ศุภชัย เรืองสรรงามสิริ (ตี๋เหล้า ท่าพระจันทร์)

ชุมชนของคนที่มีอาชีพเดียวกัน หากได้รวมตัวกันจัดตั้งเป็นสมาคม หรือชมรมขึ้น ก็ย่อมจะเป็นผลดีกับมวลสมาชิกของชุมชนนั้นๆ อย่างเช่นที่เห็นในแวดวงพระเครื่อง ทุกวันนี้มี สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย และ ชมรมพระเครื่องท่าพระจันทร์ ที่มีความเป็นปึกแผ่นแน่นหนา เมื่อจะประกอบกิจกรรมอันใดที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรของตนเอง หรือสาธาณประโยชน์ของสังคมในวงกว้าง ก็ย่อมจะได้รับความร่วมมือ และความเชื่อถือของผู้คนโดยทั่วไป กล่าวสำหรับ ชมรมพระเครื่องท่าพระจันทร์ ที่ได้ก่อตั้งขึ้นมาหลายปีแล้ว โดยมี ศุภชัย เรืองสรรงามสิริ (ตี๋เหล้า ท่าพระจันทร์) เป็นประธานชมรม ได้ดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อสาธาณประโยชน์ของสังคมส่วนรวมมาแล้วหลายครั้ง จนเป็นที่กล่าวขานและชื่นชมมาโดยตลอด ก้าวย่างบนเส้นทางสายนี้ "ตี๋เหล้า" กล่าวว่า "ผมเป็นคนฝั่งธนบุรี บ้านเกิดอยู่แถววัดหนัง บางขุนเทียน ตอนเด็กๆ ได้พบเห็นผู้ใหญ่เขาพูดถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ในเรื่องราวต่างๆ จนทำให้อยากรู้อยากเห็นบ้าง แต่พระหลวงปู่เอี่ยมมีราคาแพงมาก ผมมีสตางค์ไม่พอ เลยเช่าเหรียญท่านเจ้าคุณผล ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงปู่เอี่ยม ในราคา ๒๐๐ บาท แต่กว่าจะเก็บเงินได้เท่านี้ ก็ต้องใช้เวลาสะสมอยู่หลายวัน พอได้เหรียญท่านเจ้าคุณผลมาแล้วก็รู้สึกดีใจ เอามานั่งดูกันทั้งวัน

หลังจากนั้น เมื่อมีเงิน ก็จะหาเช่าเหรียญอย่างอื่นบ้าง พร้อมกับความสนใจก็เพิ่มมากขึ้นด้วย โดยศึกษาหาความรู้จากหนังสือพระเครื่องต่างๆ  หรือดูภาพพระจากหนังสือเล่มหนาๆ ที่มีรูปภาพพระสวยๆ ยิ่งดูยิ่งชอบ และอยากได้เป็นเจ้าของบ้าง แต่ก็มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเงินอยู่เสมอ จึงต้องเก็บความอยากได้เอาไว้ในใจ พร้อมกับตั้งความหวังไว้ว่า หากมีเงินมากพอ ก็จะต้องหาเช่าพระแพงๆ กับเขาบ้าง" "ตี๋เหล้า" เล่าต่อว่า ต่อมาทางบ้านได้ย้ายไปอยู่ที่ราชวัตร ช่วงแรกเปิดเป็นร้านตัดเสื้อผ้าก่อน ต่อมาได้เปลี่ยนมาเป็นร้านขายเหล้า แต่ตัวเองเป็นคนไม่ดื่มเหล้าเลย ตอนหลังเมื่อเข้ามาวงการพระ เพื่อนๆ ยังจำอาชีพเดิมได้ จึงเรียกขานกันว่า "ตี๋เหล้า" จนทุกวันนี้ ด้วยความสนใจในเรื่องพระเครื่องอย่างจริงจัง ตี๋เหล้าจึงเริ่มเข้าสู่สนามพระที่วัดราชนัดดา เมื่อปี ๒๕๑๖-๒๕๑๗ โดยฝากตัวเป็นศิษย์ของ สมัคร พันธุมวัทก์ (สมัคร วัดราช) ผู้ชำนาญเรื่องเหรียญโดยเฉพาะ แต่พระประเภทอื่นๆ ก็ดูได้อย่างแม่นยำ ทำให้ได้รับความรู้เรื่องพระมากขึ้น และกล้าเช่าพระมากขึ้นด้วย

สมัยนั้นพระแท้ พระสวย ยังพอหาได้ไม่ยากนัก ราคาก็ไม่แพงจนเกินไป ทำให้สามารถเก็บสะสมพระต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ แม้บางครั้งอาจจะพลาดท่าเสียทีไปได้ พระปลอม ปะปนมาบ้าง ก็ต้องถือว่าเป็นบทเรียนสอนใจตัวเอง มิให้ต้องพลาดผิดอีก พระพิมพ์ไหนโดนของปลอมมาแล้ว จะไม่มีโอกาสโดนอีกและต้องทำใจ พร้อมกับให้สัตย์สัญญาแก่ตัวเองว่า เมื่อโดนของปลอมมาแล้ว จะต้องไม่ขายพระปลอมให้คนอื่นอย่างเด็ดขาด ถือเป็นจรรยาบรรณประจำตัวเลยทีเดียว ในวงการพระ ไม่มีใครที่ไม่เคยเช่าพระปลอมมาก่อนเลย หากคนนั้นกล้าเช่าพระด้วยตนเอง ไม่ได้อาศัยสายตาคนอื่น ต้องโดนมาแล้วทั้งนั้น เหตุผลที่โดนของปลอม ก็เพราะสายตาไม่ถึง ขาดความละเอียดรอบคอบ ในการพิจารณาพิมพ์ทรงองค์พระ และเนื้อหามวลสาร อันนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

ประการสำคัญสุด คือ เกิดความประมาท ความโลภ สิ่งนี้เป็นตัวปัญหา ที่ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ง่ายที่สุด และต้องจดจำเอาไว้ให้ดี จากการศึกษาพระเครื่องหลายๆ รูปแบบ ทำให้ตี๋เหล้ามีความเชี่ยวชาญชำนาญขึ้นเรื่อยๆ จนพูดได้ว่ามีความสามารถในการดูพระได้ทุกประเภท มีโอกาสเช่าพระได้มากขึ้นด้วย ต่อมาเมื่อปี ๒๕๒๑ จึงได้มาเปิดร้านพระที่ สนามพระท่าพระจันทร์ เพราะมองเห็นแล้วว่า อาชีพซื้อขายพระ น่าจะเหมาะสำหรับตัวเอง ถ้าหากทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและจริงใจต่อลูกค้า จะไม่มีวันอดตายอย่างแน่นอนประกอบกับ สนามพระท่าพระจันทร์ ถือว่าเป็นสำนักตักศิลา หรือมหาวิทยาลัยวิชาการพระเครื่องพระบูชา โดยตรง ใครก็ตามที่ได้ผ่านสนามพระแห่งนี้ จนสามารถประกอบสัมมาอาชีพได้ ถือว่าได้เรียนจบมหาวิทยาของชีวิตเลยทีเดียว ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน และมีคุณธรรมในจิตใจอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ทำให้ตี๋เหล้าได้รับการยกย่องและเคารพนับถือของลูกค้า ที่มาติดต่อขอเช่าพระ รวมถึงบรรดาเพื่อนพ้องน้องพี่ และคนรุ่นลูกหลาน ที่อยู่ในสนามพระแห่งนี้ จนทำให้ตี๋เหล้ากลายเป็น "เสาหลัก" ของสนามพระท่าพระจันทร์ ไปโดยปริยาย

และเมื่อมีการจัดตั้ง ชมรมพระเครื่องท่าพระจันทร์ ขึ้นมา ตี๋เหล้าก็ได้รับการเลือกตั้งให้เป็น ประธานชมรม นอกจากนี้ สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย โดย พยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคม และสมาชิก ได้พร้อมใจกันเลือกให้ ตี๋เหล้า เป็นอุปนายกสมาคมอีกตำแหน่งหนึ่ง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตี๋เหล้าได้บริหารชมรมฯ ด้วยความโปร่งใสเป็นที่ชื่นชมของบรรดาสมาชิก และยังได้สร้างสัมพันธไมตรีกับชุมชนที่อยู่โดยรอบ รวมทั้งให้ความช่วยเหลือ และร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ในการทำกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์โดยทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความร่วมมือในการจัดประกวดพระฯ ให้กับหน่วยราชการองค์กรต่างๆ ตลอดมา โดยครั้งล่าสุดก็คือ งานประกวดพระฯ ที่โรงพยาบาลศิริราช ในวันนี้และในวันอาทิตย์ที่ ๒๑ ธันวาคม จะให้ความร่วมมือกับ ทำเนียบรัฐบาล จัดประกวดพระครั้งใหญ่ที่หอประชุม กองทัพเรือ ธนบุรี อีกครั้งหนึ่ง เป็นการส่งท้ายปี ๒๕๕๑

ในส่วนของคำแนะนำ สำหรับผู้เพิ่งเข้ามาสู่วงการพระนั้น ตี๋เหล้าบอกว่า ก่อนอื่นต้องเรียนรู้ดูภาพพระให้เป็นเสียก่อน เรียกชื่อพระให้ถูก กรุไหนพิมพ์ไหน ต้องจำให้แม่น แล้วจึงเรียนรู้ถึงพิมพ์ทรงองค์พระ เนื้อพระ เป็นขั้นต่อไป ข้อสำคัญ ต้องหาโอกาสสัมผัสจับต้องส่องพระแท้ให้ได้ด้วย แล้วจดจำส่วนต่างๆ ของพระให้ดี จำเนื้อพระให้แม่น รวมทั้งธรรมชาติของพระแต่ละประเภท หากสิ่งไหนไม่รู้ก็ต้องหาผู้รู้เป็นที่ปรึกษา ขอความรู้จากเขา ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน คนที่รู้ย่อมสอนให้ อย่าทำตัวเป็นคนอวดดีอวดเก่ง เพราะจะไม่มีใครสอนให้อย่างแน่นอน ในวงการพระ มีคำพูดที่เป็นอมตะอยู่เสมอว่า หากดูพระไม่เป็น ต้องดูคนให้เป็น หากดูพระไม่เป็น และดูคนไม่เป็น ก็จบกันพอดี ไม่มีโอกาสได้เรียนรู้เรื่องพระได้เลย "คน" ที่ว่านี้ก็คือ "ครู" ที่เราจะไปขอความรู้จากเขา หากได้ครูดี รู้จริง และจริงใจต่อกัน โอกาสที่จะได้รับความรู้เรื่องพระอย่างถูกต้อง ก็ย่อมเกิดขึ้นไม่ยากนัก ตี๋เหล้า ยังฝากข้อคิดอีกว่า ตัวตนเปลี่ยนแปลง แต่สถานภาพต้องไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อก่อนเป็นอย่างไร ทุกวันนี้ก็ต้องเป็นอย่างนั้น พูดง่ายๆ ก็คือ อย่าเป็นคนลืมตัวนั่นเอง โดยตัวของตี๋เหล้าเองได้ยึดปฏิบัติหลักการอันนี้ มาตลอด ๓๐ ปีที่อยู่ในวงการพระ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนในวงการพระ สิ่งที่ต้องยึดถือให้มากที่สุด คือ ต้องมีคุณธรรมเป็นที่ตั้ง เพราะพระเป็นของสูง เป็นของศักดิ์สิทธิ์ เป็นความเชื่อความศรัทธาของชาวพุทธทุกคน หากผู้ประกอบอาชีพนี้ไม่มีคุณธรรมประจำใจ ก็ย่อมจะไม่มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ตี๋เหล้ายังได้แนะนำคนรุ่นใหม่ด้วยว่า ธุรกิจในวงการพระ สามารถหาเงินทองได้มาอย่างง่ายๆ จึงควรจะเก็บออมไว้บ้าง อย่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยนัก  ต้องคิดถึงวันข้างหน้าบ้าง และคิดถึงครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะที่ผ่านมา มีบางคนลืมตัว ใช้จ่ายไม่คิด ต้องกู้หนี้ยืมสิน แต่ไม่มีปัญญาใช้คืน จนต้องหนีหนี้ไปในที่สุด ตี๋เหล้า ท่าพระจันทร์ ไม่ใช่เป็น เซียนพระผู้มีคุณธรรม เท่านั้น หากแต่ยังเป็น ผู้ใหญ่ที่ทำตัวให้เป็นที่เคารพนับถือ และ เป็นตัวอย่างอันดีงามของคนรุ่นใหม่อีกด้วย ข่าวพระเครื่อง หนังสือพิมพ์คมชัดลึก