พระลีลากำแพงศอก กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี

*** สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา "คมเลนส์ส่องพระ" ได้มีโอกาสติดตามคณะของ อ.วีระ ธีระภัทร อ.สุเนตร ชุตินทรานนท์ คุณช่อผกาพร กิไพโรจน์ บริษัท วันเดอร์แลนด์ทราเวล จำกัด ฯลฯ ไปเที่ยวเขมร ๕ วัน โดยทางรถยนต์ โปรแกรมการท่องเที่ยวใน เมืองเสียมราฐ ตามสูตรสำเร็จรูปที่นิยมปฏิบัติกัน คือ ชมปราสาทต่างๆ รอบเมืองพระนครหลวง อาทิ นครวัต นครธม บายน บาเก็ง ตาพรหม บารายตะวันตก บารายตะวันออก ฯลฯ และที่ไปครั้งนี้ จุดสำคัญที่น่าสนใจ คือ ปราสาทที่ไม่ค่อยมีคนไปชมกันบ่อยนัก ปราสาทธม เมืองเกาะแกร์ ที่ต้องนั่งรถต่อไปอีกประมาณ ๔ ชั่วโมง แม้จะมีระยะทางเพียง ๑๕๐ กม. ก็ตาม เพราะเส้นทางคับแคบ และค่อนข้างกันดาร แถมยังมีป้าย หัวกะโหลกไขว้ บอกให้รู้ว่าบริเวณโดยแถบนั้นยังมี ทุ่นระเบิด ฝังอยู่ ห้ามเดินออกนอกเส้นที่กำหนดไว้อย่างเด็ดขาดความสำคัญของ เมืองเกาะแกร์ มีอย่างไร เอาไว้จะเล่าสู่กันฟังในเร็วๆ นี้...สิ่งที่อยากจะบอกให้ทราบตรงนี้ คือการไปเที่ยวชมโบราณสถานกับ อ.วีระ และ อ.สุเนตร นั้นมีการเล็กเชอร์ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับสถานที่ที่จะไปชมให้ฟังอย่างละเอียดทุกคืนก่อนเข้านอน...เรียกว่าให้ ความรู้ อย่างสุดๆ กันเลยทีเดียว  หรือจะเรียกว่าเป็นการทัศนศึกษา อย่างชนิดเจาะลึกก็ว่าได้

** กลับมาเมืองไทย เข้าสู่สนามพระ ศึกษาเรื่องพระกันทันทีเริ่มด้วย พระลีลากำแพงศอก กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี เนื้อชินเงิน ซึ่งเป็นพระแผงสำหรับตั้งบูชา ที่เชื่อกันว่า ป้องกันไฟ ได้ดีนักหนา ใครมีไว้บูชาประจำบ้าน ก็เหมือนมีรถดับเพลิงจอดรออยู่ที่บ้านทั้งคัน จริงเท็จอย่างไรก็ต้องสอบถามชาวสุพรรณกันดู แต่ที่แน่ๆ คือ พระพิมพ์นี้มีลีลาการก้าวย่างอรชรอ่อนช้อยเหลือเกิน เพราะเป็นพระลีลาที่มี พุทธศิลป์สุโขทัย อย่างแท้จริง วงการพระนิยมกันมาก เช่าหากันองค์ละหลายหมื่นบาท จนถึงหลักแสนขึ้นไป โดยเฉพาะองค์ในภาพนี้ถือว่า สวยระดับแชมป์ แถมยังเป็นพิมพ์ที่มี เกลียวเชือกใหญ่ อยู่ที่ขอบโดยรอบอีกด้วย เป็นการเพิ่มคุณค่าราคาสูงขึ้นไปอีก ชาติ คลองรังสิต นักสะสมพระแท้และสวยเป็นเจ้าของพระองค์นี้ ที่เรียกว่า พระกำแพงศอก ก็เพราะองค์พระมีขนาดสูงเท่าประมาณ ๑ ศอก หรือ ๑๒ นิ้ว นั่นเอง ส่วนความกว้างที่ฐานประมาณ ๔.๕ นิ้ว ด้านหลังองค์พระเป็นแบบเว้าตามรูปรอยขององค์พระด้านหน้า ที่เรียกว่า "หลังแบบ" เป็นแผงพระที่ไม่มีความหนามากนัก จึงตั้งบูชาโดยตรงไม่ได้ต้องมี กรอบพระ ประกบเอาไว้ด้วยถึงจะตั้งยืนได้ พระเมืองสุพรรณองค์ต่อไป พระขุนแผนกรุวัดบ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ เป็นพระเนื้อดินเผาที่เชื่อกันว่าสร้างโดย สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ สมเด็จเอกาทศรถ พระอนุชา

** ด้วยเหตุที่ ขุนแผน เป็นพระเอกในวรรณคดีเรื่อง ขุนช้าง ขุนแผน ทำให้เซียนพระสมัยก่อนเอาชื่อ ขุนแผน มาเรียกขานพระเนื้อดินกรุนี้ เพราะเป็นพระพิมพ์ที่มีความงดงามอลังการมาก สันนิษฐานว่าออกแบบ และสร้างขึ้นโดย ฝีมือช่างหลวง พิมพ์ทรงองค์พระที่ได้ออกมาจึงมีความสมบูรณ์ในรูปแบบพิมพ์ทรงทุกซอกมุม

** ขณะเดียวกัน ขุนแผน ในวรรณคดียังเป็นพระเอกผู้มีความเก่งกล้าสามารถมาก และมีหน้าตาหล่อเหลาเอาการเลยทีเดียว จนเป็นที่หมายปองของสตรีพิเศษที่ได้พบเห็น เมื่อนำชื่อนี้เป็นมาเรียกเป็นชื่อพระพิมพ์กรุนี้ จึงทำให้ผู้คนเข้าใจไปว่า ใครมี พระขุนแผน จะเป็นต้องเป็นคนเจ้าชู้ประตูดิน จนทำให้เป็นที่หวั่นหวาดของผู้ที่จะนิมนต์ พระขุนแผน ขึ้นคอเกรงจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนเจ้าชู้ไปโดยปริยาย

** พระขุนแผน มีทั้งแบบองค์คู่ คือ พระ ๒ องค์ติดกัน ที่เรียก พระพลายคู่ ส่วนที่มีพระองค์เดียวโดดๆ เรียกว่า พระพลายเดี่ยว ** เมืองสิงห์บุรี มีอาณาเขตติดต่อกับ เมืองลพบุรี จนแทบจะแยกกันไม่ออก จึงไม่น่าสงสัยว่า  อิทธิพลขอม ยุครุ่งเรืองสุดๆ ซึ่งมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่เมืองละโว้ (ลพบุรี) จะปรากฏอยู่ตามโบราณวัตถุของเมืองสิงห์บุรีด้วยเหมือนกัน และอาจจะเป็นไปได้ว่า สมัยนั้นเมืองลพบุรี-สิงห์บุรี เป็นเมืองเดียวกันก็ได้ ด้วยเหตุนี้ เมืองสิงห์บุรี จึงมีการขุดพบพระเครื่องศิลปะลพบุรี อย่างเช่น พระร่วงยืนประทานพร กรุ นอกจากนี้ยังมีการขุดพบ พระสังกัจจายน์ สนิมแดง กรุป่าไม้แดง ศิลปะสุโขทัย ในเขตเมืองสิงห์บุรี ทุกวันนี้อีกด้วย ในฐานะที่ นพ.ทวีชัย จันทร์เพ็ญ ผู้บริหารโรงพยาบาลสิงห์บุรีเวชการ มาอยู่เมืองสิงห์หลายปีแล้ว จึงต้องแสวงหาพระกรุในท้องถิ่นนี้เอาไว้เป็นที่ระลึกด้วย ก็ได้ พระสังกัจจายน์ กรุป่าไม้แดง องค์นี้แหละ

** เพื่อนพ้องน้องพี่ชาวเว็บ uamulet จำนวนไม่น้อยที่ยังมีความเลื่อมใสศรัทธาในองค์พ่อจตุคามรามเทพ มาอย่างเหนียวแน่น มั่นคง และต่อเนื่องกันจนถึงทุกวันนี้ โดยไม่ได้สนใจไยดีกับกระแสนิยมของสังคมแต่อย่างไร ไม่ว่าจะขาขึ้นหรือขาลงก็ตาม คนกลุ่มนี้ก็ยังมีองค์พ่อฯ ติดตัวอยู่เสมอ และยังมีการนัดพบสังสรรค์กันอยู่เป็นประจำ เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น พร้อมกับนำข่าวสารความเคลื่อนไหว ลงในเว็บดังกล่าวตลอดเวลา เมื่อวันก่อนคนกลุ่มนี้ ได้เชิญ แล่ม จันท์พิศาโล ไปร่วมพบปะสังสรรค์ด้วย ได้เห็นแรงศรัทธาในองค์พ่อฯ ของทุกท่านเหล่านี้แล้ว ต้องชื่นชมว่าทุกท่านยังมั่นคง และเหนียวแน่นกับองค์พ่อฯ จริงๆ ** จากการพบกันในวันนั้นมี เสี่ยลิ้ง หาดใหญ่ เสี่ยเจ็ด หลักเมือง มาบุญครอง ฯลฯ ไปร่วมด้วย ในฐานะผู้บุกเบิกเปิดฟ้า จตุคามฯ มาเก่าก่อน วันนั้น "เสี่ยเจ็ด" ได้เปิดอกโชว์ จตุคามรามเทพ พิมพ์กลมใหญ่ เนื้อขาวโรยผงตะไบมีดหมอ ปัดทองและนาก สวยคมชัดลึกเป็นพิเศษ "เสี่ยเจ็ด" บอกว่า ใครจะว่าช่วงนี้เป็นขาลงก็ตาม แต่สำหรับ จตุคามฯ องค์นี้ใครจะให้ราคา ๔-๕ แสนบาท ยังไม่คิดจะปล่อยออกไปเลย...สาธุ

** ช่วง ๒-๓ ปีก่อน พระหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม มาแรงมาก เพราะมีข่าวเกี่ยวกับผู้ที่มีพระของท่านบูชาติดตัว แล้วไปโดนยิง แต่ปรากฏไม่ตาย กระสุนไม่ระคายผิวหนัง เหลือเชื่อจริงๆ ทำให้พระเครื่องทุกอย่างของ หลวงพ่อเงิน นิยมกันอย่างกว้างขวางอยู่ระยะหนึ่ง มาถึงทุกวันนี้ชักเพลาลงไปมาก จึงนับเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ที่ไม่ได้เช่าพระตามกระแส แต่เช่าด้วยความศรัทธาจริงๆ ชั่วโมงนี้ ขอแนะนำให้หา พระหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม พิมพ์ไหนก็ได้ที่ออกในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ที่น่าสนใจ คือ พระพุทธชินราช หล่อโบราณ มีทั้ง พิมพ์เข่าลอย และ พิมพ์ธรรมดา

** ที่เรียกว่า พิมพ์เข่าลอย คือ เข่าทั้ง ๒ ข้าง ขององค์พระพุทธชินราช ลอยนูน ขึ้นมาเป็นพิเศษ พิมพ์นี้ราคาจะแพงกว่า พิมพ์ธรรมดา ถ้าหากเช่าหาเพื่อพุทธคุณ เอาพิมพ์นี้ไว้ก่อน เพราะถูกสตางค์ดี เป็นพระที่ปลุกเสกในพิธีเดียวกัน พุทธคุณความขลัง ย่อมเหมือนกัน เรื่องอะไรจะไปเช่าของที่แพงกว่า แต่หากมีเงินเหลือใช้จริงๆ อย่าง เสี่ยชลัท อุปริพุทธิพงศ์ เจ้าของโรงงานผลิตสมุดสำหรับนักเรียนรายใหญ่ของเมืองไทย และเป็นเจ้าของพระองค์นี้ ย่อมต้องเช่าหาองค์ที่แพงกว่า เพราะมีความพิเศษมากกว่า เพราะหายากกว่ากันนั่นเอง

** จ่าโกวิท แย้มวงษ์ ผอ.นิตยสารพระเครื่องอภินิหาร ฝากข่าวถึงลูกศิษย์ลูกหา และผู้ที่เคารพนับถือ หลวงหนุ่ย วัดคอหงส์ หรือผู้ที่ หลวงหนุ่ย เคยไปประกอบพิธีบวงสรวงให้ในช่วงจตุคามฯ เฟื่องสุดๆ จนทำให้หลายๆ คนได้เงินทองกันมาแล้วมากมาย ขณะนี้ หลวงหนุ่ยอาพาธ อยู่ที่ โรงพยาบาลธนบุรี ๑ ถนนอิสรภาพ พรานนก ห้อง ๑๐๒๗ กรุณาหาเวลาว่างแวะไปเยี่ยมเยือนเป็นกำลังใจให้ท่านบ้าง **

** จ.สิงห์บุรี ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๘ ในรัชกาลสมัยที่ ๕ โดยพระองค์ทรงให้ยุบเมืองเล็กๆ ๓ เมือง ที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เหนือจังหวัดอ่างทองขึ้นไป คือ เมืองสิงห์บุรี อินทร์บุรี และพรหมบุรี ให้มีฐานะเป็นอำเภอ แล้วตั้งเป็นเมืองใหม่ขึ้นมา ที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้านตะวันตก ที่ตำบลบางพุทรา แล้วพระราชทานนามว่า "เมืองสิงห์บุรี" ปัจจุบันมี ๖ อำเภอ  คือ อ.เมือง อินทร์บุรี บางระจัน ค่ายบางระจัน พรหมบุรี และ อ.ท่าช้าง ** เมืองสิงห์บุรี เป็นเมืองประวัติศาสตร์ เป็นเมืองนักรบแต่โบราณกาล ที่รู้จักกันดีคือ ชาวบ้านบางระจัน ผู้กล้าหาญต่อสู้กับพม่าจนได้สร้างวีรกรรมให้ลูกหลานได้จดจำในทุกวันนี้ ** นอกจากนี้ เมืองสิงห์บุรี ยังมี พระกรุ พระเก่า อีกไม่น้อย เนื่องจากในอดีตเป็นแผ่นดินเดียวกันกับ เมืองละโว้ หรือ เมืองลพบุรี ที่เป็นศูนย์กลางของ ขอม ยุคเรืองอำนาจ มีการสร้างพระเครื่องพระบูชาบรรจุเอาไว้ตามวัดต่างๆ ในอาณาเขตที่เป็น เมืองสิงห์บุรี ทุกวันนี้ก็ได้มีการขุดพบพระกรุสมัยขอมลพบุรี หลายกรุหลายพิมพ์เช่นกัน 

 ** เนื่องจาก พระขุนแผนพลายคู่ มีความเทอะทะในการเลี่ยมขึ้นคอ จึงนิยมตัดแบ่งออกเป็น ๒ องค์ จะได้องค์พระขนาดกะทัดรัด อย่างที่เห็นนี้ เป็นพระตัดแบ่งมาจาก พระขุนแผนพลายคู่ พิมพ์หน้ามงคล ที่น่าสนใจเป็นพิเศษสำหรับพระองค์นี้ คือ มีขนาดองค์เล็กกว่าพระตัดแบ่งทั่วๆ ไป แถมยังมีหน้าตาชัดเจน ซึ่งลักษณะเช่นนี้พบเห็นได้ยากยิ่ง องค์นี้เป็นพระของ อู๊ด สุพรรณ เป็นพระดูง่าย ครบสูตรพระขุนแผนทุกประการ

** จากด้านหลังภาพพระองค์นี้ จะเห็นได้ชัดว่า ตรงขอบมีสันหนามาก สังเกตให้ดีจะเห็นได้ว่า การตัดขอบจะเฉียงบานออกเล็กน้อย คือ พื้นที่ด้านหน้าจะกว้างกว่าด้านหลัง สันนิษฐานได้เลยว่า เวลาตัดขอบจะวางองค์พระคว่ำลง ต่างจาก พระสมเด็จ จิตรลดา ที่ตัดเฉียงออกด้านหลัง คือ พื้นที่ด้านหลังกว้างกว่าด้านหน้า การตัดขอบจะวางองค์หงายขึ้น...มุมมองเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ คือ ความละเอียดอ่อนของนักสะสมพระ ที่จะต้องหมั่นจดจำเอาไว้เป็นกรณีศึกษา ใครรู้มาก จำได้มาก ย่อมได้เปรียบ และจะทำให้ดูพระได้เก่งขึ้น 

 ** อย่างที่บอกไว้ คอลัมน์นี้จะขาด พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ไม่ค่อยได้ เพราะเป็นพระที่กำลังมาแรง ราคาดี และมีผู้สนใจเช่าหากันมาก ขณะเดียวกัน ก็มีผู้ส่งภาพมาให้ไม่ขาดสาย ล้วนเป็นพระแท้และพระสวยทั้งสิ้น องค์ที่เห็นในวันนี้ ก็เช่นกัน พระหลวงพ่อทวด หลังเตารีด พิมพ์ใหญ่ ปี ๒๕๐๕ จัดเป็นพระดูง่าย สวยคมชัดมาก หากดูบ่อยๆ จดจำให้แม่น โอกาสจะได้พระแท้ย่อมง่ายขึ้น พระหลวงพ่อทวด องค์ที่เห็นนี้เป็นของ เชน สงขลา คนหนุ่มผู้สนใจเช่าหาแต่ พระหลวงพ่อทวด โดยตรง

** การเดินทางไปทัศนศึกษา เมืองเขมร ครั้งนี้มีคณะของเราเพียงคณะเดียวที่เป็นคนไทย จำนวน ๑๕๐ คน ๔ คันรถบัส ไกด์ชาวเขมร ที่พูดไทยได้ชัดเจนบอกว่า ตั้งแต่เกิดกรณี เขาพระวิหาร ช่วง ๒-๓ เดือนที่ผ่านมา ไม่มีคนไทยเข้าไปท่องเที่ยว เสียมเรียบ กันเลย เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นจากความบาดหมางใจกรณี เขาพระวิหาร ก็ได้ แต่ปรากฏว่า ตลอดระยะเวลา ๕ วันที่อยู่ในเขมร ไม่ได้มีเหตุการณ์ร้ายแรงใดๆ เกิดขึ้นกับคณะของเราเลย ชาวเขมรที่พบเห็นทั่วๆ ไปต่างทำมาหากิน ไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องที่เป็นข่าวแต่ประการใด และทุกคนก็อยากจะให้เหตุการณ์ครั้งนี้สงบลงด้วยดี โดยเฉพาะผู้ที่ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยว เพราะเป็นรายได้หลักของเขา 

 ** "หนี" ไปแล้วตามความคาดหมาย อดีตนายกฯ ทักษิณ ประกอบกรรมดีกรรมชั่วอย่างไร เจ้าตัวย่อมรู้ดีที่สุด หลายคนบอกว่าสวรรค์มีตาฟ้ามีหู  พระสยามเทวาธิราช ยังคงความศักดิ์สิทธิ์ ที่ได้ทำหน้าที่พิทักษ์รักษาบ้านเมืองของเราให้อยู่อย่างสันติสุขต่อไป...นะ มัสเต *** คมชัดลึก