พระเครื่อง อมูเลทตั้มศรีวิชัย ตลาดพระเครื่องรางของขลัง สวนไผ่สกลนคร หน่อไม้น้ำ หญ้าหวานอิสราเอล วันตรุษจีน2566

![]() |
>...ตั้มศรีวิชัย TumAmulet ...< Thailand Amulet Charms |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
สารบัญพระเครื่องเมืองนคร |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
บูชาพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง Amulets Charms Talismans |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
จตุคาม-รามเทพ หลักเมืองนคร Jatukamramtep (Jatukarm) |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
ลิงค์น่าสนใจ |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
พระเครื่อง นานาสาระ |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
สวนไผ่ พันธุ์หญ้า ธนภัทรสกลนคร สินค้าเกษตรออนไลน์ ไผ่สายพันธุ์ต่างๆ ไผ่ข้าวหลามกาบแดง ไผ่ซางหม่น หน่อไม้น้ำ หญ้าหวานอิสราเอล หญ้านรกจักรพรรดิ์ หญ้าเนเปียร์ปากช่อง1 หญ้าเนเปียร์แคระ หญ้าเนเปียร์ท้ายเขื่อนซุปเปอร์ลีฟ สะสมพระเครื่อง แต่ใจรักเกษตรผสมผสาน
|
โหราไสย์ในองค์พ่อ (๔) รอมาตั้งพันปี ![]() จากข้อวิเคราะห์ดวงเมืองเก่านครศรีธรรมราช ที่นำเสนอไปแล้วนั้น จะเห็นได้ว่า มีจุดอ่อนที่ให้โทษแก่พสกนิกรและผู้คนในบ้านเมืองไม่น้อยทีเดียว ยิ่งโดนคำสาป มนต์ดำ พิธีกรรมสาปแช่งของพราหมณ์ที่เสียผลประโยชน์ กระทำย่ำยีซ้ำเติมด้วยแล้ว เมืองนครศรีธรรมราช จึงไม่อาจรอดพ้นภัยพิบัติต่าง ๆ ไปได้ หากขืนปล่อยดวงเมืองเก่าเอาไว้ ให้มีอิทธิพลอีกต่อไป ก็จะเกิดผลร้ายตามมาอีกจนได้ ด้วยเหตุนี้ ทำให้ดวงพระวิญญาณของท่านท้าวจตุคาม และท่านท้าวรามเทพ ไม่ยอมเสด็จไปยังสรวงสวรรค์ เพราะทรงห่วงใยพสกนิกร ลูกหลานของพระองค์ ที่จะได้รับเคราะห์กรรมจากดวงเมืองเก่า
จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๒๘ จึงพบกับบุคคลที่พระองค์ทรงรอคอย คือ ท่านพลตำรวจโท สรรเพชญ ธรรมาธิกุล และได้ติดต่อผ่านร่างทรง จนนำมาสู่พิธีการต่าง ๆ ในการทำลายดวงเมืองเก่า และสร้างดวงเมืองใหม่ดังกล่าว ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับ ว่าท่านสรรเพชญ นั้น มีความสัมพันธ์อย่างไรในอดีตชาติกับพระองค์ท่านทั้งสอง แต่เชื่อแน่ว่า ท่านต้องมีส่วนรู้เห็นในการสร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราชเก่าอย่างแน่นอน เพราะตามหลักการแล้ว ผู้ที่ทำการผูก จะต้องทำการแก้ไข กรรมของใครก็เป็นกรรมของคนนั้น จะให้คนอื่นมาแก้ไข หรือรับกรรมแทนไม่ได้ ถ้าจะให้ผมวิเคราะห์ล่ะก็ ผมเชื่อว่า ท่านอาจจะเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่ง เช่น โหราจารย์ ปุโรหิตในราชสำนัก ที่ร่วมกันวางดวงชะตาเมืองเก่านครศรีธรรมราชก็ได้ พิธีกรรมต่าง ๆ ในการสร้างเสาหลักเมืองใหม่ แทนเสาหลักเมืองเก่าที่องค์พ่อจตุคามรามเทพได้กำหนดให้ทำ มีด้วยกัน ๑๒ พิธี และต้องทำอย่างเคร่งครัด ถูกต้องตามแบบแผนดั้งเดิมสมัยศรีวิชัย คือ ต้องทำให้ถูกต้องตามวัน เวลา และสถานที่ ที่กำหนดไว้ , บุคคลที่ประกอบพิธีกรรม ต้องเหมาะสม และคู่ควร อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบพิธี รวมไปถึงขั้นตอนพิธีการต่าง ๆ ต้องทำตามแบบแผนตามลำดับขั้นตอน จะทำนอกลู่นอกทางไม่ได้เป็นอันขาด และแน่นอน ในพิธีกรรมบางอย่าง บางขั้นตอน จะต้องใช้ผู้ที่มีความรู้ ความสามารถในด้านโหราศาสตร์ และไสยศาสตร์ แม้ในบางครั้ง บางขณะ ที่หาผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องนี้อย่างถ่องแท้ไม่ได้ หรือ พบทางตัน ก็ต้องอัญเชิญดวงพระวิญญาณขององค์พ่อมาประทับทรง เพื่อขอคำแนะนำ หรือให้พระองค์ท่านช่วยแก้ปัญหาให้ ซึ่งผมจะได้วิเคราะห์ถึงพิธีกรรมต่าง ๆ ให้ทราบ เท่าที่มีข้อมูล ดังนี้ ๑. พิธีกรรมเผาดวงชะตาเมือง เมื่อดวงเมืองเก่าให้โทษ มีจุดอ่อนทำให้พราหมณ์ผู้เรืองเวทวิทยาคม ฝังอาถรรพณ์เสนียดจัญไร กระทำย่ำยี สาปแช่งด้วยมนต์ดำ ส่งผลให้เมืองนคร ฯ ต้องตกต่ำ เป็นเมืองขึ้น (เมืองประเทศราชของอาณาจักรสุโขทัย) และต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา ไม่เป็นตัวของตัวเองเรื่อยมาจนถึงยุคปัจจุบัน ไพร่ฟ้าประชาชน ต่างก็ได้รับความลำบากทุกข์ยากในเรื่องต่าง ๆ อย่างมากมาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความผาสุกในการดำเนินชีวิตประจำวัน ฯลฯ ดังนั้น ทางออกในการแก้ปัญหาที่ถูกต้องตามหลักการนั้น มีด้วยกัน ๒ วิธี คือ หาพราหมณ์ที่ทำพิธีสาปแช่ง ฝังอาถรรพณ์ มาถอนคำสาป และอาถรรพณ์ หรือไม่ก็ต้องหาผู้ที่มีส่วนร่วมในการสถาปนาดวงเมือง หรือ ผู้ให้กำเนิดดวงเมือง มาทำลายดวงเมือง ด้วยการเผาทิ้ง ซึ่งถ้าหากพิจารณาดูตามหลักการแล้ว คงเป็นไปไม่ได้เลย เพราะกาลเวลาผ่านมาร่วม ๗๐๐ ปี แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคาดฝัน หรือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ก็อาจเป็นไปได้ เพราะดวงพระวิญญาณขององค์พ่อท่านท้าวจตุคาม ท่านท้าวรามเทพ ทั้งสองพระองค์ ที่สถาปนาดวงเมือง เมื่อละขันธ์สิ้นพระชนม์ไปแล้ว ไม่ยอมเสด็จไปสู่สรวงสวรรค์ ยังคงสิงสถิตอยู่ในพระรูป รอคอยบุคคล ที่มีส่วนร่วมในการประดิษฐานดวงเมือง ให้มาเกิดใหม่ เพื่อให้ทำการแก้ไข ซึ่งบุคคลผู้นั้นก็คือ ท่านพลตำรวจโท สรรเพชญ ธรรมาธิกุล สถานที่เผาดวงเมืองที่ได้กำหนดไว้ คือ ป่าช้า ไม่ต่างจากการเผาคนตาย แต่อย่าลืมว่า ดวงเมืองที่จะเผานั้น เป็นดวงเมืองที่ยังไม่ตาย ถ้าเป็นคนก็อยู่ในอาการปางตาย เพราะโดนคำสาป อาถรรพณ์ย่ำยีมานานแสนนาน การเผาดวงเมืองในครั้งนี้ จึงเป็นการเผาดวงเมืองทั้งเป็น จะต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพราะถ้าพลาดพลั้ง ผิดขั้นตอน จะนำภัยพิบัติมาสู่เมืองนครศรีธรรมราช ถึงกับล่มจม สูญสิ้นชื่อเลยทีเดียว โดยปกติแล้ว การประดิษฐานดวงเมือง หรือ พิธีกรรมสร้างเสาหลักเมือง จะต้องมีการบวงสรวงบอกกล่าวแก่ เทพยดาที่ปกปักรักษาบ้านเมือง และ เทพบริวาร ซึ่งในดวงเมืองบางกอกนั้นได้แก่ พระสยามเทวาธิราช ผู้เป็นใหญ่ โดยมี พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง เจ้าพ่อเจตคุปต์ เจ้าพ่อหอกลอง และ พระกาฬไชยศรี เป็นเทพบริวารที่เรียกว่า เทพารักษ์ทั้งห้า ตลอดถึง เทพผู้เป็นใหญ่ในสรวงสรรค์ และ เทพประจำดาวพระเคราะห์ ที่สถิตอยู่ในดวงชะตา ให้รับรู้ และช่วยปกปักรักษา คุ้มครอง ดลบันดาล ให้ทุกสรรพสิ่งเป็นไปตามดวงชะตาที่ได้กำหนดไว้ แต่เนื่องจากดวงเมืองนครศรี ฯ มีจุดอ่อน และ เมื่อถึงจังหวะที่เหมาะสม หรือเป็น ฤกษ์งามยามดีของอีกฝ่าย ถ้าเป็นดวงชะตาบุคคลทั่วไป ท่านเรียกว่าเป็นช่วง ดวงตก ดังนั้น พราหมณ์ผู้เรืองเวท ที่ไม่ประสงค์ดีต่อบ้านเมือง และพระพุทธศาสนา เมื่อได้ช่องสบโอกาส จึงได้ทำพิธีฝังอาถรรพณ์ และ สาปแช่งด้วยมนต์ดำ เป็นเหตุให้เทพยดาที่รักษาบ้านเมือง และบริวาร ไม่อาจปกป้องคุ้มครองได้ เพราะต้องให้ทุกสรรพสิ่งเป็นไปตามดวงชะตา หรือ กฎแห่งกรรม ที่ได้กำหนดไว้ในดวงชะตา ไม่ว่าสิ่งที่กำหนดไว้นั้น จะดีหรือร้ายก็ตาม จักต้องเป็นไปตามนั้น ไม่อาจฝืนชะตาฟ้าลิขิตได้ การทำคุณไสย์ ฝังอาถรรรพณ์เสนียดจัญไร สาปแช่ง หรือ กระทำย่ำยีฝ่ายตรงข้ามด้วยมนต์ดำทุกชนิด จะต้องใช้วิญญาณร้าย ภูติผีปีศาจที่ตายโหง หรือ ตายมานาน วิญญาณไม่ได้ไปผุดไปเกิด ยิ่งตายนานเท่าไร หรือมีจำนวนมาก เป็นร้อยเป็นพันดวงก็ยิ่งส่งผลแรงกล้า เพราะวิญญาณร้ายเหล่านี้ จะมีฤทธิ์เดชมาก หมอผี หรือผู้ที่อาคมไม่แข็งกล้า บารมีไม่มากพอ ไม่อาจกำหราบได้ การทำพิธีสาปแช่ง ฝังอาถรรพณ์เสนียดจัญไร กระทำย่ำยีต่อดวงเมืองนครศรี ฯ ถือเป็นงานใหญ่ เพราะส่งผลกระทบต่อคนในบ้านเมืองนับแสนนับล้าน ดังนั้น พราหมณ์ผู้เรืองเวท จึงไม่ได้มีคนเดียว แต่ทำกันเป็นหมู่คณะ โดยร่วมแรงร่วมใจกัน เรียกระดมวิญญาณที่ชั่วร้าย ตายโหงมานับร้อยนับพันปี จำนวนมากมายหลายร้อยดวง เป็นกองทัพขนาดย่อม ๆ แล้วบังคับด้วยเวทมนต์ที่แข็งกล้า สะกดวิญญาณเหล่านั้นให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจ ใช้ให้เฝ้าอาถรรพณ์ที่ฝังเอาไว้ โดยให้สิงสถิตอยู่ในอาณาบริเวณนั้น ไม่ให้มีผู้ใดกล้ำกราย บุกรุกเข้ามาถอดถอน หรือลบล้างลงได้ และให้คอยรังควาญความสงบสุขของผู้คน ในยามที่บ้านเมืองตกต่ำ ระส่ำระสาย ด้วยการเข้าสิงร่างผู้เคราะห์ร้าย หรือ กำลังมีเคราะห์ ทำให้เจ็บไข้ไม่สบาย หรือ พบกับภัยพิบัติต่าง ๆ ที่เรียกกันว่า ผีซ้ำด้ามพลอย อีกด้วย เมืองนครศรีธรรมราชเป็นเมืองใหญ่ มีอายุเก่าแก่นับพันปี แต่เชื่อหรือไม่ว่า ไม่มีผู้ใดในยุคปัจจุบันทราบสักคนเดียว ว่า เสาหลักเมืองนั้นอยู่ตรงจุดใด หรือ บริเวณใด แต่ส่วนมากเชื่อว่า มีแน่นอน ถ้าจะให้ผมวิเคราะห์ ผมเชื่อว่า บริเวณที่เคยเป็นที่ตั้ง หินหลัก น่ะแหละ คือ จุดที่ตั้งเสาหลักเมือง หรือ ฝังดวงเมืองมาก่อน ต่อมาเสาหลักเมืองอาจปรักหักพังลง หรือไม่ก็พวกพราหมณ์น่ะแหละที่ทำการรื้อถอนออก แล้วปักเสาหินขนาดย่อมลงไปแทน หลังจากที่ฝังอาถรรพณ์ เสนียดจัญไร สาปแช่งดวงเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หินหลัก ที่ว่านี้ มีลักษณะเป็นเสาหินขนาดย่อม ๆ ฝังลึกลงไปในดิน สูงขึ้นมาเหนือพื้นดินพอให้ผู้คนไปมาสังเกตได้อย่างสะดุดตา ตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า ตลาดท่าชี ต.ในเมือง สถานที่นั้นเป็นทางสี่แยกเล็ก ๆ แคบ ๆ คนอายุ ๖๐ ๘๐ ปี คงเคยเห็น ปัจจุบันไม่มีให้เห็นแล้ว แต่คนก็ยังเรียกบริเวณนั้นว่า หินหลัก เคยมีคนสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นนิมิตหมายอะไรบางอย่างสำหรับเมืองนครฯ เพราะอยู่ในตัวเมืองชั้นใน และถ้าจะเป็นหลักเขตธรรมดาของที่ดินก็ไม่น่าจะใช่ เพราะลักษณะเสาหรือ หลัก เป็นหิน มิใช่ไม้ หรือ ปูนที่ทำกันทั่วไป ข้อสำคัญ มีมาเมื่อไรไม่ทราบแน่ชัด เพราะถามรุ่นปู่ย่าตาทวด หลายท่านก็ยืนยันว่า พอจำความได้ก็เห็นมีมาแล้ว มีหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าเป็นของขลัง ของศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง หรือ ไม่ก็เป็นเสาหลักเมือง พากันมากราบไหว้บูชา บนบานศาลกล่าว และก็เชื่อขนมกินได้เลย ไม่มีใครสมหวังกับการกราบไหว้บูชา บนบานศาลกล่าว เพราะภูติผีปีศาจที่สิงสถิตอยู่บริเวณนั้น ไม่ได้รับคำสั่งให้คุณแก่ผู้คน ได้รับคำสั่งให้แต่โทษทุกข์อย่างเดียว คงไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง เพราะจะถูกมนต์สะกดทำร้ายให้รับทุกข์ทรมาน ปวดแสบปวดร้อนทันที ดังนั้น จึงไม่มีผู้หนึ่งผู้ใด คิดจะทำศาลคุ้มแดดคุ้มฝนให้ด้วยความศรัทธาสักรายเดียว เรื่องที่ว่าเสาหินนั้นเป็นเสาหลักเมืองนั้น ก็มีอีกหลายคนลุกขึ้นมาค้าน ว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะลักษณะการฝังไม่มีฐานราก ไม่มีอาณาบริเวณ หรือ ลวดลายประดิษฐ์แต่อย่างใด ซึ่งตรงนี้ผมก็ยอมรับนะครับว่า หินหลัก ไม่ใช่ เสาหลักเมือง แต่ผมให้ข้อพิจารณาไว้ว่า แล้วเขาปักไว้ทำไม มันต้องมีที่มาและที่ไป ผมเชื่อว่า ตรงนั้น เป็นจุดที่ตั้งเสาหลักเมืองมาก่อน ที่ไม่เหลือร่องรอยอะไร เพราะกาลเวลาที่เนิ่นนานนับพันปี อีกทั้งบริเวณนั้น ก็เคยเป็นที่รกร้างไร้ผู้คนมาก่อน เพราะในประวัติศาสตร์เมืองนคร ฯ นั้น เคยเป็นเมืองร้างมาหลายครั้งหลายครา ผู้คนต้องอพยพหลบหนีภัยสงคราม, หนีภัยธรรมชาติ และหนีโรคห่า หรือ อหิวาตกโรค ที่ระบาดคร่าชีวิตชาวเมือง ฯลฯ เพื่อรักษาชีวิตให้รอดไว้ก่อน เหตุที่ผมเชื่อว่า พราหมณ์ผู้เรืองเวท ได้กระทำพิธีฝังอาถรรพณ์ เสนียดจัญไร ไว้ตรงบริเวณนั้น เพราะเป็นที่ตั้งของเสาหลักเมืองมาก่อน เมื่อถอดถอนเสา ฝังอาถรรพณ์เสนียดจัญไร สาปแช่งแล้ว ก็บังคับให้ภูติผีปีศาจร้าย นับร้อย นับพันเฝ้าเอาไว้ พร้อมกับตรึงเสาหินอาคม กดทับดวงเมืองเอาไว้อีกด้วย เพราะเสาหินนั้น มีขนาดหนักนับพันกิโล ยากนักที่จะเคลื่อนย้ายโดยง่าย คงต้องใช้คนเป็นสิบขึ้นไป และจู่ ๆ ก็คงไม่มีใครมาเคลื่อนย้าย โดยไม่มีเหตุผลอันควร เพราะกิจธุระไม่ใช่ แต่แล้ว เมื่อมีคณะบุคคล ที่รวมตัวกันสร้างหลักเมืองใหม่เกิดขึ้น จึงมีการเคลื่อนย้ายเสาหินนั้นออกไป(อ่านต่อฉบับหน้า)...โดย www.sereechai.com |