พระเครื่อง อมูเลทตั้มศรีวิชัย ตลาดพระเครื่องรางของขลัง สวนไผ่สกลนคร หน่อไม้น้ำ หญ้าหวานอิสราเอล วันตรุษจีน2567
>...ตั้มศรีวิชัย TumAmulet ...< Thailand Amulet Charms |
คำแนะนำจากตำรวจเมื่อถูกโกง |
เงื่อนไขการรับประกัน การันตีพระเครื่อง |
สารบัญพระเครื่องเมืองนคร |
ทำเนียบพระกรุเมืองนคร |
ทำเนียบพระเครื่องเมืองนคร |
ชมรมพระเครื่อง |
บูชาพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง Amulets Charms Talismans |
ตลาดพระ amulet for you |
เช่า-บูชา เครื่องรางของขลัง |
พระหลวงปู่ทวด วัดต่างๆ |
จตุคาม-รามเทพ หลักเมืองนคร Jatukamramtep (Jatukarm) |
หลักเมืองนครศรีธรรมราช |
จตุคาม ของดีนำมาโชว์ |
บทความ น่ารู้องค์พ่อจตุคาม |
Jatukam Amulets |
บทความจตุคามรามเทพ |
ลิงค์น่าสนใจ |
หนังสือพิมพ์ |
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน |
เทศกาล วันสำคัญ |
ดวง ดูดวง หน้าหลัก |
บทความดีๆ |
นิทานสอนใจ |
วัฒนธรรมไทย ประเพณีไทย |
บทสวดมนต์ สำหรับชาวพุทธ |
พระเครื่อง นานาสาระ |
พระพุทธรูปสำคัญของไทย |
คาถา-อาคม พระคาถาอาคม |
พระพุทธรูปปางต่างๆ |
พุทธศาสนสุภาษิต |
ข่าวพระเครื่อง |
บทความพระเครื่อง |
Thai Buddha Amulets |
ข่าวพระพุทธศาสนา |
ข่าวเครื่องรางของขลัง |
สาระพระเครื่องไทย |
ประวัติพระวิปัสสนาจารย์ |
สวนไผ่ พันธุ์หญ้า ธนภัทรสกลนคร สินค้าเกษตรออนไลน์ ไผ่สายพันธุ์ต่างๆ ไผ่ข้าวหลามกาบแดง ไผ่ซางหม่น หน่อไม้น้ำ หญ้าหวานอิสราเอล หญ้านรกจักรพรรดิ์ หญ้าเนเปียร์ปากช่อง1 หญ้าเนเปียร์แคระ หญ้าเนเปียร์ท้ายเขื่อนซุปเปอร์ลีฟ สะสมพระเครื่อง แต่ใจรักเกษตรผสมผสาน
|
เสียงสวดจากพระ ถึง...นโยบายพรรค-นโยบายพุทธ มีข่าวมาบอก คมชัดลึก เสียงสวดจากพระ ถึง...นโยบายพรรค-นโยบายพุทธ มีข่าวมาบอก โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่๒๓ ธันวาคม นี้ทุกพรรคการเมืองต่างสรรหานโยบายและกลยุทธ์เพื่อที่จะเอาชนะพรรคคู่แข่งชนิดที่เรียกว่า "สุดยอดนโยบาย" และ"นโยบายประชานิยม" น่าจะเป็นนโยบายที่ทุกพรรคหยิบขึ้นมาสร้างจุดขายให้พรรคตัวเอง แต่นโยบายประชานิยม กลับไม่เป็นที่นิยมของพระสงฆ์ ทั้งนี้พระสงฆ์ที่เป็นแกนนำและขึ้นชื่อเป็นพระนักเทศน์ฝีปากกล้า มีเสียงสวดถึงนโยบายพรรค กับนโยบายพุทธ ไว้อย่างดุดเดือดว่า "พรรคการเมืองส่วนใหญ่ไม่มีนโยบายทางพุทธศาสนาอย่างชัดเจน ถ้าหากเกรงว่า จะกระทบศาสนาอื่นก็น่าจะมีนโยบายเรื่องการส่งเสริมศีลธรรมให้เกิดขึ้นในประเทศชาติให้ชัดเจนก็ได้ เป็นเรื่องแปลกที่ไม่มีใครพูดเรื่องศีลธรรมและหน้าที่พลเมือง ซึ่งเป็นพื้นฐานความสงบสุขของบ้านเมือง และหากจะถามพระว่า ควรเลือกพรรค หรือใครดี เป็นเรื่องลำบากที่แนะนำให้เลือก เพราะไม่มีใคร หรือพรรคใด ที่มีนโยบายทางพุทธศาสนาอย่างชัดเจน" นี่คือเสียงสวดจาก พระธรรมกิตติเมธีกรรมการมหาเถรสมาคมและโฆษกมหาเถรสมาคม ในขณะที่เสียงสวดจาก พระเทพวิสุทธิกวีเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย บอกว่ารู้สึกว่า พรรคระดับกลางจะมีนโยบายทางพุทธศาสนาค่อนข้างชัดเจน แต่พรรคใหญ่จะคลุมเครือ ไม่ค่อยให้ความสำคัญต่อพระพุทธศาสนา ทั้งนี้เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม ในงานเสวนา "แนวนโยบายในการพิทักษ์ ปกป้อง อุปถัมภ์ ส่งเสริม พระพุทธศาสนา" ที่ศูนย์พิทักษ์จัดขึ้นพรรคใหญ่ไม่ค่อยให้ความสำคัญ ประชาธิปัตย์ครั้งแรกไม่ส่ง ต้องตื๊อให้มาร่วมงาน ส่งคนไม่มีบทบาทในพรรคมาร่วมงาน ในขณะที่พรรคประชามติ ของ นายประมวล รุจนเสรี หัวหน้าพรรคเดินทางมาเอง นโยบายทางพุทธพรรคเพื่อแผ่นดินไทย และความหวังใหม่ ค่อนข้างจะชัดเจน รวมทั้งมัชฌิมาธิปไตย นอกนั้นค่อนข้างคลุมเครือ แต่ละพรรคมีน้อยมีมากต่างกันไป ในการเสวนา ได้ขอให้ลงประชามติผู้ฟังประมาณ ๒๗๐ คน ปรากฏว่า พรรคเพื่อแผ่นดินไทย ได้รับความให้ความสนใจพุทธศาสนาเหนือกว่าพรรคอื่นๆ "รู้สึกสังเวชใจกับพรรคใหญ่ ที่ให้ความสนใจทางพุทธศาสนาน้อยมาก ไม่ทราบว่ายังหวังนโยบายประชานิยมมากกว่า ขณะเดียวกัน มองว่าพระไม่มีสิทธิลงคะแนน จึงไม่ให้ความสำคัญ จริงๆ แล้วพระถือว่า เป็นผู้ที่ให้ความสว่างทางการเมือง โดยการให้แนวคิดที่ถูกต้อง ส่งเสริมแนวนโยบายที่ถูกต้อง พอถึงการเลือกตั้ง นักการเมืองก็ไปหาพระ ต่างศาสนายังมาขอพึ่งบารมีพระ" ในขณะที่เสียงสวดจากพระนักเทศน์ คอการเมือง พระราชญาณวิสิฐ หรือที่รู้จักกันในนาม "หลวงป๋า" เจ้าอาวาส วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม บอกว่าพรรคการเมืองส่วนใหญ่หยั่งไม่ถึงความสำคัญของพระพุทธศาสนาว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะเอาออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนทุกหมู่เหล่าอย่างไร และความจะมีนโยบายอย่างเข้มแข็งจริงจังต่อเนื่องในการอุดหนุนและสนับสนุนการเอาธรรมะมาใช้กับชีวิตจริง เช่น ให้ข้าราชการทุกหมู่เหล่า รวมทั้งนักการเมือง ได้รับการศึกษาศีลธรรมให้มากขึ้นและอย่างต่อเนื่อง แล้วให้ถือเป็นคุณสมบัติสำคัญในการพิจารณารับสมัคร แต่งตั้ง เลื่อนชั้น เลื่อนตำแหน่ง และกำหนดให้เป็นคุณข้อหนึ่งของนักการเมือง "ไม่มีนโยบายใดที่เรียกว่าเข้าพระเลยแม้แต่พรรคเดียว จะมีคำว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญยังมีไม่ได้ และถูกขัดขวางจากคนใจบาป ถ้ามีพรรคใดระบุในนโยบายว่า จะผลักดันให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ และจะให้ความคุ้มครองสนับสนุนป้องกันอย่างจริงจัง พรรคนั้นจะโดนใจชาวไทยเป็นส่วนใหญ่" หลวงป๋า กล่าว ส่วนเสียงสวดจากสำนักสันติอโศกนั้น สมณะเพาะพุทธจันทเสฏโฐ (ท่านจันทร์) ผู้บริหารมูลนิธิเพื่อนช่วยเพื่อน บอกว่า เท่าที่ได้ยินได้ฟังการประกาศไปจนถึงการประกวดนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆไม่ว่าจะเป็นพรรคเก่าแก่ ไปจนถึงพรรคนอมินี ล้วนมีความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ "นโยบายเอากิเลสมาล่อ" ให้ประชาชนเกิดความอยากที่จะเป็นผู้รอรับอย่างหิวโหย เพื่อที่พรรคการเมืองจะได้มีโอกาสเป็นผู้ให้แบบบูมเมอแรง เหมือนที่เคยทำ จนเป็นยาเสพติดประชานิยมมาแล้วในรัฐบาล "ลดแลก แจก แถม" ชุดที่ถูกทำให้มีอันเป็นไป "นโยบายที่น่าจะประกาศและประกวดกันก็คือ มาตรการสร้างระบบสังคมแบบพึ่งตนเอง ไปจนถึงนโยบายแห่งการพึ่งพาซึ่งกันและกันในกลุ่ม หรือในชุมชนใกล้เคียง นโยบายที่จะลดเงินเดือนข้าราชการการเมืองและข้าราชการประจำ เพื่อเพิ่มงบประมาณพัฒนาประเทศให้มากขึ้น รวมไปถึงนโยบายที่เสริมสร้างคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม อย่างเป็นรูปธรรม โดยนำไปสู่การสร้างจิตสำนึกใหม่ ในสังคมที่มองเห็นความดีเหนือกว่าความมี เพราะในความคิดแบบพุทธเราถือว่า "ความมีเอาไปไม่ได้ ความดี เอาไปได้"..." ท่านจันทร์ กล่าว
สวดกับเทศน์ พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตฌช ป.ธ.๙, ราชบัณฑิต)อธิบายความหมายไว้ในพจนานุกรม เพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ชุด "คำวัด" ได้ให้ความหมายของคำว่า "สวด" หมายถึงการว่าออกเสียงเป็นทำนอง,การว่าบทมนต์โดยออกเสียงที่เป็นภาษาบาลี อันมีมาในพระไตรปิฎกบ้าง แต่งขึ้นภายหลังโดยพระเถระผู้เป็นนักปราชญ์บ้าง เช่น เจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน โดยเรียกรวมว่า สวดมนต์ นอกจากนี้แล้วสวดมีการแยกเรียกพิเศษต่างหากคือ ถ้าสวดมนต์ในงานที่เป็นมงคลเรียกว่า เจริญพระพุทธมนต์ในงานอวมงคลคือ งานที่เกี่ยวกับการตาย เรียกว่า สวดพระพุทธมนต์ ส่วนสวดในคำไทยมักใช้เป็นสำนวนพูดในความหมายว่านินทา, บ่นว่า, ดุด่า, ว่ากล่าวตักเตือน เช่นใช้ว่า "วันนี้แต่งตัวไปโรงเรียนไม่เรียบร้อยเลย โดนครูสวดเสียพักใหญ่" สำหรับความหมายของ "เทศน์" และ "เทศนา" (อ่านว่า เทสะนา, เทดสะหนา) มีความหมายเหมือนกัน คือ การถ่ายทอดธรรมอันเป็นคำสั่งสอนทางศาสนา ด้วยการแสดงชี้แจงให้ฟัง เป็นการเผยแผ่ศาสนาแบบหนึ่ง ที่นิยมมาแต่สมัยพุทธกาล การเทศน์ว่าโดยทำนองมี๒ แบบ คือ ๑.เทศน์ธรรมวัตรคือเทศน์โดยใช้เสียงและทำนองเป็นปกติ เหมือนอ่าน หรือพูดธรรมดา ไม่ได้ออกเสียงและทำนองไพเราะ ด้วยการขับขาน มุ่งให้เข้าใจในเนื้อหาธรรมะ เพื่อให้นำไปปฏิบัติได้เป็นสำคัญ เรียกว่า เทศน์ทำนองธรรมวัตรก็ได้ ๒.เทศน์แหล่คือเทศน์โดยใช้เสียง และทำนองที่มุ่งความไพเราะเป็นสำคัญ เช่น เทศน์มหาชาติ เทศน์แหล่ ซึ่งมีทั้งแหล่ใน คือเรื่องในมหาชาติ และแหล่นอก คือ เรื่องอื่นๆ ที่นำมาเสริม โดยมุ่งความสุนทรีย์ เช่น แหล่ชมนก แหล่ชมดง แหล่หญิงม่าย ส่วนการเทศน์แจงคือการเทศน์เรื่องการทำสังคายนาครั้งแรก ในพระพุทธศาสนา เนื้อหาของการเทศน์แจง คือ ขยายความข้อธรรม และข้อวินัยในพระไตรปิฎกโดยย่อให้เป็นกิริยาบุญ นิยมเทศน์ในงานศพของผู้ใหญ่ โดยถือคติว่า การเทศน์แจงเป็นบุญใหญ่ เป็นการรักษาพระธรรมวินัยไว้ เป็นการเลียนแบบการทำสังคายนาครั้งแรก ซึ่งมีผลทำให้รักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้มาตราบเท่าทุกวันนี้ 0เรื่อง ไตรเทพ สุทธิคุณ 0 |