"๓,๘๙๖,๗๔๐ บาท" เป็นรายรับจากการจัดนิทรรศการประกวดการอนุรักษ์พระบูชา พระเครื่องและเหรียญคณาจารย์ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ ที่ผ่านมา ณ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ชั้น ๘ จัดโดยศูนย์ต่อสู้ป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก โดยมี พล.ต.อำพน ชูประทุม เป็นประธานจัดงาน พ.อ.ธนา รำพึงกิจ เป็นประธานดำเนินงาน พ.อ.ลือเดช แสงชาติ พ.อ.นิคม อุดมเลิศวนสิน น.อ.ปรีชาญ จามเจริญ พ.อ.ธนะศักดิ์ ชื่นอิ่ม ฯลฯ เป็นผู้ประสานงาน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ค้อนข้างสูงของการจัดงานประกวดพระในท่ามกลาง เหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง อย่างไรก็ตามก่อนการจัดงาน ๗ วัน มีผู้ที่ส่งพระเข้าประกวดจำนวนมากโทรศัพท์ไปสอบถามยังสมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย รวมทั้ง พ.อ.นิคม ว่า "วันอาทิตย์ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ จะยกเลิกงานประกวดหรือไม่?" ด้วยเหตุที่ว่า เช้าวันจันทร์ที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๑ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลและหน่วยงานราชการอื่นอีกหลายแห่ง ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นหลายจุดทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จนเกิดความสับสนวุ่นวายตลอดทั้งสัปดาห์ก่อนการประกวดพระ

 " ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อมีเหตุการณ์ความไม่สงบของบ้านเมืองเกิดขึ้น งานประกวดพระที่จัดโดยทหาร ตำรวจ รวมทั้งหน่วยงานราชการมักถูกยกเลิก อย่างกรณีการจัดงานของตำรวจภูธรภาค ๑ เมื่อครั้ง พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง เป็นผู้บังคับการ ต้องประกาศยกเลิกงานอย่างกะทันหันก่อนการประกวดเพียง ๒ สัปดาห์เท่านั้น ทั้งๆ ที่ทุกอย่างได้จัดเตรียมไว้อย่างพร้อมเพียง ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์รายการประกวดพระ รวมทั้งติดต่อจองสถานที่ รวมแล้วมีค่าใช้จ่ายในส่วนก่อนการจัดงานน่าจะไม่ต่ำกว่า ๑ ล้านบาท ทั้งนี้การประกาศยกเลิกดีกว่าจัดแล้วไม่มีคนส่งพระเข้าประกวด เพราะเท่ากับว่าเป็นการขาดทุนเพิ่มยิ่งขึ้น" นี่คือคำบอกเล่าของนายวันชัย สอนมีทอง ประธานฝ่ายประสานงานสื่อมวลชนสมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย กรณีการจัดงานประกวดพระของศูนย์ต่อสู้ป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก ซึ่งอยู่ในช่วงม็อบพันธมิตรบุกยึดทำเนียบนั้น นายวันชัยบอกว่า เป็นการจัดงานในช่วงเหตุการณ์บ้านเมืองอยู่ในภาวะไม่ปกติ โดยปกติเจ้าภาพงานมักจะประกาศยกเลิก แต่งานนี้ไม่มีการยกเลิก ด้วยเหตุที่ว่า พ.อ.นิคม อุดมเลิศวนสิน ผู้ประสานการจัดงานได้เตรียมงานมานานนับปี ขณะเดียวกันท่านก็เป็นบุคคลที่คนในวงการพระเครื่องให้ความเชื่อถือ รวมทั้งไม่ว่าจะเป็นงานประกวดพระของหน่วยงานใดก็จะไปช่วยงานอย่างต่อเนื่อง

 "ความสำเร็จของการจัดงานประกวดพระจะพิจารณาเฉพาะรายได้รวมอย่างเดียวไม่ได้ การได้รับเงินบริจาคจากผู้สนับสนุนมากขึ้นอยู่กับผู้จัดว่ามีบารมีมากเพียง ใด ความสำเร็จจริงๆ อยู่ที่ค่าบัตรผ่านประตูและค่าจำหน่ายกล่องพระ เพราะทั้ง ๒ ส่วนนี้เป็นรายได้ที่เกิดจากผู้เข้าชมงานและผู้ส่งพระเข้าประกวด ในกรณีของงานที่ พ.อ.นิคม จัดเมื่อครั้งที่ผ่านมา เก็บค่าผ่านประตูได้ ๑๔๗,๗๔๐ บาท แสดงว่ามีคนเข้าคมงาน ๗,๔๓๗ คน (ค่าผ่านประตูคนละ ๒๐ บาท) ในขณะที่จำหน่ายกล่องพระให้ผู้ส่งพระเข้าประกวดได้ ๒,๓๙๒,๑๐๐ บาท ซึ่งถือว่าสูงมาก" นายวันชัยกล่าว พร้อมกันนี้ นายวันชัยยังบอกด้วยว่า ขณะนี้มีผู้จองงานประกวดพระไปถึงเดือนมกราคม ๒๕๕๒ การกำหนดวันประกวดพระเครื่องเป็นเรื่องสำคัญ การเลือกจัดในวันไม่ดีมีสิทธิ์ขาดทุนสูง โดยหลักแล้วการจัดงานจะเลือกจัดในวันอาทิตย์ แต่ถ้าเป็นวันอาทิตย์ตรงกับวันที่ ๑ หรือ ๑๖ ซึ่งเป็นวันหวยออก จะไม่มีการจัดงานในวันดังกล่าวเด็ดขาด ส่วนใหญ่จะเลื่อนไปจัดในวันเสาร์แทน แต่ไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนัก ขณะที่วันอาทิตย์ใดตรงกับวันสำคัญของชาติ เช่น วันพ่อ วันแม่ รวมทั้งวันสำคัญทางศาสนาก็จะไม่มีการจัดด้วย นอกจากนี้ วันอาทิตย์ใดตรงกับวันเลือกตั้งระดับประเทศก็จะไม่มีการจัดเช่นกัน

ในใจของผู้ประสานงาน

 พ.อ.นิคมบอกว่า ก่อนการจัดงานผมก็กังวลว่าอาจจะต้องยกเลิกงานประกวด แต่ด้วยเหตุที่ผมจะอยู่ในวงการพระเครื่องมานาน คนในสมาคมพระเครื่องพระบูชาไทยก็ให้กำลังใจ พร้อมกับการสนับสนุนว่า อย่างไรก็ต้องจัด ม็อบพันธมิตรจะยึดทำเนียบ จะเดินขบวนก็ต้องปล่อยไป เพราะได้เตรียมงานไว้ล่วงหน้าไว้เป็นปี ส่วนกำลังทหารที่มาช่วยในงานนั้น ไม่ได้มาช่วยงานหลัก ยกเว้นเจ้าหน้าที่เอกสารและบริการ ขณะเดียวกันได้เตรียมนักเรียนมาช่วยงานไว้ก่อนหน้านี้แล้ว การจัดงานในครั้งนี้ แม้ว่าจะอยู่ในระหว่างเหตุการณ์ความไม่สงบของบ้านเมือง แต่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จมากกว่าเมื่อครั้งจัดงานที่ จ.ลพบุรี ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า การจัดงานประกวดพระในกรุงเทพฯ (พันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน) สะดวกกว่า ขณะเดียวกันกำไรก็มากกว่าด้วย การจัดงานในต่างจังหวัด แม้ว่าจะมีเงินบริจาคสมทบทุนการจัดงานจำนวนมาก เมื่อหักค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าจัดเลี้ยงและค่าที่พักแล้วรายได้จะเหลือน้อยกว่า "การจัดงานประกวดพระจะได้เงินหรือไม่ได้เงิน มีสาเหตุใหญ่ๆ ๒ อย่าง คือ ๑.คนจัดต้องเป็นคนที่วงการรู้จัก ถ้าวงการไม่รู้จัก ไม่คุ้นเคย ไม่ศรัทธา เป็นประธานเองเป็นอะไรเอง จะไม่ค่อยได้สตางค์ และ ๒.วัตถุประสงค์ต้องชัดเจน โดยครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเพื่อนำรายได้ไปจัดตั้งกองทุนการศึกษาให้บุตรข้า ราชการชั้นผู้น้อย ให้เป็นสวัสดิการพัฒนาคุณภาพชีวิตข้าราชการ ประการสำคัญ เพื่อกระตุ้นให้กำลังพลในสังกัด" พ.อ.นิคมกล่าว
เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู