ReadyPlanet.com


ขรัวยายไข่ อุบาสิกาผู้ใจบุญ


ขรัวยายไข่ อุบาสิกาผู้ใจบุญ ขรัวยายไข่ ของ วัดสังเวชวิศยาราม และ ชาวบางลำพู กรุงเทพฯ

โดย ปรับปรุงจากหนังสือ ของ สมปอง ดวงไสว ครูโรงเรียนวัดสังเวช บางลำพู

ที่มา...www.matichon.co.th


ขรัวยายไข่ ไกรฤกษ์ เป็นธิดานายอยู่ เจ้ากรมไม้สูง ฝ่ายพระราชวังบวร มารดาชื่อแจ่ม เกิดเมื่อวันพุธ ปีกุน พ.ศ.2382 (ไม่ได้ระบุเดือนที่เกิดของท่าน) ที่บ้านตำบลวัดสังเวชวิศยาราม (วัดบางลำพูบน) ในรัชกาลที่ 3 (จากหนังสือที่ระลึกพระราชทานเพลิงศพขรัวยายไข่)

เมื่อท่านมีอายุ สมควรแล้ว จึงได้มาอยู่กินกับพระมงคลรัตนราชมนตรี (ช่วง ไกรฤกษ์) แต่ครั้งยังเป็นขุนท่องสื่อ เสมียนตรากรมท่าซ้าย ตั้งบ้านเรือนอยู่ปากคลองโอ่งอ่าง นอกกำแพงพระนคร (ซึ่งเป็นที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขอยู่เดี๋ยวนี้ ในเวลานั้นหมายถึง พ.ศ.2476)



ขรัวยายไข่ ไกรฤกษ์

ขรัว ยายไข่ ไม่ทราบนามสกุลเดิม ด้วยในประวัติท่านไม่ได้ระบุไว้ แต่ท่านได้เป็นสกุลไกรฤกษ์เพราะได้มาแต่งงานอยู่กินกับพระมงคลรัตนราชมนตรี (ช่วง ไกรฤกษ์)

สำหรับสกุลไกรฤกษ์นั้น นามสกุลได้ขอรับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ดังมีพระราชหัตถเลขาลงวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2456 ถึงพระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ (นพ) และพระยาจักรปาณีศรีศีลวิสุทธิ์ (เจ้าพระยามหิธร)

ชีวิตขรัวยายไข่ เป็นชีวิตที่น่าศึกษา จากคนธรรมดาสามัญ จนกระทั่งเป็นขรัวยาย ซึ่งขรัวยายมีความหมายมากกว่ายายธรรมดา อันหมายถึงยายของเจ้า

ขรัวยายไข่ท่านเป็นมารดาของเจ้าจอมมารดาชุ่ม ซึ่งเจ้าจอมมารดาชุ่มมีราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 สองพระองค์คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทรทิพยนิภา และพระองค์เจ้าหญิงบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุจริตราภรณี ท่านจึงเป็นขรัวยาย

(จากซ้าย) ขรัวยายไข่ ไกรฤกษ์, ขรัวยายไข่ อุบาสิกาผู้ใจบุญ และ ใย ไกรฤกษ์ ลูกสาวขรัวยายไข่คนที่ 6



ขรัวยายไข่เกิดที่ตำบลวัดสังเวชวิศยาราม และเมื่อเจริญวัยถึงเวลาสมควรมีครอบครัวได้อยู่กินกับพระมงคลรัตนราชมนตรี ช่วง ไกรฤกษ์ จึงเป็นสกุลไกรฤกษ์ มีบุตรธิดารวม 7 คนด้วยกัน ล้วนเป็นอภิชาตบุตรทั้งสิ้น นับแต่เจ้าจอมมารดาชุ่มในรัชกาลที่ 5 โดยเฉพาะพระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ (นพ ไกรฤกษ์) มหาดเล็กคนสนิทพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และพระยาประเสริฐศุภกิจ (เพิ่ม ไกรฤกษ์)

ขรัวยายไข่ดำเนินชีวิตสม เป็นอุบาสิกา เป็นพุทธศาสนิกชนโดยแท้ ได้สร้างกุศลตามกาลสมัย และได้สร้างกุศลกับวัดสังเวชวิศยาราม โดยที่ได้เป็นผู้สร้างฉนวนศาลาท่าน้ำรับเสด็จพระราชดำเนินในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้บริจาคทรัพย์สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม และบริจาคที่ดิน 103 ตารางวา ที่ตรงกับวัดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ให้ทางวัดได้นำดอกผลที่ได้มาบำรุงพระภิกษุสามเณรของวัดสืบมาจนปัจจุบัน

ขรัวยายไข่มีอายุยืนยาวถึง 95 ปี มีชีวิตอยู่ถึง 5 แผ่นดิน ตั้งแต่เกิดในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 จนถึงในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7

คือเรื่องราวชีวิตของท่านขรัวยายไข่ ไกรฤกษ์ อุบาสิกาผู้ใจบุญ ผู้มีศรัทธาอย่างแรงกล้าในการทำนุบำรุงพระศาสนา ณ วัดสังเวชวิศยาราม หรือวัดบางลำพูบน อันเป็นวัดตำบลบ้านเกิดของท่าน ให้มั่นคงในพระพุทธศาสนาสืบไป

แท้ที่จริงในทุกหนแห่งของไทย ได้มีอุบาสกอุบาสิกา อุปถัมภ์ค้ำจุนพระศาสนาอยู่ทุกที่ จึงทำให้พระพุทธศาสนาดำรงอยู่ได้อย่างดีในประเทศแห่งนี้ ที่นำเรื่องราวชีวิตขรัวยายไข่ขึ้นมาเป็นอนุสติให้เกิดประกายในหัวใจ ให้คนรุ่นหลังได้หันหน้าเข้าหาแสงแห่งพระธรรม ดำรงตนเป็นอุบาสก อุบาสิกาที่ดี เพื่อรักษาพระพุทธศาสนาให้เจริญงอกงามไพบูลย์ไปตราบนานเท่านาน และแม้ว่าชีวิตของขรัวยายไข่ ไกรฤกษ์ จะล่วงลับไปหลายปี แต่เรื่องราวของท่านยังน่าศึกษาและเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดขรัวยายไข่ อุบาสิกาผู้ใจบุญค้ำจุนพระศาสนากันมากมายในทุกหนแห่งได้เสมอ หากเป็นเช่นนั้นได้ ชีวิตขรัวยายไข่ย่อมมีความหมายมากกว่าขรัวยายธรรมดาคนหนึ่ง

ขรัวยายไข่นั้นไม่อุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนาเพียงวัดใดวัดหนึ่งเท่านั้น แต่ท่านได้ทำหลายๆ วัดที่มีความสัมพันธ์ เช่น วัดโสมนัสวิหาร วัดบวรนิเวศ วัดส้มเกลี้ยง (วัดราชผาติการาม) และที่สร้างวัดใหม่ก็มี

และที่เรา ชาวบางลำพูระลึกถึงท่าน ด้วยท่านเป็นชาวบางลำพูมีชื่อจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของวัดบางลำพูหรือวัด สังเวชวิศยารามอยู่หลายคราว ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิดที่ท่านได้นึกถึงและได้หวนมาทำนุบำรุง ณ พระอารามแห่งวัดบางลำพู หรือวัดสังเวชวิศยารามเป็นอย่างดีนั่นเอง

ขรัวยายไข่ ไกรฤกษ์ ขรัวยายใจบุญของวัดสังเวชวิศยาราม

ขรัวยายไข่ ไกรฤกษ์ อุบาสิกาใจบุญของวัดสังเวชวิศยาราม

ขรัวยายไข่ ไกรฤกษ์ พ.ศ.2382-476

จาก หลักฐานขรัวยายไข่ท่านเกิดเมื่อ พ.ศ.2382 ซึ่งเป็นสมัยแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 และท่านเสียชีวิตใน พ.ศ.2476 อันเป็นสมัยแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาสู่ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขหนึ่งปี

ขรัวยายไข่มีช่วงชีวิตอยู่ยืนยาวถึง 5 แผ่นดิน คือ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ถึงรัชกาลที่ 7 (จากหนังสือทารกาภิบาล ซึ่งเป็นหนังสือที่จัดพิมพ์เพื่อเป็นที่ระลึก ในงานพระราชทานเพลิงศพ ขรัวยายไข่ ไกรฤกษ์ มารดา พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ นางสาวใย ไกรฤกษ์ พระยาประเสริฐศุภกิจ ณ สุสานหลวง วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2477 โรงพิมพ์พิพรรฒธนาการ)

เมื่อครั้งยังสาว ท่านขรัวยายไข่มีส่วนร่วมสร้างพระอุโบสถวัดสังเวชวิศยารามดังคำปรารภใน หนังสือประวัติวัดสังเวชวิศยารามของพระยาทิพโกษา พิมพ์เมื่อพระพุทธศักราช 2477 พิมพ์ที่โรงพิมพ์วัฒนะผล ถนนบำรุงเมือง สี่กั๊กเสาชิงช้า พระนคร ความว่า

"พระอุโบสถนั้นเห็นจะสร้างในรัชชกาลที่ 3 ครั้นไปตรวจดูการปฏิสังขรณ์พระอารามในรัชชกาลที่ 3 ก็ไม่มี จึงไม่กล้าจะมีความเห็นลงในฉะบับนั้นได้ ภายหลังได้ทราบความจากท่านขรัวยายไข่ ไกรฤกษ์ เล่าให้ฟังว่า เมื่อท่านรุ่นสาว ในรัชชกาลที่ 3 สร้างพระอุโบสถหลังนี้ ท่านได้ไปช่วยกระทุ้งรากพระอุโบสถหลายครั้งจนกระทั่งก่ออิฐได้ ท่านยืนยันเป็นแน่นอน"

 



ผู้ตั้งกระทู้ News กระทู้ตั้งโดยเว็บมาสเตอร์ โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2009-01-22 22:10:45