พระเครื่อง อมูเลทตั้มศรีวิชัย ตลาดพระเครื่องรางของขลัง สวนไผ่สกลนคร หน่อไม้น้ำ หญ้าหวานอิสราเอล วันตรุษจีน2567

![]() |
>...ตั้มศรีวิชัย TumAmulet ...< Thailand Amulet Charms |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
สารบัญพระเครื่องเมืองนคร |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
บูชาพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง Amulets Charms Talismans |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
จตุคาม-รามเทพ หลักเมืองนคร Jatukamramtep (Jatukarm) |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
ลิงค์น่าสนใจ |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
พระเครื่อง นานาสาระ |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
สวนไผ่ พันธุ์หญ้า ธนภัทรสกลนคร สินค้าเกษตรออนไลน์ ไผ่สายพันธุ์ต่างๆ ไผ่ข้าวหลามกาบแดง ไผ่ซางหม่น หน่อไม้น้ำ หญ้าหวานอิสราเอล หญ้านรกจักรพรรดิ์ หญ้าเนเปียร์ปากช่อง1 หญ้าเนเปียร์แคระ หญ้าเนเปียร์ท้ายเขื่อนซุปเปอร์ลีฟ สะสมพระเครื่อง แต่ใจรักเกษตรผสมผสาน
|
อาลัย...หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ![]()
เคยรู้สึกกันไหมว่าการไปงานศพคือการไปสังสรรค์กับญาติ มิตรที่ไม่ได้เจอะเจอกันมานาน ขณะที่พระสวด คนก็นั่งคุยกันไป ระหว่างพักสวด ยังมีข้าวต้ม กระเพาะปลา ชา กาแฟ มาแกล้มการคุย พอพระสวดเสร็จ ต่างคนแยกย้ายกลับบ้าน ส่วนหนึ่งเพราะไม่มีใครเข้าใจความหมายของบทสวดในภาษาบาลี แต่ที่สำคัญคือไม่มีใครสนใจสาระที่แท้ของการไปงานศพ ผมเป็นชาวพุทธและไม่เคยคิดจะเปลี่ยนศาสนาทว่ารู้สึก ชื่นชมกุศโลบาย (อุบายอันเป็นกุศล) ของศาสนาคริสต์ ที่แปลบทสวดเป็นภาษาที่ เข้าใจง่าย แล้วยังฟังเพลินเพราะใส่ทำนองให้เป็นบทเพลงอันไพเราะ เช่นนี้ แล้ว พระเถระชั้นผู้ใหญ่ของชาวพุทธกำลังทำอะไร? ที่ผ่านมามีอยู่ไม่กี่วัด ที่ปฏิรูปงานศพจากความเคยชินเดิมๆ อย่างจริงจัง หนึ่งในจำนวนอันน้อยนิด คือวัดชลประทานรังสฤษฏ์ ที่มีหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เป็นแม่ทัพโบกธง ธรรมเด่นตระหง่าน ท่านไม่ถึงกับแปลบทสวดเป็นบทเพลงแต่เป็นที่รู้กันว่า แบบแผนงานสวดศพของวัดชลประทานฯ จะมีการแสดงธรรมเทศนาด้วยภาษาที่เข้าใจ ง่าย ให้ตระหนักในสัจธรรมของการเกิดแก่ เจ็บ ตาย เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง แล้ว พระจึงจะทำพิธีสวดแบบย่นย่อ รวมถึงงานบวชวัดนี้ก็เน้นบวชแบบประหยัด ตัด พิธีกรรมพะรุงพะรังออกหมด เพื่อให้เข้าถึงแก่นแท้แห่งพุทธะ มากกว่าจะบวชกัน แต่เปลือก เช่น"...การทำขวัญ แห่แหนสนุกสนานตัดหมด อาตมาให้บวชพร้อมกันที ละ 100 รูป...แล้วไม่ให้ซื้อดอกไม้ธูปเทียนเพราะรกวัดคิดดูว่า 100 คน ถ้า ซื้อหมดจะสูงท่วมหัวให้มีแต่ผ้า ไม่ให้มีงานเลี้ยง มานอนวัด โกนหัว ซ้อมบวช เท่านั้น..." (ปัญญานันทภิกขุ จาก"ศรัทธาแห่งชีวิต-ม.ล.ชูชาติกำภู) การละสังขารของ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ จึงถือเป็นการสูญเสีย " แม่ทัพธรรม"ของวงการพุทธศาสนา ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าท่านมีวัดชลประทานฯ เป็น ฐานที่มั่นสำคัญในการเผยแผ่แนวคิดเชิงปฏิรูป เป็นเวลานับ40 ปี ในวาระแห่ง การรำลึกและอาลัยการจากไปของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ บุคคลที่คนไทยพึงถวิลหาอีกท่าน หนึ่ง คือ ม.ล.ชูชาติ กำภู ในฐานะผู้นิมนต์หลวงพ่อ สู่ฐานที่มั่นอันงามสง่า แห่งนี้ตั้งแต่เมื่อ 47 ปีก่อน จนกล่าวได้ว่า ถ้าไม่มีท่านในวันนั้น ก็อาจ ไม่มีวัด "ทางเลือก" อย่างวัดชลประทานฯ ในวันนี้ พ.ศ.2503 ม.ล.ชูชาติ กำภู อธิบดีกรมชลประทาน ผู้ กำลังขับเคลื่อนโครงการใหญ่ของชาติ คือโครงการเขื่อนยันฮี (เขื่อนภูมิ พล) ได้พบกับภิกขุปัญญานันทะโดยบังเอิญขณะนำชาวต่างชาติไปชมฝายแม่แฝก อ.แม่ แตง ส่วนพระปัญญานันทะก็นำญาติโยมจากปักษ์ใต้ไปเที่ยวชมฝายเช่นกัน "...เดิน สวนทางกับท่านท่านยกมือไหว้...แล้วมาขออภัยที่เดินผ่านแล้วไม่รู้จักไม่ถือ ตัวเลยว่าเป็นข้าราชการระดับสูง นั่งพับเพียบกราบเรียบร้อย ท่านบอกอาตมา ว่า ผมสร้างวัดที่ปากเกร็ดหาพระเป็นสมภารไม่ได้ ที่หาได้ก็ไม่เหมาะ อยาก นิมนต์พระคุณท่านไปอยู่วัดชลประทานฯ ได้หรือไม่..." ภิกขุปัญญานันทะในขณะนั้นเป็นที่รู้จักในฐานะพระ นักเทศน์ชื่อดังจากปักษ์ใต้ แต่ขึ้นมาจำพรรษาที่วัดอุโมงค์ จ. เชียงใหม่ ตั้งแต่ปี 2492 เพื่อเผยแผ่ธรรมและฟื้นฟูวัดตามคำนิมนต์ของเจ้า ชื่น สิโรรส ราชนิกุลฝ่ายเหนือ เมื่อได้ฟังคำของอธิบดีหนุ่ม ท่านจึงต้อง ตัดสินใจกับชีวิตบนเส้นทางธรรมครั้งสำคัญ เพราะ "เดิมตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่า จะไม่เป็นสมภาร เว้นไว้แต่ว่า 1.เป็นวัดใหม่เอี่ยมถ้าเป็นสมภารก็เป็นรูป แรก 2.ถ้าเป็นวัดเก่า ก็ขอเป็นวัดร้างไม่มีพระ ที่วางเงื่อนไขอย่างนี้เพราะ ถ้าเราไปเป็นสมภารในวัดที่มีพระอยู่แล้ว เกิดความขัดแย้งจะปฏิรูปอะไรไม่ ได้ โดยเฉพาะหลวงตามีพวกมาก ชอบขัดแย้ง ทำงานไม่สะดวก แต่ถ้าไม่มีพระอยู่ ก่อนเลย เราจะปฏิรูปหรือวางรากฐานอะไรก็ทำได้สะดวกวัดนี้ (วัดชลประทานฯ) ที่ท่านอธิบดีมานิมนต์เข้าหลักเกณฑ์ที่ตั้งไว้ เลยรับเป็น สมภาร..." บวชแบบประหยัดสวดศพอย่างมีสาระ ไม่ปลุกเสกพระ ไม่ใบ้ หวย ไม่รดน้ำมนต์ ไม่ดูฤกษ์ดูยาม ต่อต้านไสยศาสตร์มนต์ดำ มุ่งชี้นำชาวพุทธ ให้รู้จักแกะเปลือกนอก เข้าให้ถึงแก่นแท้ของพุทธศาสนา สวนกระแสพุทธพาณิชย์ และวัตถุนิยมอย่างหาญกล้า โดยได้รับการสนับสนุนจาก ม.ล.ชูชาติ กำภู อย่าง แข็งขัน เพราะ "...เห็นเราทำแบบนี้ท่านพอใจเราพัฒนาทั้งวัตถุทั้งจิตใจ ยึด หลักมาวัดต้องฉลาด ไม่ใช่ได้ความโง่กลับไป...หม่อมหลวงท่านเป็นคนก้าว หน้า ไม่หัวเก่า..." ส่งผลให้วัดชลประทานฯโดดเด่นเป็นเสาหลักฝ่าย คามวาสี ของชาวพุทธผู้ใฝ่หาแก่นธรรม โดยมีหลวงพ่อปัญญาฯ เป็นแม่ทัพ ขณะที่ สวนโมกขพลาราม ที่สุราษฎร์ธานี ดั่งเสาหลักฝ่ายอรัญวาสี ที่มีสหายธรรมผู้ พี่ คือท่านพุทธทาสภิกขุเป็นแม่ทัพใหญ่ แล้ววันหนึ่ง สามแม่ทัพใหญ่ทั้งทาง โลกและทางธรรมก็มาพบกันโดยมิได้นัดหมาย เมื่อท่านพุทธทาสเดินทางขึ้นมา กรุงเทพฯ พอดี เป็นวันที่คุณหญิงโฉมศรี กำภู ภริยา ม.ล.ชูชาติไม่เคยลืม เลือน แม้กาลเวลาจะล่วงเลยมานับ 40 ปี "...เย็นวันนั้นคุณชูชาติต้องไปงานเลี้ยงที่สถาน ทูตอเมริกันพอรถไปถึง กลับบอกว่าไม่ไปได้ไหม รู้สึกไม่สบายใจเรื่องงานขอไป วัดชลประทานฯ ดีกว่า พอไปถึงมีท่านเจ้าคุณพุทธทาสกับท่านปัญญาฯคอยท่าอยู่ ที่โบสถ์ เปิดประตูหน้าต่างรอรับอยู่...ตอนขึ้นรถกลับคุณชูชาติบอกว่าด้วย อานิสงส์ของหลวงพ่อทั้งสอง ทำให้เปลี่ยนใจมาวัด ความทุกข์ใจจากการงานจึงหาย ไปหมด ได้สติ เพราะท่านปัญญาฯ มักคอยท้วงให้คุณชูชาติช้าลงบ้าง เพราะชีวิต คุณชูชาติไม่เคยช้า ตอนนอนยังฝันถึงงาน..." ก็ด้วยชีวิตที่มีแต่งานกับวิสัยทัศน์อันยาวไกลมิใช่ หรือ ที่ทำให้สังคมไทยควรรำลึกถึงและขอบคุณ ม.ล.ชูชาติ กำภู ผู้สร้างวัดชล ประทานฯ ดั่งฐานที่มั่นบนแผ่นดินอันอุดม ให้เมล็ดพันธุ์แห่งพุทธปัญญาที่ ท่านปัญญานันทภิกขุฟูมฟัก ได้งอกเงยอย่างงดงามขึ้นกลางใจชนเป็นนิรันดร เรื่องและภาพ...ธีรภาพโลหิตกุล
ที่มาหนังสือพิมพ์คมชัดลึก |