เหรียญหล่อ หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก รุ่นแรก

*** "คมเลนส์ส่องพระ" ฉบับวันเสาร์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ *** พรุ่งนี้...วันอาทิตย์ที่ ๓๐ พฤศจิกายน นักนิยมสะสมพระ อย่าลืมไปร่วม งานประกวดพระ ที่สนามกีฬา จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ธวัชชัย ฟักอังกูร เป็นประธานจัดงาน สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุตรดิตถ์ และ ชมรมพระเครื่องเมืองอุตรดิตถ์ โดย ชวลิตร พุ่มอรัญ (น้อย อุตรดิตถ์) สมศักดิ์ ศรีสุข (จุก อุตรดิตถ์) ฯลฯ เป็นผู้ดำเนินงาน รายการพระที่จัดประกวดมีครบทุกประเภท ๑,๒๐๐ ราย ในจำนวนนี้มีพระท้องถิ่นทั้ง จ.อุตรดิตถ์ และจังหวัดใกล้เคียง หลายร้อยรายการ พี่น้องชาวอุตรดิตถ์ และจังหวัดใกล้เคียง ใครมีพระอะไรก็ตามที่อยู่ในครอบครอง หากอยากทราบว่าเป็น พระแท้ หรือ พระปลอม ขอให้นำพระของท่านไปส่งเข้าประกวดได้ถ้าเป็น พระแท้ กรรมการจะรับไว้เข้าประกวด พระของใครสวยกว่า คมชัดกว่า ก็จะได้รับรางวัลไป เป็นการรับรองว่าพระของท่าน แท้ เปิดราคาขายเมื่อไร ก็ย่อมได้ราคาดีกว่าพระทั่วๆ ไป หากไม่ขายก็ให้เก็บรักษาเอาไว้ให้ดีๆ เพื่อให้ลูกหลานได้ใช้ติดตัวต่อไป ขณะเดียวกัน ถ้าหากเป็น พระปลอม กรรมการก็จะคืนพระให้ท่านทันที ไม่รับไว้เข้าประกวดแต่ประการใด เพราะเขาจะรับแต่ พระแท้ เท่านั้น การส่งพระเข้าประกวด จึงเท่ากับเป็นการ ตรวจสอบ พระของท่านในตัว เมื่อรู้ว่าเป็น พระปลอม จะได้ไม่ต้องกังวลใจ สูญหายเมื่อไรก็ไม่ต้องเสียดายให้เสียอารมณ์ นอกจากนี้ การประกวดพระ ครั้งนี้จะทำให้คนในท้องถิ่นเกิดความสนใจในการอนุรักษ์ และหวงแหนพระเครื่องต่างๆ อีกด้วย โดยเฉพาะพระท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นพระกรุ หรือพระของเกจิอาจารย์ท่านใดๆ ก็ตาม...สำหรับ รางวัลพระชนะการประกวด ในงานนี้มีถึง ๒ รางวัล คือ รางวัลที่ ๑ หนังสือ พระเครื่องเมืองอุตรดิตถ์ รางวัลที่ ๒ หนังสือ พระยอดนิยม มีคุณค่าทั้ง ๒ เล่ม ผู้ที่ไม่ได้รับรางวัล สามารถหาซื้อได้จากผู้ที่ได้รับรางวัลหลายๆ เล่ม เขาจะแบ่งขายให้ในราคาไม่แพงนัก **

 ** เพื่อเป็นการต้อนรับงานประกวดพระที่ จ.อุตรดิตถ์ วันนี้จึงขอแนะนำ พระเครื่องเมืองอุตรดิตถ์ ในส่วนของ พระกรุอันเก่าแก่ และนิยมกันโดยทั่วไป ที่รู้จักกันดี คือ พระกรุเมืองทุ่งยั้ง  ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญในการสกัดทัพพม่า หยุดยั้งมิให้พม่าบุกรุกไทยได้สะดวก จึงได้ชื่อว่า เมืองทุ่งยั้ง คือยับยั้งพม่านั่นเอง ** พระกรุเมืองทุ่งยั้ง หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า พระกรุทุ่งยั้ง มีหลายพิมพ์ ส่วนใหญ่เป็นพระเนื้อชินเงิน ศิลปะมีทั้งแบบสุโขทัย อู่ทอง และอยุธยา ผสมผสานกันไป พุทธคุณโดดเด่นด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เพื่อให้เป็นพระคู่กายของนักรบผู้เกรียงไกรในอดีตกาลของเมืองอุตรดิตถ์อย่าง แท้จริง พระองค์แรกที่เห็นในหน้านี้ คือ พระยอดขุนพล ที่ชาวอุตรดิตถ์มีความภาคภูมิใจในพระพิมพ์นี้มาก เพราะครั้งหนึ่งได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คราวเสด็จฯ เมืองนี้ ชาวบ้านจึงเรียกพระพิมพ์นี้ว่า "พิมพ์ถวายในหลวง" **

 **  พระองค์ต่อไป คือ พระลีลาเชยคางข้างเม็ด โดยทั่วไปผู้คนมักเข้าใจว่า พระพิมพ์นี้เป็นของกรุเมืองกำแพงเพชร ฝีมือช่างกำแพงเพชร สมัยสุโขทัย แต่ความเป็นจริงแล้ว พระพิมพ์นี้มีการขุดพบที่ เมืองอุตรดิตถ์ โดยขุดพบที่ กรุวัดน้ำด้วน พุทธลักษณะเหมือนกับของเมืองกำแพงเพชรทุกประการ และเป็นพระศิลปะสุโขทัยเช่นเดียวกัน พุทธลีลาจึงมีความอ่อนช้อยงดงามยิ่ง วันนี้ "คมเลนส์ส่องพระ" ได้รับภาพจาก น้อย อุตรดิตถ์ เป็นภาพเดียวกับที่ลงในหนังสือ พระเครื่องเมืองอุตรดิตถ์ ที่แจกให้ผู้ที่ได้รับรางวัลพระชนะเลิศในแต่ละรายการ ในงานประกวดพระวันพรุ่งนี้ ** นอกจากนี้ น้อย อุตรดิตถ์ ยังได้มอบภาพจากหนังสือเล่มเดียวกันนี้อีกหลายองค์ อาทิ พระบูชาเทริดขนนก ศิลปะลพบุรี ของกรุทุ่งยั้งเช่นกัน รวมทั้ง พระอู่ทอง เกศอุ อีก ๒ องค์ และ พระนางพญา พิมพ์กลีบบัว (พระนางกลีบบัว) กรุบ้านตาล อีก ๑ องค์ **

 ** จ.อุตรดิตถ์ เป็นเมืองเก่าสมัยกรุงสุโขทัย เป็นราชธานี มาจนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา มีเมืองเก่าๆ อาทิ เมืองทุ่งยั้ง เมืองพิชัย เมืองฝาง เมืองลับแล มารวมกันเป็นเมืองอุตรดิตถ์ ** ในสมัยของ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้เกิดสงครามไทยรบกับพม่า เจ้าพระยาพิชัย ได้สู้รบกับพม่าอย่างห้าวหาญ จนดาบหัก จึงได้รับสมัญญานามว่า "พระยาพิชัยดาบหัก" ด้วยเกียรติภูมิอันนี้ ชาวเมืองอุตรดิตถ์ จึงสร้างอนุสาวรีย์ของท่านขึ้น เพื่อเป็นที่เคารพสักการบูชา และรำลึกถึงพระคุณของท่านจนทุกวันนี้ ท่านที่ไปร่วมงานประกวดพระวันพรุ่งนี้ จึงควรหาเวลาไปกราบไหว้บูชา อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก เพื่อความเป็นสิริมงคลโดยทั่วกัน **

"คมเลนส์ส่องพระ" เขียนถึง วิรัตน์ กังวานวานิชกุล พนักงานอาวุโสแห่งเอไอเอ มาหลายครั้งแล้ว  เพราะท่านผู้นี้นอกจากเป็นมือขายประกันชั้นนำแล้ว ในเรื่องของการสะสมพระเครื่องก็อยู่ในระดับแถวหน้าเช่นกัน อีกทั้งยังสามารถดูพระได้ทุกประเภท สายตาเฉียบเข้าขั้น "เซียนพระ" เลยทีเดียว และเป็นคนที่ หมอต้น ศิริราช ให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง ใครก็มีแต่ความชื่นชม เพราะเป็นนักสะสมประเภท เล่นพระดี มีพระแท้ และ พระสวยดูง่าย เสมอมา ใครอยากรู้จัก หรือปรึกษาหารือเรื่องพระเครื่อง โทรไปหาได้ที่ ๐๘-๓๙๘๕-๐๒๐๘ ** วันนี้ วิรัตน์ เอไอเอ ได้ส่งภาพมาให้ชมเป็นวิทยาทาน คือ พระกริ่งประภามณฑล หลวงพ่อกึ๋น วัดดอน ยานนาวา ปี ๒๔๘๐ พิมพ์เล็ก ที่วงการเรียกกันว่า พระกริ่งวัดดอน เป็นพระกริ่งอีกรุ่นหนึ่งที่จัดอยู่ในทำเนียบพระกริ่งของ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนฯ เนื่องเพราะ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ประทานพระอนุญาตให้ หลวงพ่อกึ๋น เจ้าอาวาสวัดดอน ในสมัยนั้น จัดสร้างขึ้น โดยได้เสด็จไปทรงประกอบพิธีเททองหล่อพระที่ วัดดอน ด้วยพระองค์เอง นับเป็นครั้งแรกที่ เจ้าประคุณสมเด็จฯ (ขณะทรงดำรงสมณศักดิ์ที่ สมเด็จพระวันรัต) ได้เสด็จไปประกอบพิธีนอกวัดสุทัศนฯ ทั้งนี้ก็ด้วยความคุ้นเคยกับ หลวงพ่อกึ๋น นั่นเอง **

 ** นอกจากนี้ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ยังทรงมอบแผ่นทองลงอักขระและชนวนพระกริ่งรุ่นเก่าๆ ของวัดสุทัศนฯ ที่เก็บไว้ เพื่อใช้เป็นชนวนในการหล่อพระกริ่งรุ่นนี้ด้วย เมื่อถึงฤกษ์พิธีเททอง ท้องฟ้าซึ่งกำลังแจ่มใสอยู่ดีๆ ก็มืดครึ้มลงอย่างฉับพลัน และได้เกิดสายฟ้าผ่าลงมาในปริมณฑลพิธี เสียงดังสนั่นจนพื้นสะเทือน แต่ไม่ได้เกิดอันตรายกับผู้ร่วมงานในพิธีแต่อย่างใด และขณะที่ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ทรงจับสายสิญจน์ในพิธีเททองนั้น สายสิญจน์ ที่ใช้โยงในปริมณฑลพิธีเส้นหนึ่งถูกลมพัดหย่อนตกลงในเบ้าหลอมเนื้อโลหะอัน ร้อนแรง ปรากฏว่าสายสิญจน์ที่ตกอยู่ในความร้อนของเบ้าหลอมหาได้ไหม้แต่อย่างใดไม่ นับเป็น ๒ เหตุการณ์อันมหัศจรรย์ยิ่ง ที่ได้เกิดขึ้นในวันนั้น เจ้าประคุณสมเด็จฯ จึงได้ประทานนามพระกริ่งรุ่นนี้ว่า พระกริ่งนิรันตราย แต่ผู้คนส่วนใหญ่นิยมเรียกว่า พระกริ่งฟ้าผ่า หลวงพ่อกึ๋น วัดดอนยานนาวา ตามปรากฏการณ์มหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นตอนทำพิธีเททองมากกว่า **

 ** พระกริ่งวัดดอน รุ่นนี้ประกอบพิธีเททองหล่อแบบโบราณ เหมือน พระกริ่งสายวัดสุทัศนฯ ทุกอย่างแม้แต่การบรรจุ เม็ดกริ่ง ก็บรรจุแบบ กริ่งในตัว เหมือนของวัดสุทัศนฯ เนื้อโลหะทองผสม วรรณะออกเหลืองอมน้ำตาล มีความแตกต่างจากพระกริ่งทั่วๆ ไป ตรงที่หลังพระเศียรมี ประภามณฑล ประกอบด้วยอยู่ อันเป็นที่มาของชื่อ พระกริ่งประภามณฑล นับเป็น พระกริ่งสายวัดสุทัศนฯ อีกรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจมาก ราคาเช่าหาในทุกวันนี้อยู่ที่หลักหมื่นต้นๆ เท่านั้นเอง **

พูดถึงพระเกจิอาจารย์ผู้สร้างพระเครื่องที่โด่งดังทางแคล้วคลาด มหาอุด และคงกระพันชาตรี นักพระเครื่องส่วนใหญ่ต่างยกย่อง หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก จ.นครปฐม ว่าเป็นเลิศในทางนี้ พระเครื่องหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ที่ผู้คนสนใจเช่าหา คือ เหรียญหล่อโบราณ พิมพ์พระพุทธ เนื้อทองผสม มีอยู่ ๒ รุ่นด้วยกัน ** และที่เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของ หลวงพ่อทา คือ พระปิดตา เนื้อเมฆพัด มีทั้งพิมพ์พระปิดตาองค์เดียว ที่เรียกว่า พระปิดตาเกลอเดี่ยว หากมีพระปิดตา ๒ องค์หลังติดกัน หรือ พระปิดตา ๒ หน้า  เรียกว่า พระปิดตา ๒ เกลอ และที่มีพระปิดตา ๓ องค์หลังติดกัน เรียกว่า พระปิดตา ๓ เกลอ ในวงการพระหากเอ่ยชื่อ พระปิดตาเกลอเดี่ยว ๒ เกลอ ๓ เกลอ จะรู้กันทันทีว่าเป็น พระปิดตาหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก เนื้อเมฆพัด อย่างองค์ที่เห็นนี้ คือ พระปิดตาเกลอเดี่ยว ของ ยุทธนา วงศ์กนกสิน แห่งบริษัทประกันชีวิตเอไอเอ เช่นกัน อยู่ใกล้กับ "พี่วิรัตน์" อย่างนี้รับรองได้แต่ พระแท้ อย่างแน่นอน  **

 ** ประวัติหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก เดิมท่านเป็นชาวโพธาราม จ.ราชบุรี เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๓๗๙ ในสมัยรัชกาลที่ ๓ อุปสมบท ณ วัดบ้านฆ้อง ท่านได้ตั้งใจศึกษาทั้งพระธรรมวินัย และฝึกปฏิบัติพระกรรมฐาน จนสามารถเรียนรู้คาถาอาคมต่างๆ มากมาย จากนั้นจึงได้ออกเดินธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ เป็นเวลานานปี จนมาถึงบริเวณที่เป็น วัดพะเนียงแตก ในทุกวันนี้ ที่เรียกชื่อวัดนี้ก็เพราะ หลวงพ่อทา ท่านได้เอานิ้วอุดกระบอกไฟพะเนียง ที่ชาวบ้านจุดกัน ปรากฏว่า กระบอกไฟพะเนียงระเบิดแตกออก แต่มือท่านไม่เป็นอะไรเลย ชาวบ้านจึงเรียกวัดนี้ วัดหลวงพ่อพะเนียงแตก และหดสั้นเหลือ วัดพะเนียงแตก ในเวลาต่อมา ในสมัย ร.๕ ทรงบูรณปฏิสังขรณ์องค์ พระปฐมเจดีย์ และทรงแต่งตั้งพระเถระ ๔ รูป เพื่อทำหน้าที่พิทักษ์และเฉลิมพระเกียรติองค์พระปฐมเจดีย์ ประจำทั้ง ๔ ทิศ พระครูอุตรการบดี ประจำทิศเหนือ ซึ่ง หลวงพ่อทา ได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์แรก และองค์ต่อมาคือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หลวงพ่อทา มรณภาพเมื่อปี ๒๔๖๓ สิริรวมอายุ ๘๔ปี **

 **  ใกล้สิ้นปี ๒๕๕๑ อีกแล้ว ทำให้คิดถึง ท่านไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ (โป้ยเสี่ย) อดีตผู้บริหารธนาคารศรีนคร จำกัด ท่านหนึ่ง ที่ลูกน้องทั้งหลาย รวมทั้งคนในวงการพระ มักจะเรียกขานท่านว่า "นาย" ซึ่งเป็นนักสะสมพระเครื่องมานานปี "นาย" มีวันเกิดในวันที่ ๕ ธันวาคม ทุกปีที่ผ่านมาท่านมักจะสร้างเหรียญหลวงพ่อดังๆ แจกแก่ผู้ใกล้ชิดตลอดมา แม้ในทุกวันนี้ท่านจะเกษียณไปนานแล้ว แต่ก็ยังสร้างเหรียญพระแจกอยู่เสมอ  ปีนี้ยังไม่ทราบว่า ท่านจะสร้างอีกหรือไม่ ? อย่างไรก็ตาม ก็ขอให้ "นาย" มีสุขภาพที่แข็งแรงอยู่แล้ว ให้แข็งแรงยิ่งๆ ขึ้น และเป็น หลักชัย ของคนในวงการพระไปนานๆ **

 ** วัดถลุงทอง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช เป็นวัดเก่าที่ พ่อท่านคลิ้ง เคยเป็นเจ้าอาวาสมาก่อน พระครูพิทักษ์เจติยานุการ เจ้าอาวาสปัจจุบัน และคณะศิษยานุศิษย์ ได้ร่วมกันจัดสร้าง พระบูชารูปเหมือน พ่อท่านคลิ้ง สูง ๖.๕ เมตร เพื่อประดิษฐานเป็นอนุสรณ์ไว้ที่วัด จึงได้จัดสร้างวัตถุมงคลแห่งความเจริญรุ่งเรืองและโภคทรัพย์ รุ่น "เจา ไฉ๋ จิ้ง เปา" เพื่อสมนาคุณผู้ร่วมทำบุญในครั้งนี้ ประกอบด้วย พระสังกัจจายน์ แบบบูชา ๙ นิ้ว ๕ นิ้ว และขนาดติดตัว พระสิวลี พระขุนแผน เนื้อผงว่านมงคล พ่อปู่ฤาษี ฯลฯ ติดต่อสั่งจองได้ที่ วัดถลุงทอง โทร.๐๘-๙๕๙๐-๐๐๔๕ หรือศูนย์พระเครื่องชั้นนำทั่วไทย สอบถามโทร.๐๘-๑๕๔๐-๖๗๘๗,๐๘-๖๗๔๗-๑๘๘๑ **

 ** กำหนดพระราชทานเพลิงศพ คุณพ่อบุญนาค เกิดภู่ โยมพ่อของ พระครูวิมลญาณอุดม (พระอาจารย์ติ๋ว) วัดมณีชลขัณฑ์ อ.เมือง จ.ลพบุรี วันพรุ่งนี้ (อาทิตย์ที่ ๓๐ พ.ย.) เวลา ๑๖.๐๐ น. ณ เมรุวัดมณีชลขัณฑ์ ท่านที่เป็นลูกศิษย์ พระอาจารย์ติ๋ว หรือผู้ที่เคารพนับถือ คุณพ่อบุญนาค อย่าลืมไปร่วมพิธีกัน **

 ** ขออภัยในความผิดพลาด "คมเลนส์ส่องพระ" ฉบับวันอาทิตย์ที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ที่ได้ลงเรื่องและภาพ  พระหลวงพ่อปาน พิมพ์ทรงไก่หางรวม  เป็นพระของ รัก สุพรรณ นั้น เป็นความ ผิดพลาด ที่เกิดจากความพลั้งเผลอ เพราะที่ถูกต้องแล้ว พระหลวงพ่อปาน วัดปางนมโค องค์ที่เห็นนั้น เป็น พิมพ์ทรงไก่หางพวง วันนี้จึงขอนำภาพ พิมพ์ทรงไก่หางพวง และ พิมพ์ทรงไก่หางรวม มาให้ชมพร้อมกัน เพื่อจะได้เห็นความแตกต่างที่ชัดเจน  พร้อมกับ กราบขออภัย ในความผิดพลาดครั้งนี้ด้วย  พรุ่งนี้...ไม่มีคอลัมน์ "คมเลนส์ส่องพระ" เนื่องจากเนื้อที่ไม่พอ คงมีแต่คอลัมน์ "เส้นทางนักพระเครื่อง" เรื่องของ น้อย อุตรดิตถ์ ขอขอบพระคุณ...นะมัสเต
"แล่ม จันท์พิศาโล"
ที่มาหนังสือพิมพ์คมชัดลึก