เส้นทางนักพระเครื่อง-ผศ.ดร.วุฒิพงศ์ กิตติธเนศวร เจ้าของ บริษัท วิชชากร จำกัด นับเป็นนักธุรกิจหนุ่มผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในหน้าที่การงานอีกคนหนึ่ง ที่สนใจการสะสมพระเครื่องยอดนิยมมานานพอสมควร แต่คนในวงการพระอาจจะไม่ค่อยคุ้นหน้ามากนัก เนื่องจากไม่ชอบแสดงตัวให้โดดเด่นในสังคมวงการพระมากนัก จะติดต่ออยู่บ้างก็เฉพาะแต่เซียนพระบางคนที่รู้จักกันดีเท่านั้น ดังนั้นพระเครื่องพระบูชาที่สะสมแม้จะมีไม่มากนัก แต่ล้วนเป็นพระสุดยอดแห่งความนิยมของวงการทั้งนั้น และเป็นพระที่สวยสมบูรณ์คมชัดทุกองค์

ภาพพระที่เห็นในคอลัมน์นี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ ดร.วุฒิพงศ์ สะสมไว้ คือ พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ บางขุนพรหม พระหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พิมพ์ตัดชิด พระกริ่งสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนฯ รุ่นวัดช้าง ปี ๒๔๘๔ เหรียญเจ้าสัว หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว เนื้อเงิน เหรียญหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว เนื้อทองคำ ปี ๒๕๑๓  พระพุทธรูป ภปร. กฐินต้น วัดเหนือ ปี ๒๕๐๖ (องค์นี้สำคัญสุด คือ ตอกโค้ดหมายเลข ๙) ฯลฯ ย้อนหลังไปในอดีต ดร.วุฒิพงศ์ เป็นชาว จ.นครนายก เข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ ที่โรงเรียนวัดราชาธิวาส สามเสน จากนั้นสอบเอนทรานซ์ติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียนจบปริญญาตรีแล้วได้ทุนไปศึกษาต่อปริญญาโทที่สถาบันเทคโนโลแห่งเอเชีย (เอไอที) จบแล้วได้รับทุนจากประเทศญี่ปุ่นไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยญี่ปุ่นจนจบปริญญา เอก กลับมาเป็นอาจารย์ที่คณะวิศวะ จุฬาฯ และคณะวิศวะฯ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ก่อนลาออกมาประกอบธุรกิจส่วนตัว ก่อตั้ง บริษัท วิชชากร จำกัด ขึ้นที่ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน จนถึงทุกวันนี้ บริษัทวิชชากรประกอบธุรกิจรับออกแบบ ควบคุมงาน และเป็นที่ปรึกษางานทางด้านวิศวกรรมโยธาทุกประเภท มีผลงานโครงการใหญ่มาแล้วมากมาย และที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ก็มีหลายโครงการด้วยกัน โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ และสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่ จ.ปทุมธานี ความสนใจพระเครื่องของ ดร.วุฒิพงศ์  เริ่มเมื่อตอนที่เพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นใหม่ๆ พี่ชายชวนไปกราบ หลวงพ่อคูณ ที่วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา เนื่องจากพี่ชายเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อมาก่อนเมื่อไปถึงวัดหลวงพ่อกำลังพักผ่อนจึงเรียกให้เข้าไปหาในกุฏิของท่าน

เหรียญหลวงพ่อคูณ ปี17 เนื้อทองแดง

วันนั้นนอกจากหลวงพ่อคูณจะให้ศีลให้พรและเคาะหัวตามที่ทำต่อทุกคนแล้ว ท่านยังเมตตาลงเหล็กจารเหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อคูณรุ่นปี ๒๕๑๗ ให้ด้วยรู้สึกประทับใจในตัวท่านมาก เหรียญอันนี้ทุกวันนี้ก็ยังใช้ติดตัวอยู่เสมอ หลังจากนั้นมาก็หาหนังสือเกี่ยวกับพระเครื่องมาอ่านจนเกิดความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะพระเครื่องของเกจิอาจารย์ดังๆ ในยุคนั้น อาทิ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี จึงหาเช่าพระปิดตารุ่นจัมโบ้ ๒ ได้ที่ศูนย์พระเครื่องบนห้างพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ ต่อมาพระสมเด็จพิมพ์ก้างปลา แช่น้ำมนต์ ซึ่งเป็นพระยุคแรกของหลวงปู่โต๊ะที่ท่านสร้างขึ้นเอง ต่อมาเมื่อ พยัพ คำพันธุ์ กับ ต้อย เมืองนนท์ ย้ายสมัครพรรคพวกจากที่เดิม ขึ้นไปเปิดสนามพระติดแอร์บนห้างบางลำภู งามวงศ์วาน (ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ในทุกวันนี้) ช่วงนั้นเข้าไปหา พี่ต้อย เมืองนนท์ ด้วยความเชื่อถือในตัวพี่ต้อยมาก แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็ตาม ขอชม พระสมเด็จเกศไชโย พี่ต้อยก็ยกมาให้เลือกหลายองค์ ในที่สุดตัดสินใจเช่ามา ๑ องค์ ทำเอาพี่ต้อยแปลกใจมาก เพราะเป็นคนหน้าใหม่ เพิ่งพบกันครั้งแรก ก็กล้าเช่าพระสมเด็จราคาแพง โดยไม่มีอาการรีรอแต่ประการใด จนพี่ต้อยต้องพูดย้ำแล้วย้ำอีกว่า หากไม่ชอบ หรือเบื่อเมื่อไร เอามาคืนได้ หรือจะเปลี่ยนเป็นพระอย่างอื่นก็ได้ ด้วยความที่เป็นสุภาพชน พูดจานิ่มนวล เป็นกันเองมาก อีกทั้งมีน้ำใจไมตรีเอื้ออาทรต่อลูกค้าหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาหาเป็นครั้ง แรก เป็นสิ่งที่ ดร.วุฒิพงศ์ บอกว่าประทับใจในตัวพี่ต้อยมาก กล่าวชมว่าพี่ต้อยเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารักน่านับถือมากจริงๆ

หลังจากนั้นไปขอเช่า พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่ กรุบางขุนพรหม มาจากพี่ต้อยอีกองค์หนึ่ง พร้อมกับตลับทองคำ พอได้มาก็นิมนต์ขึ้นคอทันที ทำให้รู้สึกว่ามีกำลังใจดีมาก หลายสิ่งหลายอย่างที่ได้รับล้วนเป็นเรื่องที่ดีงามทั้งสิ้น โดยเฉพาะธุรกิจการงานที่ทำอยู่ มีความเจริญรุ่งเรืองรุดหน้าไปอย่างไม่คาดคิด จากการที่ไปหาพี่ต้อยบ่อยขึ้น ทำให้เกิดความสนใจเรื่อง พระพุทธรูป ขึ้นมาอีก เพราะพี่ต้อยมีพระพุทธรูปมากมายจนได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ชำนาญด้านพระพุทธรูปทุกยุคทุกสมัยมากเป็นพิเศษ จึงขอเช่าพระพุทธรูปจากพี่ต้อยมาเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้มีหลายสิบองค์แล้ว เป็นพระพุทธรูปทุกยุคทุกสมัย และหลายขนาดหน้าตัก ดร.วุฒิพงศ์ บอกว่า "ยามใดที่ว่างจากการงาน เมื่อเพ่งสายตาไปสัมผัสที่พระพุทธรูปองค์หนึ่งองค์ใดก็ตาม ที่มีอยู่ตามจุดต่างๆ ทั้งที่บ้านพัก และที่สำนักงาน ทำให้จิตใจปลอดโปร่งโล่งสบาย เกิดสมาธิ มีความปีติ ช่วงเวลานั้นชีวิตมีความสุขมาก และผมมักจะหาโอกาสปฏิบัติตัวอย่างนี้เสมอ"ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ ดร.วุฒิพงศ์ มีความรู้สึกว่า พระพุทธรูปเก่าๆ ให้อะไรที่ดีงามแก่คนเรามากมาย ยิ่งศึกษาก็ยิ่งมีความรู้มากขึ้น มาถึงจุดนี้ ดร.วุฒิพงศ์ บอกว่า พอจะดูพระพุทธรูปยุคเก่าๆ ได้บ้างแล้ว โดยการพิจารณาถึงพุทธศิลป์ และอายุความเก่าของเนื้อโลหะที่จัดสร้างเป็นองค์พระขึ้นมา ในแต่ละยุคแต่ละสมัย

ในส่วนของพระเครื่อง ดร.วุฒิพงศ์ บอกว่า สนใจเฉพาะที่ชอบเท่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นพระเครื่องของพระเกจิอาจารย์ยุคเก่า ที่ชอบก็เพราะว่าศึกษาประวัติของท่านมาก่อน ทำให้รู้ว่าหลวงพ่อแต่ละท่านที่มีวิชาอาคมแก่กล้า ล้วนเป็นพระบริสุทธิสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาตลอดชีวิตของท่าน เป็นพระแท้ที่กราบไหว้ได้อย่างสบายใจ จึงมีความเคารพศรัทธามาก เมื่อท่านได้ละสังขารจากไปแล้ว สิ่งที่เราจะสื่อถึงท่านได้ก็คือ พระเครื่องของท่านนั่นเองด้วยเหตุนี้ พระเครื่องที่ ดร.วุฒิพงศ์ สนใจก็คือ พระเครื่องของพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าที่เคารพนับถือ ซึ่งเวลานี้สะสมเอาไว้หลายท่านด้วยกัน ส่วนพระกรุ ต้องยอมรับว่ายังมีความรู้ไม่มากนัก การศึกษาเรื่องพระกรุจึงยังไม่ได้เจาะลึกอะไรมากนัก ทำให้มีพระกรุน้อย เช่าหามาเพียงไม่กี่องค์เท่านั้น เนื่องจากเป็นชาวนครนายก ดร.วุฒิพงศ์ จึงให้ความสนใจพระเครื่องที่มีความเกี่ยวเนื่องกับจังหวัดนี้ ที่เห็นโดดเด่นสุด คือ พระกริ่งวัดช้าง ที่ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนเทพวราราม ทรงสร้างขึ้นเพื่อให้ออกที่วัดช้าง อ.บ้านนา จ.นครนายก ปี ๒๔๘๔ อ่านประวัติของสมเด็จพระสังฆราช (แพ) แล้ว นึกอยากได้พระกริ่งวัดช้างมาก จึงไปขอแบ่งมาจาก โกเนี้ยว สำโรง เซียนพระรุ่นใหญ่ ซึ่งมีอยู่เป็นองค์สุดท้ายของท่านพอดี ล่าสุดได้ เหรียญหลวงพ่อเกิด วัดสะพาน อ.บ้านนา พระเกจิอาจารย์ผู้โด่งดังของ จ.นครนายก ที่วงการพระรู้จักกันดี   

ดร.วุฒิพงศ์ บอกว่า พระเครื่องหรือเหรียญพระเกจิอาจารย์ต่างๆ ส่วนใหญ่ได้มาจาก เพชร ท่าพระจันทร์ หมึก ท่าพระจันทร์ ฯลฯ และอีกบางคนที่รู้จักมักคุ้นกันดี ผศ.ดร.วุฒิพงศ์ กล่าวถึงวงการพระว่า "หากมองในฐานะผู้บริโภค ก็ไม่มีอะไรที่เป็นปัญหา ทุกวงการย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกัน สิ่งสำคัญอยู่ที่ตัวของเราเอง ว่าจะเลือกคบหากับใคร การติดต่อซื้อพระจากใคร จึงต้องศึกษาคนที่เราจะไปซื้อพระจากเขาก่อน หากเป็นคนเล่นพระดีมีพระแท้ มีความซื่อสัตย์จริงใจต่อลูกค้า หากเราคบหาสมาคมด้วย ก็ย่อมได้พระดีพระแท้ และราคาพอสมควร ผมเป็นคนที่โชคดีในเรื่องนี้ เพราะได้พบกับคนดีเสมอ จึงไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย พระที่ได้มาล้วนเป็นพระแท้ทุกองค์ สวยงามคมชัดดูง่ายเป็นความภูมิใจในจุดนี้มาก หยิบพระองค์ไหนมาขึ้นคอก็มีความอบอุ่นใจ มั่นใจ และมีความสุขเสมอ" ดร.วุฒิพงศ์ พูดถึงความเชื่อเรื่องพุทธคุณของพระเครื่อง ว่าในฐานะเป็นชาวพุทธย่อมต้องมีความเชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน เพราะพระแต่ละองค์ที่พระเกจิอาจารย์ยุคเก่าได้สร้างขึ้นมาได้ปลุกเสกให้ด้วยความเมตตา ล้วนเกิดมาจากความตั้งใจจริงๆ ของท่านเพื่อให้ลูกศิษย์มีของดีไว้ใช้ติดตัว เป็นสิริมงคล ปกป้องคุ้มครองให้มีความปลอดภัยในชีวิตโดยส่วนตัวแล้ว ตั้งแต่มีพระเครื่องติดตัว ไม่เคยประสบเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรเลย สิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ได้รับจากองค์พระโดยตรง เป็นบุญบารมีของคุณพระ ที่ได้ช่วยคุ้มครองให้เราอยู่ด้วยความปลอดภัยตลอดมา" นอกจากการสะสมพระเครื่อง ผศ.ดร.วุฒิพงศ์ ยังมีความสนใจในการสะสม ภาพเขียน ของศิลปินชื่อดังในเมืองไทย หลายท่านด้วยกัน ภาพแรกที่ซื้อมาคือ ภาพต้นอ้อ เขียนโดย อ.สวัสดิ์ ตันติสุข

หลังจากนั้นติดตามซื้อภาพเขียนของศิลปินดังๆ อีกหลายท่าน จนทุกวันนี้ มีภาพเขียนอันล้ำค่ากว่า ๑๐๐ ภาพ จนคิดว่าจะต้องสร้างห้องพิเศษสำหรับติดตั้งภาพเขียนเหล่านี้เอาไว้ต่างหาก เพราะมีผู้หลักผู้ใหญ่ที่สนใจเรื่องภาพเขียนของศิลปินชื่อดัง มาขอชมที่สำนักงาน รวมทั้งศิลปินบางท่านก็มาขอชมผลงานของศิลปินท่านอื่นๆ ก็มี จากการที่ได้สะสม ภาพเขียนอันล้ำค่า ของศิลปินชื่อดังๆ ไว้มากพอสมควร ดร.วุฒิพงศ์ จึงคิดว่าจะหาโอกาสจัดพิมพ์เป็นหนังสือรวมภาพเขียนเหล่านี้ไว้ เพื่อให้ผู้สนใจทางนี้ได้ศึกษาหาความรู้โดยสะดวก และเป็นความภูมิใจของเจ้าของภาพด้วย เท่าที่ผ่านมา ภาพเขียนบางภาพ ดร.วุฒิพงศ์ ได้นำมาจัดพิมพ์เป็นปฏิทินปีใหม่ สำหรับแจกแก่ลูกค้า และหน่วยงานที่ติดต่อ รวมทั้งผู้ที่เคารพนับถือ โดยได้จัดพิมพ์มาแล้ว ๔ ปี ๔ ชุด ปฏิทินปีใหม่ทั้ง ๔ ปี ที่จัดพิมพ์มาแล้ว หน้าพระเครื่อง "คม ชัด ลึก" ได้นำข่าวมาลงพิมพ์ พร้อมทั้งบอกกล่าว ให้ท่านผู้อ่านที่สนใจส่งจดหมายไปขอรับปฏิทินได้ฟรี หรือจะไปรับด้วยตนเองที่สำนักงานโดยตรงก็ได้ ปรากฏว่า มีผู้สนใจไปติดต่อไปขอรับปฏิทินเป็นจำนวนมาก ดร.วุฒิพงศ์ เล่าว่าวันหนึ่งไปติดต่อร้านทองแห่งหนึ่ง เห็นภาพปฏิทินชุดนี้ ที่เจ้าของร้านทองตัดใส่กรอบอย่างสวยงาม เรียงกันทุกปี รู้สึกดีใจมาก ที่มีผู้ให้ความสนใจในจุดนี้

สำหรับปีใหม่ ๒๕๕๒ นี้ ดร.วุฒิพงษ์ บอกว่า จะยังคงจัดพิมพ์ปฏิทินรูปพระคณาจารย์อีกชุดหนึ่ง ในรูปแบบและขนาดเท่าเดิม เพื่อจะได้จัดเก็บเป็นชุดๆ อย่างลงตัว ท่านผู้อ่านที่สนใจขอให้ติดตามข่าวนี้ได้จาก "คม ชัด ลึก" ในช่วงปีใหม่ ๒๕๕๒  0 แล่ม จันท์พิศาโล 0