รูปหลวงพ่อสง่า วัดบ้านหมอ จ.ราชบุรี

หลวงพ่อสง่า วัดบ้านหมอ จ.ราชบุรี ท่านดุแต่ใจดี พูดคำไหนคำนั้น หลวงพ่อสง่า วัดบ้านหมอ นับว่าเป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่ "เก่งเงียบ" หลายคนที่เคยไปกราบท่านจะทราบดีว่า หลวงพ่อท่านพูดน้อย แต่จริยวัตรนั้นน่าเคารพเลื่อมใส

หุ่นพยนต์หลวงพ่อสง่า วัดบ้านหมอ สร้างตามตำราคัมภีร์โบราณ

หุ่นพยนต์หลวงพ่อสง่า วัดบ้านหม้อ จ.ราชบุรี
การสร้างหุ่นพยนต์หลวงพ่อสง่านั้น ท่านสร้างตามตำราคัมภีร์โบราณ การเสกหุ่นพยนต์ในอดีตกาลจะใช้วัตถุธรรมชาติมาเสก  เป็นอะไรก็ได้ แล้วแต่จะตั้งจิตอธิษฐาน ดั่งเช่น หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เคยเสกหัวปลีเป็นกระต่าย

การจัดสร้าง หุ่นพยนต์ของหลวงพ่อสง่า วัดบ้านหมอ จ.ราชบุรี ได้รวบรวมชนวนจากตะปูที่ใช้ตอกโลงศพ โดยรวบรวมจากตะปูจากโลงศพที่ถูกเผาไหม้เป็นขี้เถ้าแล้วจากเตาเผา ถึง ๗ วัน เป็นจำนวน ๑ ปี๊บครึ่ง นำมาบดโขลกตำให้ละเอียดจากนั้นนำใบไม้สำคัญ ๗ อย่างที่ไม่รู้นอน คือ ๑. ใบตาล ๒. ใบลาน ๓. ใบขนุน ๔. ใบคูณ ๕. ใบพยุง ๖. ใบรัก ๗. ใบจันทร์ มาโขลกบดตำให้ละเอียด แล้วนำมาหลอมรวมกับตะปู ๗ วัด โดยมีแผ่นยันต์โสฬส ๑ แผ่นใหญ่ และยันต์ ๘ ทิศ ๑๖ พระองค์ ๓๐ พับ ที่หลวงพ่อสง่าท่านได้เมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสก และจารกับอาวุธศัสตราของมีคมอีก ๔ ประการ พร้อมบทสวดจากคัมภีร์โบราณใช้ในการกำกับมนต์ตะปู ที่นำมาหลอมเป็น หุ่นพยนต์โลหะอาถรรพณ์
   
จากนั้นนำหุ่นพยนต์ทั้งหมด มาถักสายสิญจน์ แล้วจุ่มในน้ำรัก (เหมือนกับการลงรักปิดทอง) ซึ่งในยุคสมัยนี้ยากแก่การที่จะหาพระเกจิอาจารย์ที่ได้ศึกษาร่ำเรียนวิชา อาคมที่กำกับหุ่นพยนต์ ซึ่งมีไม่มากนัก ๑ ในจำนวนที่ว่านี้ก็คือ หลวงพ่อสง่า แห่งวัดบ้านหม้อ หุ่นพยนต์อาจารย์ลอย

หุ่นพยนต์ หลวงพ่อสง่า วัดบ้านหม้อ จ.ราชบุรี

หุ่นพยนต์หลวงพ่อสง่า วัดบ้านหม้อ
 ท่านจัดสร้างไว้หลายวาระ เหตุเพราะศิษย์เอาไปใช้แล้วมีประสบการณ์เลยบอกปากต่อปาก ทำให้แต่ละรุ่นที่จัดสร้างออกมานั้นไม่พอกับความต้องการ

   พุทธคุณหุ่นพยนต์ หลวงพ่อสง่า วัดบ้านหมอ นั้นกล่าวคือใช้ป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง ภูติผีปิศาจ อีกทั้งแก้คุณไสย สิ่งที่ไม่ดีไม่บริสุทธิ์ พวกเขี้ยวงาใต้น้ำ คนโบราณเชื่อว่าใครมี เครื่องรางของขลัง หุ่นพยนต์มาครอบครอง ก็จะเปรียบเสมือนมีเงา คอยตามตัวปกป้อง  คุ้มครองยามเดินทางไปที่ต่าง ๆ หากวางบูชาไว้หน้ารถก็เปรียบเสมือนมีตัวเราเองอยู่ในรถคันนั้นเฝ้าดูแลแทนตัวเรา. หุ่นพยนต์หลวงพ่อคล้อย อโนโม วัดภูเขาทอง
อาราธนานัง ที่มาหนังสือพิมพ์เดลินิวส์