นิทรรศการ 'จตุคามร้อน' จตุคามร้อน จตุคาม(ไม่)ร้อน แล้วย้อนดูตัว ไม่ต้องให้บอก ใครๆ ก็คงรู้ว่า 'องค์จตุคามรามเทพ' ได้สร้างปรากฏการณ์ขึ้นอย่างกว้างขวาง หลายคนหันมานับถือศรัทธา บ้างก็เข้ามาฉกฉวยผลประโยชน์เชิงการค้า ในขณะที่นักวิชาการก็ไม่พลาดจะเข้าร่วมวงวิพากษ์กระแสนี้อย่างคึกคัก แล้วฝั่งศิลปินเล่าคิดอย่างไร?

ไปหาบางคำตอบในนิทรรศการ จตุคามร้อน กันหน่อยดีไหม งานดังกล่าวได้จัดแสดงภาพเขียนของ อรุโณทัย สมสกุล,ปัญญา วิจินธนสาร,อำมฤทธ์ ชูสุวรรณ,สมภพ บุตราช,ปริทรรศ หุตางกูร,ศักดิ์วุฒิ วิเศษมณี และ ธนฤษภ์ ทิพย์วารี ให้ดูที่ '44 Arts' ถนนข้าวสาร ระหว่างนี้ ถึง 28 ตุลาคม

ธนฤษภ์ ทิพย์วารี กับผลงาน

'ผมนับถืออยู่แล้วครับ' ธนฤษภ์กล่าว พร้อมโชว์องค์ที่ห้อยคอไว้

'แค่ได้ยกมือไหว้ ก็ทำให้เกิดบุญ และโน้มนำเราไปในทางที่ดีอยู่แล้ว'

'ส่วนที่เป็นธุรกิจก็แยกไปอีกเรื่อง แต่การที่จตุคามฯกระจายอยู่ในทุกคน อย่างน้อยธรรมมะก็จะตามไป เหมือนกินผลไม้ก็จะได้วิตามิน'

'ถ้ามีเทพอยู่ในใจ เราก็มีความหวัง แล้วทุกคนต้องมีความเชื่อ ไม่ใช่แค่วัตถุนิยม แต่ต้องเชื่อที่เป็นจิตนิยมด้วย'

เชื่อได้ แต่อย่างมงาย, ศิลปินหนุ่มว่า

'อย่างภาพนี้...' เขาบอกแล้วชี้ไปที่ภาพเขียนที่ตั้งชื่อว่า ''โอม...''

'จะมีกระจกอยู่ตรงกลาง ซึ่งผมใช้แทนตา เพราะไม่อยากให้มองเห็นแบบทั่วไป แต่อยากให้ใช้ญาณทรรศนะ ให้ดูเทพที่อยู่ในตัวเรา ให้ดูว่าตัวเรามีธรรมมากน้อยแค่ไหน'

เพราะขออะไรองค์ท่านก็ให้ได้ แต่ที่อยากให้ที่สุด ก็คือหลักธรรม, เขาว่า

ศักดิ์วุฒิ วิเศษมณี กับผลงาน

ด้านศักดิ์วุฒิกล่าวว่า เขาหันมาสนใจจตุคามฯเพราะกระแส แต่พอศึกษามากๆเข้าก็ชัก 'อิน'

'เริ่มมองไปถึงอีกองค์ คือพญาพังพระกาฬ'

จึงได้สร้างงานเขียนโดยใช้ 'พญาพังพระกาฬ' เป็นแบบ แทนที่จะใช้องค์จตุคามฯเช่นศิลปินอื่นๆ

'องค์นี้มีองค์จริงๆ และผมบูชาอยู่ทุกวัน วันนึงก็มาคิดว่า พระองค์นี้ ถ้าเป็นคนจริงๆ จะเป็นยังไง จินตนาการก็เป็นชิ้นนี้ออกมา โดยผมเอาหน้าตัวเองเป็นแบบ'

ถามว่าคิดอย่างไรกับกระแสฟีเวอร์นี้? นี่คือคำตอบของเขา

'ผมไม่ต่อต้าน แล้วพบว่ามีแง่ดีเยอะ ความเป็นอยู่ของคนนครศรีฯดีขึ้น เมืองที่เคยมีผู้ร้ายชุกชุมกลับมาเป็นเมืองพระอีกครั้ง แต่ในแง่ที่มันเริ่มเสื่อม ก็เกิดจากคนที่ไปหากำไรจากคนทำพระ อันนั้นก็คงเป็นไปตามยถากรรม'

'สำหรับผม ตอนนี้ก็ห้อยไว้ ทำให้อบอุ่นใจ ไปไหนก็ปลอดภัย มีคนรักเมตตา ส่วนใครจะมองว่างมงาย ก็มีสิทธิ แต่ผมไม่สนใจ'

'ที่สำคัญ การที่ผมสนใจจตุคามฯ ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการทำงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่หายากมากในแต่ละวัน' ศักดิ์วุฒิทิ้งท้าย

ปริทรรศ หุตางกูรกับผลงาน

ส่วนปริทรรศ ยอมรับหน้าชื่นว่า เขานับถือเทพองค์นี้ตามกระแส

'ไม่เคยสนใจพระเครื่องมาก่อน แต่ตอนนี้ก็นับถือ เป็นแฟชั่นด้วย แล้วรู้สึกว่ามีแล้วทำให้ชีวิตดีขึ้นด้วย คือรู้สึกว่าบางทีเงินก็เข้ามาแปลกๆ'

'อีกอย่าง เหมือนทำให้เรากลับไปสู่ความเป็นนครศรีธรรมราชนิยม รู้สึกภูมิใจที่เป็นคนจังหวัดนี้ นครศรีฯก็กลายเป็นอีกโฉมหน้านึง ถนนทุกสายมุ่งมาที่นี่' หนุ่มเมืองคอนว่ายิ้มๆ

'แล้วก็กลายเป็นว่ามันเกิดตำนานพระเครื่องรุ่นใหม่ขึ้นมา เป็นพระเครื่องร่วมสมัย แบบคอนเทมฯอาร์ต เป็นพระเครื่องที่ขึ้นๆ ลงๆ ตามที่คนสร้างวาทกรรมขึ้นมา มีพิธีปลุกเสกในเรือดำน้ำ เครื่องบิน มันมีความร่วมสมัยจริงๆ'

และก็เหมือนกับศักดิ์วุฒิ องค์จตุคามรามเทพทำให้เขาได้งานศิลปะชุดใหม่ออกมา

'รูปนี้ชื่อว่า ''เทพเจ้าของหนู'' เขาชี้ให้ดูภาพด้านหลัง ซึ่งมีสาวงามห้อยจตุคามฯนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดียวกับองค์ท่าน

'ภาพข้างหลังสื่อถึงศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม ซึ่งมีพระธรรมคำสอนมากมายไปหมด แต่เทพองค์ใหม่ไม่ต้องมีก็ได้ แค่ศรัทธา เพราะสามารถให้ความสุขกับ 'หนู' ได้'

ส่วนใครจะมองว่าเป็นภาพล้อความเชื่อ ก็มีสิทธิคิดได้ แต่ส่วนตัวต้องการนำเสนองานในรูปแบบที่น่าสนใจมากกว่า

สมภพ บุตราช กับผลงาน

ความเห็นสุดท้ายเป็นของสมภพ ที่ชีวิตนี้ไม่เคยห้อยอะไรเลย แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะต่อต้านเรื่องเหล่านี้

'ต้องมองในแง่การศึกษา ว่ามีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นมันสะท้อนอะไร'

งานของเขาเป็นภาพเขียนรูปองค์จตุคามฯ 4 ชิ้น 4 แบบ ให้ชื่อว่า ''ดิน' 'น้ำ' 'ลม'' และ ''ไฟ''

'คล้ายกับว่าทุกอย่างเกิดจาก ดิน น้ำ ลม ไฟ ถ้าใครทำคุณงามความดี ก็จะยกระดับตัวเองให้สูงขึ้น เป็นเทพได้ ต่อไปก็เป็นเซียน หลุดพ้น'

เสร็จจากขั้นตอนการทำงาน สมภพก็ว่า อยากให้ผู้เข้าชมได้มาเรียนรู้งานศิลปะดังที่ศิลปินแต่ละคนได้ทำขณะเขียนภาพด้วย

'อย่าคิดอะไรมาก่อน มาดูแล้วค่อยคิดว่าเราสื่ออะไร ทั้งอารมณ์ความรู้สึก แล้วค่อยทำความเข้าใจกับการทำงานในครั้งนี้'

''ถึงแม้ว่าตอนนี้จตุคามฯอาจจะไม่ร้อนอย่างเมื่อก่อน เราก็มาดูในสิ่งที่เคยเกิดขึ้นก็ได้ ว่าปรากฏการณ์ที่ผ่านมาในสังคมเป็นเช่นไร''   ที่มา..หนังสือพิมพ์มติชน
---------------------------------------------------