"ส.ส.ปทุมฯ ระทึก ! ขับรถแหกโค้งตกคูน้ำ รอดหวุดหวิด" เป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์หัวสีหลายฉบับ ของเช้าวันจันทร์ที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๑ ผู้ที่ตกเป็นข่าวคือ นายสุทิน นพขำ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต ๑ ปทุมธานี พรรคพลังประชาชน โดยเชื่อว่า ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะ บารมีพระสมเด็จ วัดระฆัง และ ตะกรุดหน้าผากเสือ ของ พระครูปทุมวรกิจ (หลวงพ่อชำนาญ) เจ้าอาวาสวัดบางกุฎีทอง ที่คล้องคอเป็นประจำนั่นเอง

 ส.ส.สุทิน เล่าย้อนเหตุการณ์ให้ฟังว่า ในช่วงเทศกาลงานบวชนาคก่อนเข้าพรรษา จะได้รับเชิญจากชาวบ้านให้ไปร่วมงานบวชเป็นประจำ บางวันต้องเดินทางไปร่วมงานบวชมากถึง ๑๕ งาน ในวันเกิดเหตุ ตรงกับวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๑ มีคนจัดงานบวชหลายงาน โดยในวันนั้นได้ไปร่วมงานบวชในพื้นที่ ต.คลองหวาย อ.สามโคก เป็นงานสุดท้าย โดยมีนายคูณเรียม ปัดสีสร้อย ประธานสภาเทศบาลเมืองบางกะดี นั่งมาด้วย ใช้ความเร็วประมาณ ๘๐-๙๐ กม.ต่อชั่วโมง ระหว่างนั้น มีฝนตกพรำๆ ตลอดทาง

 กระทั่งถึงหน้าวัดป่าภูริทัตโต ช่วงนั้นเป็นทางโค้ง เริ่มรู้สึกว่าท้ายรถปัด ไม่กล้าเหยียบเบรก เพราะถนนลื่นมาก แต่รถยังแฉลบหมุนกลางถนน ด้านท้ายแถบขวาฟาดเข้ากับโคนต้นไม้ขนาดใหญ่อย่างแรง ก่อนเสียหลักพุ่งลงข้างถนน ตกลงไปในร่องน้ำ จมไปเกือบครึ่งคัน เมื่อเหตุการณ์สงบ ได้เรียกนายคูณเรียม ช่วยกันเปิดกระจกประตูข้างด้านหลัง แล้วปีนออกมาอย่างปลอดภัยทั้งสองคน  และไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย เช้าวันรุ่งขึ้น หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่า ที่รอดตายมาได้เพราะบารมีพระสมเด็จวัดระฆัง และตะกรุดหน้าผากเสือ ของพระครูปทุมวรกิจ หรือหลวงพ่อชำนาญ เจ้าอาวาสวัดบางกุฎีทอง ที่คล้องคอเป็นประจำ แต่ความจริงแล้ว ในวันนั้นได้แขวนในคอพระกว่า ๑๐ องค์ และห้อยตะกรุดที่เอวอีกประมาณ ๑๐ ดอก จึงไม่รู้ว่า พระองค์ใด หรือตะกรุดดอกไหน ช่วยชีวิตตนเองให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากเหตุการณ์ดังกล่าวมาได้ เมื่อไม่รู้จึงเหมารวมว่า ทั้งพระเครื่องและตะกรุดมีพุทธคุณไม่น้อยกว่ากัน จึงนิมนต์ท่านติดไว้กับตัวมาจนถึงทุกวันนี้

 "ทั้งพระเครื่องและตะกรุด ผมไม่เคยลืมแขวนออกจากบ้านเลยสักครั้งเดียว ถ้าวันไหนลืมต้องกลับไปนิมนต์ท่านขึ้นคอ เพราะเหมือนว่า ชีวิตขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง พระทุกองค์ผมไม่เคยเช่า ส่วนใหญ่ชาวบ้าน และผู้ใหญ่ที่นับถือให้ไว้คุ้มครองป้องกันตัว แต่เลือกนิมนต์ขึ้นคอเฉพาะองค์ที่ชอบๆ เท่านั้น ขืนนิมนต์ขึ้นคอทั้งหมด มีหวังคอหักตาย เพราะคนนำพระมาให้เป็นร้อยๆ องค์" นี่คือคำยืนยันจากปากของ ส.ส.สุทิน

 สำหรับพระเครื่องและตะกรุดที่ ส.ส.สุทินแขวน ส่วนใหญ่มาจาก วัดใน จ.ปทุมธานี ทั้งสิ้น เช่น หลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี พระเถราจารย์เอกสายรามัญ ผู้มีชื่อเสียงในการจัดสร้างพระเนื้อผงพิมพ์สมเด็จ ที่สร้างขึ้นจากผง ๑๒ นักษัตร อันเป็นวิชาที่ท่านร่ำเรียนมาจาก พระรามัญราชมุนี อดีตพระชาวรามัญ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เมื่อครั้งในอดีต พระสมเด็จคะแนน ปี ๒๕๐๑ และ ครุฑ หลวงปู่เส็ง วัดบางนา คชสีห์ วัดศาลเจ้า พระมเหศวร วัดสุธาวาส พระร่วงหลังรางปืน วัดบางกุฎีทอง รวมทั้ง เหรียญพระอาจารย์วงศ์ และอาจารย์ไพร วัดมะขาม นอกจากนี้ยังมีพระจากจังหวัดอื่นๆ อีก เช่น พระสมเด็จ วัดระฆัง กรุวัดพระแก้ว พระหลวงพ่อโต วัดบางกระทิง จ.พระนครศรีอยุธยา พระยอดธง รุ่นแรก หลวงพ่ออุตตมะ จ.กาญจณะบุรี เหรียญหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี  พระหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร

 รวมทั้งแหวนพระอีก ๑ วง แต่ไม่แน่ใจว่า เป็นของวัดไหน พระเกจิอาจารย์รูปใดสร้าง ส่วนตะกรุดกว่า ๑๐ ดอกนั้น มีตะกรุดหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ ๒ ดอก ตะกรุดหลวงปู่เส็ง วัดบางนา ๒ ดอก ตะกรุดวัดรำมหาเมฆ ๑ ดอก ตะกรุดอาจารย์แล้ม วัดโพธิ์เลื่อน ๒ ดอก ตะกรุดหนังหน้าฝากเสือ หลวงพ่อชำนาญ วัดบางกุฎีทอง ๑ ดอก ตะกรุดหลวงพ่อเกิด วัดบางเดื่อ ตะกรุดวัดศาลเจ้า ๑ ดอก และ ตะกรุดหลวงพ่อจำลอง วัดเจดีย์แดง จ.พระนครศรีอยุธยาอีก ๑ ดอก สวนที่นิ้วมือสวมแหวนหลวงปู่ดู่ วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา

 เมื่อถามถึงเรื่องการบนบานศาลกล่าว ก่อนการเลือกตั้ง ส.ส.สุทิน บอกว่า ได้ไปบนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามคติความเชื่อของชาวบ้านใน จ.ปทุมธานี หลายแห่ง รวมทั้งไปบนไกลถึง จ.สระบุรี โดยไปบนไว้ว่า หากชนะการเลือกตั้งจะถวายละครรำแก้บน ๑๙ รอบ ซึ่งก็ชนะการเลือกตั้งจริง ขณะเดียวกัน การทำบุญก็เป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยกว่ากัน เพราะนอกจากได้บุญแล้ว ยังได้พบปะชาวบ้านด้วย และวัดหนึ่งที่ต้องเดินทางไปทำบุญเป็นประจำทุกๆ วันพระ คือ วัดมะขาม ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี  วันพระใดไม่ไปทำบุญ ชาวบ้านจะถามหา ส่วนอีกวัดหนึ่งที่ไปบ่อยไม่แพ้กัน คือ วัดศาลเจ้า ซึ่งตั้งติดอยู่กับวัดมะขาม ทั้ง ๒ วัดนี้เป็นวัดพี่วัดน้องกัน

 "จังหวัดปทุมธานี มีพระเกจิอาจารย์ทั้งอดีตและปัจจุบัน ที่มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมาก แต่คนปทุมกลับไม่ให้ความสำคัญ ซึ่งอาจจะเรียกว่า ใกล้เกลือกินด่าง อย่างกรณีพระหลวงปู่เทียน เชื่อหรือไม่ว่า คนใกล้วัดซึ่งอยู่ติดกับวัดแท้ๆ มีพระหลวงปู่เทียนไม่กี่องค์ บางบ้านไม่มีด้วยซ้ำ บางคนช่วยหลวงปู่เทียนบดมวลสาร และพิมพ์พระด้วยซ้ำ แต่กลับไม่มีพระหลวงปู่เทียนเลยสักองค์ เป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆ จึงอยากแนะนำว่า อย่ามองข้ามพระและเกจิใกล้บ้านอย่างเด็ดขาด  เมื่อท่านไม่อยู่ หรือของหมดจากวัด ความเสียดายก็จะเข้ามาแทนที่ " ส.ส.สุทิน กล่าวทิ้งท้าย ข่าวพระเครื่อง 0 เรื่อง / ภาพ ไตรเทพ ไกรงู  0คมชัดลึก