลั่น เหตุที่สร้างเหรียญขึ้นมาก็เพราะอุโบสถเก่าวัดพระญาติ ได้ชำรุดทรุดโทรมลงไปมาก
ด้านหน้าเหรียญ เป็นรูปหลวงพ่อกลั่นนั่งขัดสมาธิอยู่บนตั่งขาสิงห์ล้อมรอบด้วยอักขระ "นะโมพุทธายะ" มีกนกข้างซ้ายและขวา กรอบนอกเป็นเม็ดไข่ปลาโดยรอบซ้อนกัน 2 ชั้น และมีอักขระว่า หลวงพ่ออุปัชฌายะ (กลั่น) วัดพระญาติ ด้านบนอ่านตามขวางว่า พ.ศ. ๒๔๖๙
ด้านหลัง ตรงกลางเป็นยันต์เฑาะขัดสมาธิ มีอักขระขอม 4 ตัว พุทธะสังมิ ด้านล่างสุดมีตัว นะ ล้อมรอบด้วยอักษรไทย ที่รฤกในการปฏิสังขรณ์อุโบสถ หลวงพ่อกลั่นมรณภาพวันที่ 21 ก.ค. 2477 อายุ 87 ปี 60 พรรษา 