ศรสุทธา กลั่นมาลี หรือ "ถั่วแระ เชิญยิ้ม” นอกจากจะเป็น นายกสมาคมศิลปินตลกแห่งประเทศไทย แล้ว คนทั่วไปยังจดจำเขาได้ดี ในฐานะ นักเชียร์กีฬาระดับชาติ ทุกครั้งที่ออกเชียร์ ก็จะแต่งกายด้วยชุดนักรบโบราณ โดยบ่งบอกถึงความเป็นไทยอย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน รถที่ขับก็จะแต่งด้วยสีลายธงชาติ เป็นที่สะดุดตาของผู้พบเห็น และเมื่อจะทำธุรกิจร้านกาแฟ เขาไม่ลังเลใจที่นำจะความรักชาติมาใช้คอนเซ็ปต์หลัก โดยใช้ชื่อว่า “ประเทศไทย” ที่สำคัญ คือ สิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใคร คือ ทุกๆ เช้าเวลา ๐๘.๐๐ น. พนักงานของร้าน ครัวถั่วแระ (ตั้งอยู่ริมถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี-สนามบินน้ำ) ทุกๆ คนจะต้องยืนตรงเคารพธงชาติ จากนั้นเวลา ๑๘.๐๐ น.ก็ต้องเชิญธงลงจากยอดเสา  “จริงๆ แล้ว ใครๆ ก็รักชาติ แต่ไม่แสดงออก แต่ผมต้องการแสดงออกว่า รักชาติมากขนาดไหน อยากให้ลองย้อนคิดไปว่า ผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้ กว่าจะได้มา ต้องแลกกับอะไรมาบ้าง และถ้าวันหนึ่ง เราขาดตรงนี้ไปแล้ว พวกเราจะอยู่กันได้อย่างไร อยากให้ร้านเป็นตัวแทนบอกกล่าว ความรักของเขาที่มีต่อชาติไทย รวมทั้งอยากให้เพื่อนร่วมชาติทุกคน ภาคภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย และแสดงมันออกมา”  นี่คือเหตุผลของ ถั่วแระ เชิญยิ้ม อย่างไรก็ตาม เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ก่อนหน้านี้ถั่วแระ เชิญยิ้มได้นำทีมศิลปินตลก รวมทั้ง นายรังสิโรจน์ พันธุ์เพ็ง นักแสดงชื่อดังจากละครเรื่อง “ชุมแพ” มาร่วมกันคอยอำนวยความสะดวกประชาชน ที่เดินทางมาถวายสักการะพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ บริเวณลานหน้าหอรัษฎากรพิพัฒน์ พระบรมมหาราชวัง ด้วยการแจกจ่ายน้ำดื่ม เพื่อถวายเป็นพระกุศล แด่พระองค์ท่าน เนื่องจากทรงเมตตากับคนไทยมากเกินที่จะทดแทนพระคุณหมด

นอกจากนี้แล้ว บุญอย่างหนึ่งที่ถือว่าเป็นบุญของศิลปินตลกในสมาคมตลกแห่งประเทศไทยทุกๆ คน คือ เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๑ ที่ผ่านมา ได้นำคณะศิลปินตลกจำนวน ๑๒๕ คน เดินทางเข้าร่วมถวายสักการะพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวัง. และ ในวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๑ กลุ่มศิลปินตลกจะมีการอุปสมบทหมู่ เพื่อถวายเป็นพระกุศลแด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ณ วัดยานนาวา โดยมี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาธินัดดามาตุ เสด็จทรงเป็นประธาน  จากนั้นไปจำวัดอยู่ที่วัดยานนาวา เพื่อความมั่นคงของชีวิต นอกจากรับงานแสดงตลกแล้ว ถั่วแระยังเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว โดยใช้ชื่อร้านว่า “ก๋วยเตี๋ยวถั่วแระ” โดยเขาคิดว่า เพื่อเป็นรายได้เสริมมาจุนเจือครอบครัว แต่ด้วยความเอาใจใส่ในคุณภาพ รสชาติ และบริการ ในที่สุดธุรกิจเสริมจึงกลายเป็นกิจการหลักของตัวเองและครอบครัว เพราะอาชีพตลกเริ่มรายได้ฝืดมาตั้งแต่ยุครัฐบาลระบอบทักษิณเข้ามาครองเมือง เมื่อจำกัดเวลาทำมาหากินของคนกลางคืน ที่ในอดีตตลกคณะหนึ่งๆ วิ่งรอกแสดงได้กว่าสิบแห่ง ในแต่ละคืน แต่เวลานี้เหลือเพียงสามสี่แห่งก็หมดเวลาแล้ว รายได้ที่เคยเป็นกอบเป็นกำเลยหดหาย ทำให้ตลกหลายๆ คณะต้องเลิกราไป

ถั่วแระบอกว่า จากที่เป็นนักแสดง ซึ่งตลอดทั้งปีโดยต้องเดินทางและเดินทางไปทั่วทุกภูมิภาคของไทย หลายหมื่นกิโลเมตร และการเดินทางก็ต้องอาศัยรถยนต์ จึงจะสะดวกต่ออาชีพ พร้อมลดค่าใช้จ่ายได้กว่าการเดินทางด้านอื่น ชีวิตจึงเสี่ยงไม่น้อยกับอุบัติเหตุ ประกอบกับเป็นผู้นับถือศาสนาพุทธมาตั้งแต่เกิด อีกทั้งงานแสดงหลายๆ ครั้งต้องไปแสดงตามงานวัด จึงมีโอกาสได้กราบหลวงพ่อดังๆ และเกจิอาจารย์ขลังๆ หลายสิบรูป ก็เลยได้สัมผัสกับพระเครื่องวัตถุมงคลนานาชนิดที่เจ้าตัวนำมาคุ้มครองตัว แต่สุดท้ายมายึดมั่น “ราหูอมจันทร์” ที่แกะจากกะลาตาเดียวของ วัดบ้านแดง อยุธยา  และ  หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง จ.นครปฐม รวมทั้ง จตุคาม-รามเทพ เนื้อดำ ซึ่งเป็นรุ่นที่เพิ่งสร้างเมื่อสี่ห้าปีนี้

วัตถุมงคลนั้นเป็นความเชื่อของแต่ละคน โดยส่วนตัวแล้วนับถือและยึดมั่นมาตั้งแต่เด็ก จึงแขวนพระมาตั้งแต่ยังเรียนหนังสือ ซึ่งตอนนั้นก็แขวนไว้เพื่อเป็นสิริมงคล และแขวนเพราะเชื่อว่าท่านจะให้สิ่งดีๆ แก่ชีวิตเรา ไม่ได้ยึดติด หรือเชื่อว่าท่านจะช่วยให้ถูกฟันไม่เข้ายิงไม่ออก แขวนก็เพราะศรัทธาตามแบบผู้นับถือพุทธทั่วๆ ไป และต่อๆ มาพี่ๆ เพื่อนๆ ที่มีประสบการณ์ด้านแขวนพระ ก็จะแนะนำให้หาวัตถุมงคลรุ่นนั้นรุ่นนี้ หลวงพ่อนั้นหลวงพ่อนี้มาแขวน จะช่วยให้ชีวิตดีขึ้น แต่วัตถุมงคลที่ขาดไม่ได้ แม้ไม่ได้ผ่านการปลุกเสกใดๆ เลยก็คือ ล็อกเกตพ่อแม่ “ช่วงที่ผมเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวตามงานต่างๆ หลังจากเปิดร้านแบบไม่มีหลังคา คือใช้ร่มขนาดใหญ่ปักกันแดดตามโต๊ะเท่านั้น อยู่ๆ ฝนก็ตั้งเค้าทำท่าจะตกอย่างหนักเลย คือท้องฟ้ามืดไปหมด และเป็นช่วงค่ำๆ ที่คนเริ่มมาเที่ยวงานแล้ว ซึ่งถ้าฝนตกผมคงไม่ได้ขายของแน่ เงินที่ลงทุนเป็นหมื่นๆ ก็มีสิทธิไม่ได้ทุนคืน ก็เลยนึกถึงวัตถุมงคลที่แขวนในคอ จึงนำท่านมาอาราธนา ขอให้ฝนอย่าตกเลย เพราะกำลังจะค้าขายกัน ซึ่งช่วงที่ขอก็ไม่รู้ว่าจะสัมฤทธิผลหรือไม่ ก็เลยได้แต่ลองดูเท่านั้น และต่อมาก็เป็นเรื่องอัศจรรย์สำหรับผม เพราะอยู่ๆ ก็มีลมพัดเอาเมฆที่มืดทะมึนไปทางอื่น ชั่วครู่ฟ้าที่ปิดมาตลอดก็เริ่มสว่าง และในที่สุดฝนก็ไม่ตกเลย ผมจึงได้แต่ยกมือท่วมหัว เพราะครั้งนั้นหากท่านไม่ช่วยมีสิทธิไม่ได้ขายของแน่เลย” นี่คือประสบการณ์หนึ่งของถั่วแระ ส่วนประสบการณ์อื่นๆ ถั่วแระบอกว่ายังมีอีกหลายหน แต่หากเล่ามากไปก็จะเป็นการคุยโอ้อวด จึงขอเก็บเป็นความทรงจำเฉพาะตัว ทั้งนี้เขาพูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า

“วัตถุมงคลของคนไทยนั้น มีมากมายหลายอย่าง และแต่ละอย่างก็มีดีไปคนละแบบเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลเป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล ขณะเดียวกันต้องดูด้วยว่าถูกโฉลกกัน ฉะนั้นจะแขวนวัตถุมงคลใดก็ต้องดูด้วยว่าถูกโฉลกกับอะไร ก็อาราธนาอันนั้นมาแขวน จึงจะมีผลและก็จะต้องมีความศรัทธาด้วย หากคิดแขวนเพื่อความโก้แล้ว ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง" ข่าวพระเครื่อง คมชัดลึก  "ไตรเทพ ไกรงู"