พระเพชรหลีก ท่านเจ้าคุณทักษิณคณิศร วัดอินทาราม (วัดใต้)
สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน วันนี้เห็นรูปพระเพชรหลีกของท่านเจ้าคุณทักษิณคณิศร วัดอินทาราม (วัดใต้) ตลาดพลู ในหนังสือลานโพธิ์ ซึ่งเป็นพระที่สวยมากองค์หนึ่งจึงอดมิได้ที่นำมาให้ชมกันครับ พระเพชรหลีกนี้เป็นพระที่เด่นทางด้านแคลวคลาดสูงมาก ประกอบด้วยคติการสร้างของท่านเจ้าคุณฯ ด้วยแล้วเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง

ประวัติท่านเจ้าคุณทักษิณคณิศร วัดใต้ เดิมชื่อสาย เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2397 โยมบิดาชื่อบัว โยมมารดาชื่อแจ่ม พื้นเพเป็นคนทางสมุทรสงคราม ท่านบวชเณรที่วัดราชบูรณะ อำเภออัพวา จ.สมุทรสงคราม และได้เข้าเรียนหนังสือและศึกษาพระธรรมจากสำนักท่านอาจารย์แก้ว ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2418 จึงได้อุปสมบท ณ วัดราชบูรณะเช่นกัน โดยมีพระอธิการ เพ็ง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ศรี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลังจากนั้นอีก 2 พรรษาจึงได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสุทัศนเทพวราราม กทม. และได้ฝากตัวเป็นศิษย์ สมเด็จพระวันรัต (แดง) ซึ่งเชี่ยวชาญในด้านวิปัสสนาธุระ ต่อมาในปี พ.ศ.2432 ท่านก็ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่ พระครูสุนทรศีลวัตร ตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดโพธิ์นิมิตร และในปี พ.ศ. 2442 ท่านเจ้าคุณฯ ก็ได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเป็นที่พระทักษิณคณิศร บวรสังฆสุทธิการวิจารณโกศล สกลสังฆนายก ปิฎกธรรมรักขิต พระราชาคณะสถิต ณ วัดโพธิ์นิมิต และต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2447 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะปราจีนบุรี ต่อมาได้ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดอินทราราม (ใต้) ในปี พ.ศ. 2466 จนกระทั่งมรณภาพในปี พ.ศ. 2484 สิริอายุได้ 88 ปี พรรษาที่ 66 ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้นท่านได้สร้างพระเครื่องไว้อย่างหนึ่งที่ เรียกว่าพระเพชรหลีก เนื่องจากได้เห็นเมล็ดข้าวเปลือกในจานข้าวของท่าน ท่านก็ได้หยิบขึ้นมาพิจารณา ว่าข้าวเปลือกนั้นยังคงสภาพดีเหมือนกับยังอยู่กับต้นข้าว คือเปลือกก็มิได้แตกออกจากการถูกความร้อนในการหุงต้ม ท่านจึงพิจารณาดูว่าข้าวเปลือกกว่าจะมาเป็นเมล็ดข้าวนั้นต้องผ่านการรอดจากนกหนูมากิน จนไปถึงโรงสี ก็ยังหลุดรอดจากการสีมาได้ เมื่อมาถึงชาวบ้านก่อนจะทำการหุงต้มก็ต้องคัดเอาข้าวเปลือกออก ก่อนแล้วจึงนำมาหุงก็ยังเล็ดลอดมาได้ มาจนถึงใส่บาตรและนำมาให้พระฉัน ก็ยังอยู่ดี แถมไม่แตกออกเพราะการหุงด้วยความร้อนอีก ถือเป็นอุปเท่ห์ในเรื่องแคล้วคลาด

ท่านจึงเก็บเมล็ดข้าวเปลือกไว้ และท่านก็สั่งให้พระเณรในวัดถ้าพบเห็นข้าวเปลือกตามลักษณะนี้ในจานข้าวก็ ให้เก็บไว้ให้ด้วย เพื่อจะนำมาเป็นส่วนประกอบในการสร้างพระเมื่อได้เมล็ดข้าวเปลือกมากพอสมควร ท่านก็ได้ทำผงวิเศษพุทธคุณไว้ พร้อมทั้งผงใบลานเผาจากคัมภีร์โบราณที่ชำรุดอีกส่วนหนึ่ง และก็ให้พระเณรภายในวัดช่วยกันกดพิมพ์พระ โดยใช้เนื้อที่ผสมแล้วนำไปกดลงในพิมพ์ส่วนหนึ่ง จากนั้นก็ให้เอาข้าวเปลือกที่เก็บไว้นำมาเรียงลงไปอีกองค์ละ 5 เมล็ด จากนั้นก็นำเนื้อมากดทับลงไปอีกทีหนึ่ง หลังจากนั้นท่านจะจารอักขระขอม คำว่า นะโม พุทธา ยะ ลงที่ด้านพระทุกองค์ เมื่อองค์พระแห้งดีแล้วท่านก็จะนำไปปลุกเสกเดี่ยวที่ในพระอุโบสถอีกครั้งหนึ่ง จึงนำมาแจกให้แก่ศิษยานุศิษย์และเมื่อได้เมล็ดข้าวเปลือกพอสมควรท่านก็จะสร้างพระทีหนึ่ง

พระของท่านมีอยู่สองพิมพ์คือ พิมพ์สมาธิเพชร และพิมพ์สมาธิราบ พระยอดขุนพลนิรันตราย" แต่ที่ด้านหลังนั้นท่านจะจารอักขระด้วยตัวเองทุกองค์ไป พระเพชรหลีกที่เหมือนกับของท่านเจ้าคุณทักษิณฯ ก็มีคือพระเพชรหลีกของท่านเจ้าคุณศรีฯ วัดอ่างศิลา ชลบุรี ท่านเจ้าคุณทั้งสองรูปนั้นสนิทสนมกันมาก และท่านเจ้าคุณทักษิณฯ ได้แนะนำให้ท่านเจ้าศรีฯ วัดอ่างศิลา สร้างพระเพชรหลีก เพื่อแจกแก่ศิษย์ พิมพ์ทรงและขนาดของพระใกล้เคียงกันมาก สันนิษฐานว่า ท่านเจ้าคุณทักษิณจะนำแม่พิมพ์มาให้ท่านเจ้าคุณศรีฯ สร้างพระเพชรหลีก พุทธคุณของทั้งสองวัดเด่นทางด้านแคล้วคลาดเหมือนๆ กันครับ ผิดกันที่ด้านหลังของท่านเจ้าคุณทักษิณฯ จะจารอักขระนะโม พุทธา ยะ ด้วยตัวท่านเอง ส่วนของท่านเจ้าคุณศรีฯ วัดอ่างศิลานั้น ส่วนใหญ่จะมีปั๊มยันต์กระบอกไขว้ที่ด้านหลัง แบบหลังเรียบและหลังจารก็มีแต่เป็นส่วนน้อยครับ

ข่าวพระเครื่องวันนี้จึงนำพระเพชรหลีก ของท่านเจ้าคุณทักษิณฯ ทั้งพิมพ์สมาธิเพชรและพิมพ์สมาธิราบมาให้ชมกันครับ ข่าวสด