
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ตลาดนัดกล้วยกล้วย จ.ลพบุรี ได้มีการจัดนิทรรศการประกวดพระเครื่องพระบูชา และเหรียญคณาจารย์ จ.ลพบุรี ครั้งที่ 13 จัดโดยชมรมพระเครื่องเมืองละโว้ และสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย เป็นงานใหญ่ที่เซียนพระทั่วสารทิศ ให้ความสนใจร่วมกันอย่างคับคั่ง สำหรับ "นิทรรศการประกวดพระเครื่องพระบูชา และเหรียญคณาจารย์ จ.ลพบุรี" ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 2-4 พฤศจิกายน ที่เพิ่งผ่านพ้นไป (งานประกวดพระเครื่อง-พระบูชา ประจำปี 2555)
จัดโดย ชมรมพระเครื่องเมืองละโว้ สนับสนุนโดยสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายสมทบทุนสร้างห้องพยาบาลให้นักเรียน โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย การจัดนิทรรศการดังกล่าวในครั้งนี้ใช้พื้นที่ของตลาดนัดกล้วยกล้วย ติดมังกี้โลตัส เมืองลพบุรี บนพื้นที่ยิ่งใหญ่กว่า 70 ไร่ สามารถรองรับสถานที่จอดรถของผู้มาร่วมงานได้กว่า 5,000 คัน ทั้งนี้ตามปกติแล้ว ในแต่ละปี การจัดกิจกรรมประกวดพระเครื่องเมืองลพบุรี จะใช้สถานที่หอประชุมโรงเรียนพิบูลวิทยาลัย เป็นสถานที่จัดประกวด แต่สำหรับในปีนี้ ชมรมพระเครื่องเมืองละโว้ ได้รับการประสานจากนายตัน ภาสกรนที ประธานบริษัท กล้วย กล้วย จำกัด ให้มาจัดการประกวดพระเครื่องเมืองลพบุรี ครั้งที่ 13 ที่ตลาดนัดกล้วยกล้วย
เนื่องจากเห็นว่าสถานที่กว้างขวาง และมีกิจกรรมหลายอย่างอยู่ในสถานที่เดียวกัน ทำให้ผู้มาร่วมงานประกวดพระเครื่อง ได้รับสาระหลากหลายรูปแบบด้วยกัน อีกทั้ง ตลาดนัดกล้วยกล้วย มีทำเลที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการจัดงาน ด้วยตั้งอยู่ใจกลางเมืองลพบุรี ติดถนนใหญ่พหลโยธิน เดินทางสะดวกเพียง 90 นาที จากกรุงเทพฯ พร้อมพรั่งด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย บนพื้นที่กว่า 70 ไร่ อาทิ โลตัส ลพบุรี, ศูนย์การค้ามังกี้มอลล์ แถมยังมียามรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ศูนย์รวมร้านอาหารอร่อยจากทั่วประเทศ ห้องน้ำสะอาดขนาดใหญ่ ที่จอดรถสะดวก การจราจรเข้าออกได้ถึง 4 เส้นทาง
บรรยากาศภายในงานเป็นไปด้วยความคึกคัก มีเซียนพระ ผู้ที่นิยมพระเครื่องจากทั่วประเทศ เดินทางมาร่วมงานอย่างล้นหลาม เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมงานประกวดพระเครื่อง โดยมีการประกวดพระเครื่องที่ได้บรรจุไว้ในรายการถึง 1,230 รายการ จัดเป็นโต๊ะประกวดถึง 41 โต๊ะ มีผู้ให้ความสนใจมาร่วมชมการประกวดกันเนืองแแน่น เพื่อได้ยลพระเครื่องเก่าล้ำค่าที่หาดูได้ยากและมีราคาเช่าบูชาแพงมาก
ทั้งนี้ ภายในงานนิทรรศการและการประกวด ยังได้มีการจัดกิจกรรมเสวนาเซียนจตุคามฯ วิเคราะห์เจาะลึกกระแสทิศทางการสะสม โดยมีผู้เชี่ยวชาญและเซียนพระชื่อดังทำการวิเคราะห์สถานการณ์ล่าสุดของ กระแสวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ ประกอบด้วย จ่าโกวิท แย้มวงษ์ เจ้าของร้านพระเครื่องอภินิหาร และสุวัฒน์ บุญรอด หรือ "กบ จตุคาม" เจ้าของศูนย์พระเครื่องมหาราชมงคล ตลาด อ.ต.ก.3 จ.นนทบุรี โดยมี อนุชา ทรงศิริ เป็นผู้ดำเนินรายการ
จ่าโกวิท กล่าวเริ่มต้นว่า ปัจจุบัน ในตลาดพระเครื่องวัตถุมงคล ยอดการสั่งจองเช่าบูชาจตุคามรามเทพมีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัด หากเรามองจากตรงจุดนี้ คงต้องยอมรับว่ากระแสจตุคามรามเทพในประเทศไทยได้ตกลงไปแล้ว แต่สำหรับผู้ที่มีความนิยมหรือศรัทธาในองค์จตุคามรามเทพ มิได้ขึ้นอยู่กับกระแสเป็นด้านหลัก ยังคงให้ความศรัทธาและติดตามในการสั่งจองบูชาอยู่ แต่เป็นไปในลักษณะจำกัดวงเฉพาะกลุ่ม แต่ถึงแม้ว่ากระแสจตุคามฯ จะลดลง แต่ลดลงในการสั่งจองเช่าบูชาเท่านั้น ถ้ามีคนนำมาแจกฟรี ก็จะมีประชาชนมารอรับแจกกันอย่างเนืองแน่นเช่นเดิม ปัจจัยที่ทำให้กระแสจตุคามฯ เริ่มวูบลง นอกจากการที่มีผู้สร้างจตุคามฯ จำนวนมาก ทำให้จตุคามฯ ล้นตลาดแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งคงมาจากเรื่องของปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น
"ทุกวันนี้ กระแสความนิยมจตุคามฯ เริ่มซบเซา จำนวนการสร้างเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้สร้างในระยะหลัง เมื่อสร้างออกมาแล้ว ปรากฏว่ายอดการเช่าบูชาไม่ขึ้น ไม่ได้รับความนิยมในหมู่นักสะสม ผู้สร้างหลายรายต้องเจ็บตัวอย่างหนัก ลงทุนไปด้วยเงินมิใช่น้อย แต่ต้นทุนคืนยังไม่ได้คุ้มเลยด้วยซ้ำ ขาดทุนย่อยยับ จึงขอเตือนผู้ที่คิดจะสร้างในครั้งต่อๆ ไปว่า ใครที่คิดจะสร้างจตุคามฯ ตอนนี้ ถ้าไม่มีทุนที่มากพอหรือศักยภาพไม่ถึง ไม่เป็นคนที่กว้างขวาง เป็นที่รู้จักหรือมีความน่าเชื่อถือในแวดวงวัตถุมงคล หากสร้างออกมาแล้ว โอกาสจะฟุบลงมีมากอย่างแน่นอน ถ้าเป็นไปได้ ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดสร้างเลย บางคนสร้างออกมาแล้ว แค่ทำให้ได้ทุนคืน ยังเป็นเรื่องยาก การสร้างจตุคามฯ รุ่นหนึ่งขึ้นมา ต้องใช้ทุนอย่างน้อย 2-3 ล้านบาท หรือมากกว่านั้น ขอย้ำว่าการสร้างจตุคามฯ เป็นเรื่องที่เหน็ดเหนื่อย มิใช่เรื่องง่ายๆ เลยทีเดียว" จ่าโกวิท กล่าว
นายสุวัฒน์ กล่าวเสริมว่า ถึงแม้กระแสจตุคามรามเทพในประเทศไทย เริ่มมีลดลง แต่ความนิยมต้องการในจตุคามรามเทพบางรุ่น ยังคงมีอยู่ตลอด อาทิ จตุคามฯ รุ่นปี 2530 ซึ่งเป็นรุ่นคลาสสิค หรือรุ่นปี 2547 รุ่นเจดีย์ราย รุ่นปฐมอรหันต์สุวรรณภูมิ เป็นต้น ยังเป็นที่ต้องการของตลาดพระ ส่วนราคาในการเช่าบูชาจะลดลงหรือไม่ เราไม่สามารถกำหนดเป็นตัวเลขตายตัวได้แน่นอน เนื่องจากการเช่าบูชาถือเป็นความพึงพอใจระหว่างผู้เช่าและผู้ขอเช่าเท่านั้น อย่างไรก็ดี เมื่อความต้องการครอบครองในหมู่นักสะสมยังมีอยู่ที่รุ่นยอดนิยม อย่างปี 2530 การศึกษาหาความรู้ในการดูจตุคามฯ ปี 2530 ว่าเป็นของแท้หรือของปลอมยังเป็นสิ่งจำเป็น ต้องอาศัยระยะเวลา หาองค์ที่เป็นของแท้มาศึกษาให้ละเอียด ลองถามจากผู้รู้และหัดใช้เวลาตรวจดูเนื้อพระเป็นประจำ
"การส่องดูเนื้อจตุคามฯ จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก เพราะเป็นพระใหม่ มีอายุไม่ได้ยาวนาน สำหรับคนที่เช่าบูชามาจำนวนมาก เพื่อมาเก็งกำไร ถึงตรงนี้แล้ว คงเป็นเรื่องยาก เพราะกระแสเริ่มไม่บูม แต่ผมขอแนะนำให้เราลองหันมาเช่าบูชาพระเก็บไว้ 1-2 องค์ เพื่อการสะสม คนที่มีนิสัยชอบเก็บสะสมพระเครื่อง จะมีพระอยู่หลายแบบ เวลาว่างจะมานั่งส่องดูเนื้อ ดูความงามของพุทธศิลป์ ได้ทั้งความสุขและเป็นการศึกษาเนื้อพระไปด้วย ตัวผมเองก็เก็บสะสมจตุคามฯ ไว้ทุกรุ่น เพื่อดูความสวยงาม ถ้าเราทำตรงนี้ได้ จะไม่เครียด แถมเป็นการเช่าบูชาช่วยวัดทำบุญด้วย" กบ จตุคาม กล่าว
นอกจากนี้ นายตัน ภาสกรนที ประธานบริษัท กล้วย กล้วย จำกัด หรือ "เสี่ยตัน โออิชิ" ในฐานะเจ้าของสถานที่ตลาดนัดกล้วย กล้วย กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมดีๆ เนื่องจากสถานที่ของเรามีความพร้อมและทำเลที่ดี เห็นได้ว่างานประกวดพระเครื่อง ได้รับความนิยมอย่างสูง มีคนเข้าร่วมกิจกรรมกันมากมาย ถือเป็นกิจกรรมที่ดีที่เราพร้อมให้การสนับสนุน "โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในการตรวจดูพระเครื่องว่าเป็นของจริงหรือเก๊แต่ อย่างใด แต่ผมนิยมเช่าบูชาพระเครื่องดีๆ ไว้ไปมอบให้บุคคลที่เคารพนับถือหรือเป็นของขวัญแจกเพื่อนฝูงเท่านั้น แต่ถ้ามีใครมาให้ผมจัดสร้างพระหรือองค์จตุคามฯ ผมไม่เอาแน่ เพราะไม่ใช่สิ่งที่เราถนัด ถ้าให้เราเช่าบูชาเพื่อช่วยสนับสนุนปัจจัยสมทบทุนสานปณิธานผู้สร้างให้ สำเร็จตามวัตถุประสงค์ เราคงทำได้เพียงเท่านี้"งานนี้จบลงอย่างชื่นมื่น ทั้งผู้ร่วมงานและผู้จัดงาน 