คอลัมน์ หลังเลนส์ส่องพระ เอกอุ
เมื่อคณะกรรมการได้ทราบกำหนดการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้เชิญพระเครื่องที่สร้างทั้งหมดนั้นประกอบพิธีอธิษฐานจิตบริกรรมปลุก เสกเดี่ยวโดยคณะกรรมการได้อาราธนาพระคุณเจ้าผู้ทรงคุณวุฒิ-วัยวุฒิ ดังนี้ 1.พระราชญาณดิลก (หลวงพ่อสงวน) วัดราชประดิษฐ์ กรุงเทพ มหานคร 2.พระราชพุทธิรังษี (หลวงพ่อวิเชียร) วัดเครือวัลย์ จ.ชลบุรี 3.พระเทพเมธี (หลวงพ่อบุญนาค) วัดเศวตฉัตร กรุงเทพมหานคร 4.พระเทพวรเวที (หลวงพ่อธำรงค์) วัดแก้วแจ่มฟ้า กรุงเทพมหานคร 5.พระภาวนาโกศลเถร (หลวงพ่อวีระ) วัดปากน้ำ กรุงเทพมหานคร 6.พระโพธิสังวรเถร (หลวงพ่อไพฑูรย์) วัดโพธินิมิตร กรุงเทพมหานคร 7.พระสิริวัฒนวิสุทธิ์ (หลวงพ่อสุนทร) วัดราชผาติการาม กรุงเทพมหานคร 8.พระโสภณสมาธิคุณ (หลวงพ่อเฟื่อง) วัดเจ้ามูล กรุงเทพ มหานคร 9.พระครูฐาปนกิจสุนทร (หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ จ.นครปฐม 10.พระครูนนทสิทธิการ (หลวงพ่อประสิทธิ์) วัดไทรน้อย จ.นนทบุรี 11.พระครูวิเศษภัทรกิจ (หลวงพ่อทองใบ) วัดสายไหม จ.ปทุมธานี 12.พระครูสุนทรสุวรรณกิจ (หลวงพ่อดี) วัดพระรูป จ.สุพรรณ บุรี 13.พระครูศรีฉพังคสังวร (หลวงพ่อเริ่ม) วัดจุกกระเฌอ จ.ชลบุรี 14.พระครูวิชาญชัยคุณ (หลวงพ่อสำราญ) วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท 15.พระ ครูสุนทรธรรมานุศาสนก์ (หลวงพ่อรวย) วัดท่าเรือ จ.ระยอง เมื่อพิธีอธิษฐานจิตบริกรรมปลุกเสกเดี่ยวเรียบร้อยแล้ว ครั้นถึงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2533 จึงได้เชิญพระเครื่องทั้งหมดไปยังพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อถึงพิธีเวลา 17.39 น.

พระสงฆ์ 9 รูป ประกอบด้วย 1.สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ 2.พระเทพสารเวที วัดบวรนิเวศวิหาร 3.พระราชวีราภรณ์ วัดไตรมิตรวิทยาราม 4.พระมงคลรัตนมุนี วัดบวรนิเวศวิหาร 5.พระจุลนายก วัดบวรนิเวศวิหาร 6.พระศรีสุทธาภรณ์ วัดบวรนิเวศวิหาร 7.พระครูสุทธาภรณ์ วัดสุทธาราม 8.พระครูพิทักษ์ธุรกิจ วัดบวรนิเวศวิหาร 9.พระครูประสิทธิ์พุทธมนต์ วัดบวรนิเวศวิหาร

พระคุณเจ้าทั้ง 9 รูปเข้านั่งประจำอาสนะในพระอุโบสถ เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ เสด็จถึงพระอุโบสถ ทรงจุดธูป-เทียนบูชาพระรัตนตรัย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้อาราธนาศีล แล้วสวดเจริญพระพุทธมนต์ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ทรงเจริญสมาธิภาวนาแผ่เมตตา เมื่อพระสงฆ์ทั้ง 9 รูปเจริญพระพุทธมนต์จบลง ณ เวลา 19.37 น. เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงโปรยข้าวตอกดอกดาวเรือง พระเครื่องมงคลสักการะทั้งปวง

พระเครื่องทั้งหมดนั้นได้โยงสายสิญจน์ จากองค์พระศาสดาในพระวิหารมายังพระทีฆายุมงคลผ่านองค์พระเจดีย์มาสู่พระอุโบสถโยงจากฐานองค์พระโต (พระสุวรรณเขต) องค์ใหญ่เบื้องหลังมายังองค์พระพุทธชินสีห์ลงมา ณ มณฑลพิธีขันสาครที่บรรจุพระเครื่องต่างๆ ณ กลางพระอุโบสถ พระสงฆ์ทั้ง 9 รูปจับม้วนด้ายสายสิญจน์จากมณฑลพิธี เจ้าประคุณสมเด็จฯ ทรงจับสายสิญจน์ อธิษฐานจิตบริกรรม ภาวนาขอบารมีแห่งองค์พระศาสดาพระสุวรรณเขต พระพุทธชินสีห์พุ่งลงตรงพระเครื่อง ณ กลางพระอุโบสถอันเป็นสิริมงคลอย่างยิ่งสำหรับพิธีกาลครั้งนี้

ปีพุทธศักราช 2533 นี้ได้มีพิธีมงคลต่างๆ หลายวัดที่เรียกว่า พิธีเสาร์ 5 คณะกรรมการจึงไปยังสำนักวัดต่างๆ ที่มีพิธีเสาร์ 5 เพื่อเชิญน้ำพระพุทธมนต์เสาร์ 5 อันประกอบด้วยวัดดังนี้ น้ำพระพุทธมนต์ในพระอุโบสถวัดชนะสงคราม น้ำพระพุทธมนต์ในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร น้ำพระพุทธมนต์สวดภาณยักษ์วัดโพธิ์ท่าเตียน น้ำพระพุทธมนต์ในพระอุโบสถวัดสุทัศนเทพวราราม น้ำพระพุทธมนต์ในพระอุโบสถวัดระฆังโฆสิตาราม น้ำพระพุทธมนต์ในพระอุโบสถวัดเศวตฉัตร น้ำพระพุทธมนต์ในพระอุโบสถวัดประดู่ฉิมพลี น้ำพระพุทธมนต์ในพระอุโบสถวัดอรุณราชวราราม น้ำพระพุทธมนต์ในพระอุโบสถวัดสุทธาราม น้ำพระพุทธมนต์ในบ่อน้ำมนต์วัดอินทร์ บางขุนพรหม เมื่อได้เชิญน้ำพระพุทธมนต์จากสำนักวัดต่างๆ มาเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงนำมาผสมผสานในโอ่งน้ำใบใหญ่แล้วนำเอาพระผงสมเด็จ ทั้งพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก พระปิดตา ลงแช่น้ำมนต์เสาร์ 5 พระผงสมเด็จนั้นแช่เพียง 32 วัน อันเท่ากับอาการ 32 ของมนุษย์ สำหรับพระผงปิดตาได้แช่ไว้ 108 วัน อันเท่ากับพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ จากนั้นจึงได้นำออกมาผึ่งลมผึ่งแดดอ่อนๆ ดูแล้วเนื้อพระออกสีขาวสะอาดงามตาดี

ครั้นเข้าพรรษาอันเป็นวัน ที่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาจะต้องอธิษฐานอยู่จำพรรษาตลอดไตรมาสได้นำพระเครื่องทั้งหมดไว้ในอุโบสถวัดสุทธารามตลอดไตรมาส โดยมีพระสงฆ์อยู่จำพรรษา 73 รูป มีการสวดมนต์เจริญสมาธิวันละ 3 เวลาทุกวัน ณ วันที่ 28 กันยายน 2533 ตรงกับวันขึ้น 9 ค่ำเดือน 11 ได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษก-มังคลาภิเษกอีกวาระหนึ่งข่าวพระเครื่อง