จับความคิด 12 มหาเศรษฐีมะกัน ทำนายเศรษฐกิจสหรัฐปี 2552
พวกเขาเห็นอะไร...!! ไฟแนนเชียล โพสต์ แคนาดา จับความคิดมหาเศรษฐี12
คนชาวอเมริกัน ระบุตรงกันว่าศก.สหรัฐกว่าจะกลับมาโตเป็นบวกราวไตรมาสแรกปี 2553
โน่น! หลายรายยืนยันสูญเสียความเชื่อมั่นที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า
และจะใช้เงินอย่างระมัดระวัง
ที่มา...http://www.matichon.co.th/prachachat/
ในไฟแนนเชียล โพสต์ ของแคนาดา ได้ลงเผยแพร่รายงานเรื่อง
"สิ่งที่มหาเศรษฐีพันล้านคิดว่า จะเกิดขึ้นในปี 2552" พบว่า มหาเศรษฐี 12 คน
ตัวแทนจากทำเนียบ 400 ชาวอเมริกันที่ร่ำรวยที่สุด ของฟอร์บส ทุกคนเชื่อมั่นว่า
เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา จะกลับมาเติบโตในอัตราเป็นบวก ในช่วงใดช่วงหนึ่งของไตรมาส
4 หรือ ในไตรมาสแรกของปี 2553 ต่อข้อ ถามที่ว่า
มีแนวโน้มอะไรที่เศรษฐกิจต้องระมัดระวังมากที่สุด มหาเศรษฐีส่วนใหญ่เชื่อว่า เป็น
"ความกลัว" ดังที่มาร์ค คิวแบน เจ้าของกิจการ ดัลลัส มาเวริกส์ ตั้งข้อสังเกตว่า
เศรษฐกิจทั้งระบบในขณะนี้ ได้สูญเสียความเชื่อมั่น ที่จะก้าวกระโดดไปข้างหน้า
ผลที่ตามมาคือ จะไม่มีการนำเงินออกมาใช้นานกว่าที่เราต้องการให้เกิน
และเมื่อถึงคราวที่จะนำออกมาใช้
ก็จะกลายเป็นเครื่องมือที่ใช้อย่างระมัดระวังมาก คิวแบน
มีสินทรัพย์ในครอบครอง นับถึงกันยายน 2551
ซึ่งเป็นช่วงที่ฟอร์บสพิมพ์เผยแพร่ผลการจัดอันดับ 400 มหาเศรษฐีอเมริกัน เป็นมูลค่า
2.6 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้
เขาเผชิญข้อกล่าวหาจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่า
ใช้ข้อมูลวงเพื่อแสดงหาผลกำไรจากราคาหุ้น หรือ insider trading นอก
เหนือจากปัจจัยความกลัวแล้ว แนวโน้มที่มหาเศรษฐีกลุ่มนี้กังวล
ยังรวมถึงการขาดแหล่งสินเชื่อ
และกระแสการเข้าช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัทเอกชนต่างๆ โดยรัฐบาล
ซึ่งต่อประเด็นหลังอาร์.เจ.เคิร์ก ราชาเงินทุนแห่งวงการเวชภัณฑ์ ให้ข้อคิดเห็นว่า
การดำเนินการของรัฐบาลจะเอื้อประโยชน์แก่คู่แข่งรายใหญ่กว่า
ส่งผลให้ปิดกั้นผู้เล่นรายใหม่ที่มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น อาร์.เจ.เคิร์ก
มีทรัพย์สินตามข้อมูลของฟอร์บส เป็นมูลค่า 1.6 พันล้านดอลลาร์ เช่น
เดียวกับความเห็นของ ดร.โธมัส ฟริสต์ ผู้ร่วมก่อตั้งเอชซีเอ เฮลธ์แคร์
ผู้บริหารกิจการโรงพยาบาล ที่ตั้งข้อสงสัยว่า
แผนช่วยเหลือทางการเงินของรัฐบาลจะไปสิ้นสุดลงที่ใด กระนั้น
เมื่อมองโดยภาพรวมแล้ว มหาเศรษฐีพันล้านชาวอเมริกัน
มีมุมมองทั้งด้านบวกและลบต่อเศรษฐกิจ ไม่มีใครสักคนที่มีความเห็นกลางๆ
โดยเฉพาะมหาเศรษฐีที่มาจากแวดวงการเงิน และอสังหาริมทรัพย์ จะมองแนวโน้มปี 2552
ในด้านลบมากกว่ามหาเศรษฐีที่สร้างตัวมาจากภาคธุรกิจอื่นๆ สำหรับ
คำทำนายเกี่ยวกับอัตราการว่างงานในปีนี้ คำตอบที่ได้รับมีตั้งแต่ 7% จนถึงมากกว่า
10% ในกลุ่มที่มองด้านบวกเชื่อว่า ดัชนีดาวโจนส์ของตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ได้ทรุดตัวถึงจุดต่ำสุดแล้ว ขณะที่กลุ่มที่มองด้านลบ ทำนายว่า
ตลาดหุ้นมีสิทธิร่วงต่อไปถึงระดับ 6,500 จุด ลีออน ชาร์นี
ราชาเงินทุนจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เสนอแนะการดำเนินนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดี
บารัก โอบามา ว่า ควรให้ความสนใจไปที่อุตสาหกรรมรถยนต์
การค้นหาแนวทางรับมือกับวิกฤตการณ์อุตสาหกรรมรถยนต์
โดยที่ธนาคารกลางสหรัฐไม่ต้องเข้าไปแทรกแซง ถือเป็นประเด็นสำคัญอันดับแรก
ที่รัฐมนตรีคลังคนใหม่จะต้องจัดการ ทั้งนี้
มหาเศรษฐีเกือบทั้งหมดยอมรับว่า
ทรัพย์สินของพวกเขาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ส่วนใหญ่กล่าวว่ามูลค่าทรัพย์สินขั้นต่ำตามเกณฑ์การจัดอันดับของนิตยสาร ฟอร์บส
สำหรับทำเนียบฟอร์บส 400 ในปี 2552 มีแนวโน้มจะลดลงจาก 1.3 พันล้านดอลลาร์
มาที่ระดับ 1 พันล้านดอลลาร์ หรือต่ำกว่านั้น
|