ใน แวดวงนักสะสม พระสายวัดบวรนิเวศวิหาร อาจจะมีหลายท่านที่ได้ชื่อว่าอยู่ในระดับ แถวหน้า หนึ่งในจำนวนนั้นย่อมต้องมีชื่อของ ธวัช สุรมังกรวงศ์ อย่างแน่นอน
ธวัช สุรมังกรวงศ์ เป็น เจ้าของโรงพิมพ์สุรวัฒน์ ซอยวัดตรีทศเทพ พื้นเพเดิมเป็นชาวบางลำพู ละแวกวัดบวรนิเวศ โดยกำเนิด สมัยวัยรุ่นมีนิสัยค่อนข้างเกเร รักเพื่อนเป็นชีวิตจิตใจ เพื่อนชวนไปมีเรื่องกับใคร ไม่เคยปฏิเสธ จนพ่อแม่ชักเป็นห่วงอนาคตของลูกชายคนนี้ จึงส่งตัวไปทำงานที่โรงหล่อตัวพิมพ์ แถวพลับพลาไชย เพื่อจะได้ห่างเพื่อนซี้ทั้งหลาย จนเติบโตขึ้น นิสัยที่ชอบบู๊ไม่เลือกก็พลอยหมดไปด้วย
จากการที่มีความรู้เรื่องการหล่อตัวพิมพ์อยู่บ้าง คิดว่าหากขืนทำงานที่เดิมต่อไปก็ต้องเป็นลูกจ้างเขาไปตลอดชีวิต จึงลาออกมาตั้งโรงหล่อตัวพิมพ์ด้วยตนเอง ที่ตลาดพานถม หน้าวัดบวรนิเวศ กิจการดำเนินไปด้วยดี เพราะเป็นผู้มีอัธยาศัยไมตรีอันดีงาม และสุภาพอ่อนโยนกับลูกค้ามาโดยตลอด โดยไม่คิดว่าตัวเองเป็น "เถ้าแก่" การติดต่องานจึงไปด้วยตัวเองเสมอ จนเป็นที่พอใจของลูกค้ามาก โดยเฉพาะในเรื่องของการบริการ
สมัย นั้นโรงพิมพ์ที่รับงานพิมพ์ทั่วไปเกิดขึ้นจำนวนมาก อุปกรณ์สำคัญอย่างหนึ่งในการพิมพ์ตัวหนังสือ คือ ตัวอักษรต่างๆ ที่หล่อด้วยตะกั่ว ตามขนาดและลักษณะตัวอักษรต่างๆ แต่ละตัว แล้วเอามาเรียงติดต่อกันเป็นแถว ตามข้อความที่ต้องการ เป็นกรรมวิธีพิมพ์หนังสือในสมัยก่อน
ต่อมาเทคโนโลยีการพิมพ์เริ่มพัฒนาขึ้นมาใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถเรียงพิมพ์ตัวหนังสือได้ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ ธวัชเห็นว่าขืนทำโรงหล่อตัวพิมพ์แบบเดิมๆ ต่อไปในวันข้างหน้าลำบากแน่ เพราะงานพิมพ์แบบเก่าจะต้องหมดไป จึงจัดตั้งโรงพิมพ์ขึ้นมาแทนงานเดิม ชื่อว่า โรงพิมพ์สุรวัฒน์ รับจ้างงานพิมพ์ต่างๆ อาศัยที่มีเพื่อนมาก รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการต่างๆ อย่างหลากหลาย ประกอบกับเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน พูดจาดีมีไมตรีกับทุกคน ทำให้โรงพิมพ์ที่ทำอยู่ดำเนินกิจการไปด้วยดีตลอดเวลา
แต่...ช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ฟองสบู่แตก ทำให้เกิดปัญหาขึ้นเหมือนกัน เพราะไปค้ำประกันผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือท่านหนึ่ง จนเกิดเป็นคดีฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาล จากวงเงิน ๘ ล้านบาท บวกดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นรวมเป็น ๑๔ ล้านบาท ทำเอาเสี่ยธวัชเกือบเสียศูนย์ไปเหมือนกัน
จาก การที่เป็นคนใกล้วัดบวรนิเวศมาโดยตลอด เข้าออกวัดบวรฯ แทบทุกวัน จึงได้รับความเมตตาจากพระผู้ใหญ่หลายท่าน ในการให้คำแนะนำต่างๆ ที่จะทำให้สุขภาพจิตสุขภาพใจดีขึ้น เพื่อจะได้มีกำลังใจการฝ่าฟันอุปสรรคปัญหาต่างๆ ไปด้วยดี ด้วยการนั่งสมาธิ สวดมนต์ไหว้พระอยู่เสมอ จิตจะได้สงบ ในที่สุดปัญหาต่างๆ ก็หมดไป ฟ้าใหม่สดใสขึ้น ด้วยอานิสงส์จากการประพฤติปฏิบัติตัวอยู่ในกรอบของชาวพุทธที่แน่วแน่มั่นคง ในพระพุทธศาสนาตลอดเวลา
สิ่งหนึ่งที่น่าจะเชื่อได้ว่า เป็นบุญบารมีที่ได้รับมาจากแรงศรัทธา ก็คือ พระกริ่งนิรันตราย และ พระกริ่งไพรีพินาศ ที่ธวัชได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณ พระพรหมมุนี (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) วัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งธวัชได้ใช้แขวนติดตัวอยู่เสมอ จึงเชื่อว่ามีส่วนอย่างมากในการแก้ไขวิกฤติการณ์ครั้งสำคัญในชีวิตที่ผ่านมา
บนเส้นทางการสะสมพระเครื่อง ธวัช กล่าวว่า "ผมเป็นคนบางลำพู เกิดและเติบโตแถวนี้ ตลอดชีวิตที่ผ่านมา จึงย่อมมีความผูกพันกับวัดบวรฯ อยู่เสมอ แม้สมัยวัยรุ่นจะเกเรไปบ้าง แต่ก็ยังเข้าวัดบ่อยๆ ฉะนั้น พระเครื่องที่ใกล้ตัวที่สุดก็คือ พระวัดบวรฯ โดยได้รับแจกจากพระอาจารย์ต่างๆ ในวัด ก็ได้เก็บรักษาไว้เสมอ พอมีเงินบ้างก็ตามหาเช่าพระวัดบวรฯ รุ่นเก่าบ้าง ตามกำลังเงิน ทำให้ทุกวันนี้ ผมมีพระสายวัดบวรฯ ครบแทบทุกอย่าง ยกเว้นเฉพาะ พระกริ่งปวเรศ รุ่นแรก เท่านั้นที่ยังไม่มี แต่สำหรับ พระกริ่งปวเรศ รุ่น ๒ ปี ๒๕๓๐ ก็มีอยู่หลายชุด ตอนที่ดังมากๆ เมื่อ ๒ ปีก่อน พรรคพวกเพื่อนฝูง ผู้หลักผู้ใหญ่มาขอแบ่งไปหลายชุดเหมือนกัน หากถามว่า พระวัดบวรฯรุ่นไหนดี ผมตอบได้เลยว่า ดีทุกรุ่น เพราะเจตนาการสร้างดี พิธีดี เท่านี้ก็เกินพอแล้ว ขณะนี้ทางวัดกำลังบูรณปฏิสังขรณ์ใหญ่ ต้องงใช้เงินทุนมาก หากมีพระอะไรออกมาให้ทำบุญบูชา เช่าไปเถอะครับ ผมรับรองว่า ดีทุกรุ่น โดยเฉพาะเหรียญในหลวงทรงผนวช พระไพรีพินาศ พระนิรันตราย พระพุทธสิหิงค์ น่าศรัทธาเลื่อมใสทั้งนั้น"
"ชีวิตคนเราที่เกิดมา ย่อมมีทั้งสุขและทุกข์ มีทั้งสมหวังและผิดหวัง แต่ไม่ว่าเราจะอยู่ในสภาพใดก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ต้องระลึกไว้เสมอก็คือ ต้องเป็นคนดี ทำความดี ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนสังคม ยามใดที่ที่มีความสุข ไม่เดือดร้อนเงินทอง ต้องอย่าลืมช่วยเหลือสังคม เพื่อนมนุษย์ที่ทุกข์ยากกว่าเราด้วย และในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ จะต้องยึดมั่นในพระรัตนตรัยอย่างแน่วแน่ หมั่นสวดมนต์ เจริญภาวนา นั่งสมาธิ จะทำให้สุขภาพจิตดี สุขภาพกายก็ดีด้วย คิดดี ทำดี ไม่มีลำบาก การงานเจริญก้าวหน้า ค้าขายก็มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้น" นี่คือ คติชีวิตที่ ธวัช สุรมังกรวงศ์ ยึดถือปฏิบัติมาโดยตลอด
ในทุกวันนี้...ละแวกวัดตรีทศเทพ วัดบวรนิเวศวิหาร รวมทั้งย่านบางลำพู เวลาธวัชเดินผ่านไปทางไหน จะมีผู้คนทักทายปราศรัย ที่เด็กกว่าก็ยกมือไหว้ ตลอดเวลา เพราะธวัชเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ หากอยู่ในวิสัยที่พอช่วยได้ จะไม่มีการปฏิเสธเลย และด้วยความคุณความดีต่างๆ ที่สร้างสมมาโดยตลอด เป็นคนดีที่สังคมยอมรับ ทางวัดตรีทศเทพจึงได้แต่งตั้งให้ ธวัช เป็นไวยาวัจกรของวัดตรีฯ ด้วย คอยดูแลความเรียบร้อยต่างๆ ภายในวัด โดยไม่ขอรับเงินค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น และบ่อยครั้งที่ เจ้าภาพบางท่านมาทำบุญที่วัด ได้รับความสะดวกก็มักจะเอาเงินใส่ซอง มอบให้เป็นสินน้ำใจด้วย ซึ่งธวัชก็ได้ตอบปฏิเสธไปทุกราย โดยรับแต่ซองเปล่าเอาไว้ ส่วนเงินในซองคืนเจ้าภาพให้เอาไปใส่กล่องทำบุญที่วัดโดยตรง
สำหรับ พระสายวัดบวรฯ ทุกรุ่น ธวัชบอกว่า "พอดูได้ในระดับหนึ่ง อาศัยว่ามีของแท้อยู่ก่อนแล้ว จึงมีโอกาสศึกษารายละเอียดได้มาก รวมทั้งได้รับความรู้จากพระอาจารย์ในวัดบวรฯ อยู่เสมอ จึงสามารถจดจำจุดสำคัญๆ ของพระหลักๆ ในสายนี้ได้พอสมควร หากพบเห็นพระองค์ไหน ที่มีความผิดแผกแตกต่างของเดิมที่มีอยู่ ก็จะไม่เช่าเอาไว้ ประการสำคัญ คือ ไม่มีความโลภ อยากได้โน่นอยากได้นี่อยู่เสมอ เพราะพระสายวัดบวรฯ ผมมีอยู่เยอะแล้ว น่าจะเพียงพอ นอกจากนี้ พระเครื่องอื่นๆ ก็พอมีอยู่บ้าง ไม่มากนัก ที่ชอบมากอีกวัดหนึ่งคือ พระหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี มีหลายรุ่นหลายองค์ เพราะหลวงปู่โต๊ะเป็นพระบริสุทธิสงฆ์ น่ากราบไหว้ที่สุด"
กตัญญู ซื่อสัตย์ ขยันอดทน รู้คุณแผ่นดินเกิด และที่สำคัญสุดคือ ต้องมีความจงรักภักดิ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่เคารพรักเทิดทูนของเราด้วย"
0 ตาล ตันหยง 0