พระ 25 พุทธศตวรรษ

 *** ผ่านไปแล้ว...ด้วยความเรียบร้อยทุกประการ พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ซึ่งจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติตามโบราณราชประเพณีที่สุด ท่ามกลางพสกนิกรนับแสนที่ร่วมอยู่ในพระราชพิธีท้องสนามหลวง และอีกนับล้านๆ คนที่เฝ้าดูโทรทัศน์อยู่ที่บ้าน ด้วยความรัก อาลัย และเทิดทูนพระองค์ท่านอย่างสูงสุด จากภาพที่พสกนิกรทั่วประเทศ ที่พร้อมใจกันแต่งชุดดำอย่างพร้อมเพรียง แสดงถึง ความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างหาที่สุดมิได้ และต่างกล่าวตรงกันว่า...ภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย บนแผ่นดินไทย ที่มีองค์พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นพระประมุขของชาติ

** ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เหรียญที่ระลึกพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้รับความสนใจจากคนไทยทั่วประเทศอย่างล้นหลาม นับเป็นเหรียญประวัติศาสตร์อีกเหรียญหนึ่งที่ทรงคุณค่ายิ่ง ตลาดพระทุกแห่ง ที่เคยซบเซาเงียบเหงามานานเดือน พลอยคึกคักขึ้นมาด้วย เหรียญที่ระลึก นี้ด้วย ใครยังไม่มี ควรรีบหาเช่าบูชาในวันนี้...ยังไม่สายเกินไป

** ในช่วงที่เศรษฐกิจเมืองไทย (และทั่วโลก) กำลังย่ำแย่อย่างที่เห็นในทุกวันนี้  ตลาดพระหลักยอดนิยม ยังคงมีราคาแพงอยู่เสมอ  ชาวบ้านทั่วไปที่มีเงินไม่มากพอ ก็ต้องมองหา พระเครื่อง ที่มั่นใจได้ในเรื่องพุทธคุณ แต่มีราคาไม่แพงนัก  "คมเลนส์ส่องพระ" วันนี้ขอแนะนำให้เช่าหา พระ ๒๕ พุทธศตวรรษ เนื้อชิน หรือ เนื้อดินเผา ก็ได้มาขึ้นคอ รับรองว่า คุณภาพในอานุภาพหายห่วงได้เลย เพราะเป็นพระเครื่องเพียงรุ่นเดียวที่มีการประกอบพิธีอย่างยิ่งใหญ่ นิมนต์พระเกจิอาจารย์ผู้แก่กล้าวิชาอาคมมานั่งปรกปลุกเสกตลอดพิธี พระเกจิอาจารย์ที่นิมนต์ร่วมพิธีล้วนสุดยอดทั้งนั้น ประเภทละอ่อนทั้งอายุ และพรรษาไม่มีเลย

 ** พระ ๒๕ พุทธศตวรรษ สร้างขึ้นเมื่อปี ๒๕๐๐ เพื่อหารายได้สร้าง พุทธมณฑล ที่ศาลายา จ.นครปฐม เพื่อให้เป็นศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนาในเมืองไทย สมัยนั้นใครที่ไปติดต่อราชการที่อำเภอหรือจังหวัด จะต้องทำบุญเช่าพระ พระ 25 พุทธศตวรรษ ก่อน ๑ องค์ ๕ บาท ทำให้คนไทยทุกครัวเรือนมีพระรุ่นนี้กันอย่างทั่วถึง แต่เนื่องจากจำนวนสร้างมีมากเป็นล้านองค์ ทำให้ พระ ๒๕ พุทธศตวรรษ บางเนื้อยังคงมีเหลืออยู่ที่ พุทธมณฑล ในขณะเดียวกัน พระ ๒๕ พุทธศตวรรษ ในท้องตลาดก็ยังมีการเช่าบูชากันในราคาที่ไม่แพงนัก ยกเว้นพระเนื้อพิเศษ เช่น เนื้อทองคำ เนื้อเงิน หรือหรือดินเผาสีแปลกๆ องค์สวยคมชัดมาก ก็อาจจะมีราคาแพงกว่าองค์ธรรมดา

** พระ ๒๕ พุทธศตวรรษ แพงที่สุดคือ เนื้อทองคำ ที่มีเพียง ๒,๕๐๐ องค์เท่านั้น รองลงไปคือ เนื้อเงิน ซึ่งหายากกว่าเนื้อทองคำ เพราะสร้างน้อยกว่า โดยเฉพาะองค์ที่สวยคมชัดสภาพเดิมอย่างที่เห็นในภาพนี้  ซึ่งเป็นพระของ ธีรพันธ์ ฉอประเสริฐโชค (เสี่ยโอ๊ต) ห้างศรีราชากิจการยาง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ผู้นิยมสะสมแต่พระหลักยอดนิยมที่สวยๆ เท่านั้น...สำหรับท่านที่ต้องการทราบรายละเอียดเรื่อง พระ ๒๕ พุทธศตวรรษ หาอ่านได้จาก นิตยสาร พระท่าพระจันทร์ ฉบับใหม่ที่กำลังวางตลาดอยู่ในขณะนี้  

 ** ๑ ใน ๕ ของ เบญจภาคีเหรียญยอดนิยม ที่ได้รับการกล่าวถึงอยู่เสมอๆ คือ เหรียญหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม โดยเฉพาะในเรื่องของความคงกระพันชาตรี ยิงไม่เข้าฟันไม่ออก เด็ดขาดนัก เหรียญรุ่นแรก ของท่านออกเมื่อปี ๒๔๘๔ แม้ว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในบางโอกาสว่า เหรียญรุ่นนี้แท้จริงแล้วออกไม่ทันท่าน หรือท่านไม่ได้ปลุกเสกก็ตาม ทุกวันนี้กระแสนิยมก็พุ่งไปแรงจนฉุดไม่หยุดเสียแล้ว สนนราคาหลักแสนปลายจนถึงหลักล้านก็มี

** นอกจาก เหรียญรุ่นแรก ๒๔๘๔ แล้ว หลวงพ่อคง ยังมีเหรียญยอดนิยมอีกเหรียญหนึ่ง คือ รุ่นปาดตาล รุ่นนี้รู้กันโดยทั่วไปแล้วว่า ออกไม่ทันท่านแน่นอน แม้ว่าในเหรียญจะจารึกปี พ.ศ. ๒๔๘๖ เอาไว้ก็ตาม ท่านมรณภาพ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๖ เหรียญนี้อาจจะออกปลายปีก็ได้ จึงถือว่าเป็น เหรียญตาย แต่เหรียญรุ่นนี้ก็มีการเช่าหากันอย่างกว้างขวาง เป็นหมื่นเป็นแสนเหมือนกัน เพราะได้รับการปลุกเสกจากพระอาจารย์ลูกศิษย์ของท่านนั่นเอง โดยเฉพาะ หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี ผู้มีวิชาอาคมแก่กล้านัก ความขลังของเหรียญจึงมีอยู่อย่างพร้อมมูล โดยเฉพาะเรื่องของคงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย เด็ดขาดมาก จึงเป็นที่มาของชื่อ เหรียญรุ่นปาดตาล เพราะมีผู้ใช้ติดตัวแล้วไปโดนคู่อริใช้ มีดปาดตาล ฟันเข้าให้อย่างแรง ปรากฏว่าไม่มีบาดแผลแต่ประการใดเลย มีดปาดตาล เป็นมีดที่ชาวอัมพวา แม่กลอง ให้การยอมรับว่า คมสุดๆ เรียกว่าฟันทีเดียวขาดกระเด็น แต่คนที่แขวน เหรียญหลวงพ่อคง รุ่นปี ๒๔๘๖ อันนี้กลับปลอดภัยดี จนทำให้เหรียญรุ่นนี้โด่งดังขึ้นมาทันที ** เหรียญรุ่นนี้มีเนื้อเงินลงยา เนื้อเงิน และเนื้อทองแดง เช่าหากันแพงทุกเนื้อ อย่าง เหรียญเงินลงยา อันนี้ ป๋อง สุพรรณ เจ้าของเหรียญบอกว่า เช่ามาเป็นแสน เพราะคมชัด และสวยสมบูรณ์สุดๆ

** พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี วันนี้ขอเสนอ รุ่นหลังเตารีด ปี ๒๕๐๕ พิมพ์ใหญ่ เอ สภาพพอสวย แต่คมชัดในทุกซอกมุม เป็นพระดูง่ายด้วยตาเปล่า เจ้าของคือ ไก่ วิทวัช (ว.ทองแปด) บนชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน หนุ่มหล่ออีกคนที่เช่าหาแต่พระสวยแท้และดูง่าย ใครได้ต่อก็มีแต่ความสบายใจ เพราะรับประกันความแท้ตลอดชีวิต อีกองค์ พระหลวงพ่อทวด หลังเตารีด พิมพ์เล็ก หน้าอาปาเช่ ปี ๒๕๐๕ เช่นกัน องค์นี้เป็นพระของ สมศักดิ์ หาดใหญ่ สภาพนี้ราคากว่าครึ่งแสน นับเป็นพิมพ์ที่แพงสุดของ พระหลวงพ่อทวด หลังเตารีด พิมพ์เล็ก ด้วยกัน โดยเฉพาะพระองค์นี้มีความสวยสมบูรณ์ทุกอย่าง ผิวเดิมๆ ที่เห็นเป็น สีทอง นั้นเกิดมาจากการที่เจ้าของเดิมเอาแผ่นทองคำเปลวไปปิดทับ ตามคำแนะนำของ พระอาจารย์ทิม ที่มักจะบอกว่า ก่อนอาราธนา พระหลวงพ่อทวด ที่เพิ่งได้มาใหม่ขึ้นคอ ให้เอาแผ่นทองปิดเสียก่อน เป็นการสักการบูชาท่านเป็นปฐมฤกษ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลสืบไป

** พระหลวงพ่อทวด รุ่นหลังเตารีด พิธีใหญ่ วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๐๕ ส่วนใหญ่เป็นพระเนื้อทองผสม ส่วนพระเนื้อนวโลหะ หรือเนื้อสัมฤทธิ์กลับดำ เป็นส่วนของเสด็จพระองค์ชายกลาง (พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร) ทรงออกทุนสร้างด้วยพระองค์เอง โดยถวายพระส่วนหนึ่งให้แด่ พระอาจารย์ทิม และทรงนำกลับกรุงเทพฯ อีกจำนวนหนึ่ง ในจำนวนนี้จะตอกโค้ดตัว "ฉ" (ตัวย่อพระนามของพระองค์) เอาไว้ตามที่ต่างๆ บนองค์พระ ๑ ฉ ๒ ฉ ๓ ฉ ฯลฯ ตามแต่คนตอกโค้ดจะนึกชอบใจ ไม่ได้กำหนดแน่นอนว่า จะต้องมี กี่ ฉ ทุกวันนี้ พระเนื้อกลับ มีตัว ฉ ราคาเช่าหาองค์ละหลายแสนบาท ครึ่งหนึ่งเคยมีการเช่าด้วยการเอาตัว ฉ เป็นตัวกำหนดราคา คือ ๑ ฉ = ๑ แสนบาท, ๒ ฉ = ๒ แสนบาท...แต่ทุกวันกำหนดความสวยงามคมชัดเป็นหลัก แต่ไม่ต่ำกว่า ๒-๓ แสนบาทขึ้นไป ฟังแล้วน่าใจหายจริงๆ และมีแนวโน้มว่าจะแพงขึ้นไปเรื่อยๆ จนบางคนบอกว่า อาจจะแซง พระเนื้อว่าน ปี ๒๔๙๗ ก็ได้ !!! จากการที่ พระหลวงพ่อทวด หลังเตารีด พิมพ์ใหญ่ เนื้อทองผสม ราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีถูกกว่าแสน ทำให้หลายคนต้องหันมาสนใจ พระหลังเตารีด พิมพ์กลาง และ พิมพ์เล็ก ที่สร้างพร้อมกัน แต่ราคาถูกกว่ากันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์พระมีขนาดเล็กกะทัดรัดกว่า และมีน้ำหนักเบากว่ามาก แต่ก็อีกนั่นแหละ บางคนชอบ พระพิมพ์ใหญ่ มากกว่า เพราะคำว่า ใหญ่ ย่อมมีความหมายดีกว่าอย่างแน่นอน

** "คมเลนส์ส่องพระ"  บอกไว้ในฉบับวันอาทิตย์ก่อนว่า การเรียกขานชื่อของ  พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ นั้น คนใต้แท้ๆ จะเรียกกันว่า พระอาจารย์ทิม หรือเรียกสั้นๆ ว่า  อาจารย์ทิม, จารย์ทิม, ท่านทิม จะไม่มีใครเรียกท่านว่า หลวงพ่อทิม หรือ หลวงปู่ทิม แต่อย่างใดเลย  ในทำนองเดียวกัน พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว ศิษย์ผู้น้องของ พระอาจารย์ทิม คงเรียกกันว่า พระอาจารย์นอง หรือ อาจารย์นอง ท่านนอง เช่นเดียวกัน  คนเรียกท่านว่า หลวงพ่อนอง หลวงปู่นอง บอกได้เลยว่าเป็นคนต่างถิ่น ที่ไม่ใช่ คนใต้ ดั้งเดิมจริงๆ

** การเรียกพระคณาจารย์อาวุโส ด้วยความเคารพนับถือจริงๆ ส่วนใหญ่จะเรียก อาจารย์ หรือ  ท่านทิม ท่านนอง รวมทั้ง ท่านทอง หรือ พระอาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ก็อยู่ในทำนองเดียวกัน...อันนี้ขอฝากเป็นเกร็ดความรู้สั้นๆ จากประสบการณ์โดยตรง

**เบี้ยแก้ เป็นเครื่องรางอย่างหนึ่งของไทย ที่มีอานุภาพในการปกป้องคุณไสย ภูตผีปีศาจ เสนียดจัญไร รวมทั้งป้องกันในเรื่องของสัตว์ร้ายมีพิษทุกชนิด นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า เบี้ยแก้ ยังมีอานุภาพในทางเมตตามหานิยม ใครพบเห็นจะมีแต่คนรักนับถือ ในทางธุรกิจการค้า เบี้ยแก้ จะช่วยให้กิจการค้าดีขึ้น มีลูกค้าขาประจำ นิยมชมชอบสินค้าที่ซื้อขายกัน ฯลฯ นับเป็นภูมิปัญญาของพระเกจิอาจารย์ไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล เบี้ยแก้ สร้างมาจาก หอยเบี้ย หรือ เบี้ยจั่น ที่มีฟันครบ ๓๒ ซี่ พระเกจิอาจารย์ผู้สร้างจะบรรจุ ปรอท ที่ปลุกเสกแล้วเข้าไว้ในตัวหอยเบี้ย โดยขณะกรอกปรอทใส่จะต้องบริกรรมคาถากำกับ จากนั้นจะปิดปากหอยด้วย ชันโรง ใต้ดินที่อยู่กลางหาว ไม่มีหลังคาหรือใต้ต้นไม้ เพื่อไม่ให้ปรอทไหลออกมาจากตัวหอยเบี้ย เสร็จแล้วจะเอา แผ่นตะกั่ว มาหุ้มห่ออีกชั้นหนึ่ง แล้วลงอักขระเลขยันต์บนแผ่นตะกั่วนั้น เรียบร้อยแล้วจะเอาเชือกด้ายมาถักรอบตัวเบี้ยแก้ ชุบรักปิดทอง แล้วปลุกเสกอีกครั้งหนึ่ง เป็นอันเสร็จพิธี

 ** การสร้าง เบี้ยแก้ มีกรรมวิธีซับซ้อนมาก พระเกจิอาจารย์ผู้สร้างจะต้องมีวิชาอาคมแก่กล้า และเรียนรู้กรรมวิธีทุกขั้นตอน ต้องทำด้วยมือท่านเอง ทีละตัว ผู้เรียนรู้วิชานี้โดยตรงมีน้อยมาก ทุกวันนี้ จึงมีพระเกจิอาจารย์ (ที่ไม่รู้จริง) นิยม ซื้อเบี้ยแก้ สำเร็จรูป จากโรงงานเอามาหลอกลูกศิษย์ เบี้ยแก้ ชนิดนี้ย่อมไม่มีสรรพคุณใดๆ ทั้งสิ้น

** เบี้ยแก้ ที่แท้และวงการนักสะสมพระเครื่องรางของขลังนิยมกันมาก คือ เบี้ยแก้ หลวงปู่รอด วัดนายโรง บางกอกน้อย ธนบุรี เบี้ยแก้ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม นอกจากนี้ยังมีพระเกจิอาจารย์บางท่านใน จ.อ่างทอง ที่ได้สร้าง เบี้ยแก้ อย่างถูกต้องตามตำรา และได้รับความนิยมมากเช่นกัน

** วันนี้ "คมเลนส์ฯ" ได้ภาพ เบี้ยแก้ วัดนายโรง ที่ถือว่าเป็นสุดยอดอันดับ ๑ ของ เบี้ยแก้ ทั้งหลายในเมืองไทย มาให้ชมเป็นวิทยาทาน เบี้ยแก้ อันนี้มีความเก่าโดยธรรมชาติ จนเชือกด้ายที่ถักห่อหุ้มเปื่อยขาดไปบ้าง ทำให้เห็นลายตัวเบี้ยภายใน ลายถักของเส้นด้าย ที่เห็นนี้เป็นสิ่งบ่งบอกให้ทราบว่าเป็น เบี้ยแก้ ของสำนักไหน ? เพราะแต่ละสำนักจะมี ลายถัก ที่ไม่เหมือนกัน เบี้ยแก้ ในภาพนี้เป็นของ วิบูลย์ ธงรัตนะ แห่งร้าน สระบุรีไชยเสนีย์ ค้าซีเมนต์บล็อก ผู้โชคดีที่ได้เป็นเจ้าของ เบี้ยแก้ หลวงปู่รอด ที่แสนจะหายาก ได้ของแท้ๆ ดูง่ายๆ อย่างนี้ก็ต้องขอยกนิ้วซูฮกให้ด้วยใจจริง

** พูดถึงเรื่องของ เบี้ยแก้ แล้วก็ทำให้คิดถึงอดีตกาลที่ผ่านมา แล่ม จันท์พิศาโล กับ สุธน ศรีหิรัญ บก.บริหารนิตยสารพระเครื่อง ลานโพธิ์ ในทุกวันนี้ เกือบ จะได้ เบี้ยแก้ ของ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี คนละตัวซะแล้ว หากได้ในตอนนั้นก็จะเป็น เบี้ยแก้ ๒ ตัวแรกของหลวงปู่โต๊ะ ที่ท่านได้สร้างขึ้นเป็นครั้งแรก...เสียดายที่พลาดโอกาสไป !!!  ทำไม และ เพราะอะไร ? เอาไว้มีโอกาสจะเล่าสู่กันฟัง...เพราะว่า...วันนี้เนื้อที่หมดพอดี...ขอขอบ พระคุณ...นะมัสเต *** ข่าวพระเครื่อง  

ที่มาหนังสือพิมพ์คมชัดลึก  แล่ม จันท์พิศาโล