"เทียนพรรษา" คือ เทียนขนาดใหญ่และสูงเป็นพิเศษกว่าเทียนชนิดอื่นๆ โดยจะจุดเพื่อบูชาพระประธานในอุโบสถระหว่างพระสวดมนต์ทำวัตรเช้าและเย็น ตั้งแต่วันเข้าพรรษาถึงวันออกพรรษา ทั้งนี้จะนิยมถวายก่อนวันเข้า พรรษา จะถวายเล่มเดียวหรือถวายคู่ก็ได้ บางแห่งจัดแต่งเทียนพรรษาอย่างสวยงามถือว่าเป็นงานบุญใหญ่ โดยเฉพาะที่ จ.อุบลราชธานี จัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาอย่างยิ่งใหญ่ทุกๆ ปี ส่วนอีกจังหวัดหนึ่งที่จัดงานในลักษณะเดียวกัน คือ จ.นครราชสีมา และเมื่อปี ๒๕๕๐ มีการจัดงานแห่เทียนพรรษา ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงด้วย จากนั้นงานบุญแห่เทียนพรรษาก็ลามไปสู่อีกหลายๆ จังหวัด

แม้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจะโหมโปรโมทส่งเสริมให้จังหวัด ต่างๆ จัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา แต่มีพระและวัดจำนวนไม่น้อยมองว่าเป็นการสิ้นเปลือง เป็นเปลือกนอกของพุทธศาสนา ที่สำคัญคือ เทียนพรรษาที่ตกแต่งด้วยงบประมาณหลายแสนบาทหรืออาจจะเฉียดหลักล้านบาท ไม่ได้ถูกจุดเพื่อให้แสงสว่างพระระหว่างทำวัตรในอุโบสถสมกับคำว่าเทียนพรรษา เลย ทั้งนี้เมื่อครั้งที่พระพรหมมังคลาจารย์ หรือหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ อดีตเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฎ์ ยังมีชีวิตอยู่ ท่านถึงกับออกมาเทศน์ขอร้องให้ลดการถวายเทียนพรรษาโดยให้เปลี่ยนเป็นหลอดไฟ แทน ด้วยเหตุที่ว่าคนมาถวายเทียนพรรษาจนล้นวัด ในขณะที่แสงสว่างที่พระใช้กันจริงๆ คือ แสงสว่างจากหลอดไฟฟ้า ท่ามกลางการโหมโฆษณาประเพณีแห่เทียนพรรษาของจังหวัดต่าง โครงการหนึ่งที่สวนกระแสและน่าสนใจ คือ “เข้าพรรษาปีนี้ ถวายหลอดไฟฟ้าแบบประหยัด ช่วยขจัดภาวะโลกร้อน” ซึ่งเกิดจากแนวความคิดริเริ่มของ พระครูปลัดธรรมวงศานุวัตร (สมศักดิ์ กตวฑฺโน) หรือ "พระครูโอ๋" เจ้าอาวาสวัดแค ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี และอีก ๒ วัดที่ร่วมโครงการ คือ วัดหน่อพุทธางกูร ต.พิหารแดง อ.เมือง และ วัดสำปะซิว ต.สนามชัย อ.เมือง โดยทำป้ายขนาดใหญ่ติดไว้หน้าวัดเพื่อรณรงค์โครงการ

 "ปัจจุบันองค์กรต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ภาครัฐและเอกชน สนใจและหันมาร่วมแก้ไขปัญหาสภาวะโลกร้อนกันมากขึ้น ในฐานะที่วัดเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจอีกทางหนึ่ง พระภิกษุก็ถือได้ว่าเป็นผู้คอยแนะนำ อบรมสั่งสอนศีลธรรมแก่ประชาชน จึงควรมีส่วนในการรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาสภาวะโลกร้อนนี้ด้วยเช่นกัน" นี่คือเหตุผลของพระครูโอ๋ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเริ่มโครงการดังกล่าว พระครูโอ๋ บอกว่า ช่วงเทศกาลเข้าพรรษาปีที่ผ่านมา มีญาติโยมนำเทียนพรรษามาถวายที่วัดเป็นจำนวนมาก (ปี ๒๕๕๐ ประมาณ ๒๐๐ คู่) แต่ใช้สอยตลอดพรรษาเพียง ๘ คู่เท่านั้น ส่วนที่เหลือเก็บไว้หรือนำไปถวายวัดที่ห่างไกลเพื่อนำไปใช้ประโยชน์  และเมื่อสอบถามวัดใกล้เคียงก็พบลักษณะคล้ายกัน ดังนั้น เทศกาลเข้าพรรษาในปีนี้ จึงขอเชิญชวนญาติโยมที่จะนำเทียนพรรษามาถวาย ร่วมกันรณรงค์ลดภาวะโลกร้อนด้วยการถวายหลอดไฟฟ้าแบบประหยัด ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง เพื่อที่พระสงฆ์เมื่อรับถวายไปแล้วจะได้นำไปเปลี่ยนหลอดไฟฟ้าเดิม "เสียดายที่เริ่มคิดโครงการนี้ช้าไปหน่อย ถ้าพระครูโอ๋ซึ่งเป็นผู้คิดริมเริ่มโครงการมาเสนอแนวคิดเร็วกว่านี้ การบอกข่าวแจ้งให้ญาติโมทราบล่วงหน้าสัก ๑ เดือนน่าจะได้ผลในทางปฏิบัติมากกว่านี้ ทุกๆ ปีที่ผ่านมา ญาติโยมนำเทียนพรรษามาถวายไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ต้น แต่วัดใช้จุดจริงๆ ไม่เกิน ๑๐ ต้น ส่วนที่เหลือก็เอาไปมอบให้วัดในต่างจังหวัด ก็เหลืออีกจำนวนมาก ซึ่งเป็นเรื่องเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ การถวายหลอดตะเกียบเท่าที่ทราบราคาหลอดละประมาณ ๕๐ บาท  ๒ หลอดก็ ๑๐๐ บาท ญาติโยมก็ประหยัดวัดก็นำไปใช้ประโยชน์จริงๆ โดยในพรรษานี้ตั้งใจว่าจะเปลี่ยนหลอดไฟในวัดทั้งหมดซึ่งเป็นหลอดผอมกว่า ๑๐๐ หลอด ทั้งนี้หากมีญาติโยมมาถวายมากๆ ก็จะนำไปให้วัดต่างจังหวัด และโรงเรียนต่างๆ" นี่คือความเห็นของพระมหาณรงค์ ธมฺมานนฺโท เจ้าอาวาสวัดหน่อพุทธางกูร

ในขณะที่ พระมหาอนันต์ กุสลาลงกาโร เจ้าอาวาสวัดสำปะซิว บอกว่า การทำบุญนั้นต้องทำอย่างฉลาด ทำอย่างมีสติปัญญา ทั้งเทียนพรรษาและหลอดไฟต่างก็ให้แสงสว่างเหมือนกัน แต่แสงสว่างที่วัดและพระใช้จริงๆ นั้นเป็นแสงสว่างจากหลอดไฟ ซึ่งพระต้องใช้ตลอดทั้งปี ต้องยอมรับความจริงว่าแม้เราจะจุดเทียนพรรษาเพื่อสวดมนต์ทำวัตรแต่เราต้อง เปิดไฟอยู่ดี เทียนพรรษาต้นหนึ่งราคาหลายร้อยบาท หลอดตะเกียบ ๒ หลอดราคาไม่ถึงร้อยบาท ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ทำบุญอย่างประหยัดและพระได้ใช้ประโยชน์จริงน่าจะเป็น เรื่องดี ส่วนใครจะเลือกทำบุญแบบไหนอยู่ที่ศรัทธา พุทธศาสนิกชนร่วมโครงการเข้าพรรษาปีนี้ ถวายหลอดไฟฟ้าแบบประหยัด ช่วยขจัดภาวะโลกร้อน กับวัดทั้ง ๓ แห่ง ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่วัดแค โทร.๐-๓๕๕๔-๕๖๘๗ หรือโทร.๐๘-๑๔๐๓-๙๐๔๐ วัดสำปะซิว โทร.๐-๓๕๕๔-๖๔๔๔ และ ๐๘-๖๓๓๘-๐๙๐๙ และวัดหน่อพุทธางกูร โทร.๐๘-๑๔๒๔-๓๑๕๔

       คำถวายหลอดไฟ

 พระราชสุธี (โสภณ โสภณจิโต ป.ธ.๙ ) รองเจ้าคณะภาค ๑๓ และเจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร กทม.  บอกว่า เทียนพรรษา ในภาษาบาลีใช้คำว่า ปะทีปะยุคัง ซึ่งปกติแล้วการถวายเทียนมักจะถวาย ๒ ต้น หรือหนึ่งคู่ ก็จะใช้คำว่า ปะทีปะยุคา ส่วน หลอดไฟ ใช้คำว่า วิชชุปะทีเปยยานิ ดังนั้น คำถวายหลอดไฟ คือ "อิมานิ มะยัง ภันเต วิชชุปะทีเปยยานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ วิชชุปะทีเปยยานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัญเจวะ มาตาปิตุอาทีนัญจะ ญาตะกานัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ" แปลว่า "ข้าแต่พระภิกษุสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย หลอดไฟ กับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แด่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับ หลอดไฟ กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ญาติทั้งหลาย มีมารดาบิดาเป็นต้นด้วย ตลอดกาลนาน เทอญ"

  คำถวาย เทียนพรรษา (ต้นเดียว) คือ "อิมัง ภันเต พุทธะปูชายะ วัสสะคะตัง ปะทีปังปะยุคังนิ (ถ้าเป็น ๒ ต้น หรือ ๑ คู่ ใช้คำว่า ปะทีปะยุคานิ แทนคำว่า ปะทีปังปะยุคังนิ) สังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต อิมัง วัสสะคะตัง ปะทีปัง ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัญจะ มาตาปิตุอาทีนัญจะ เปตานัง สัพเพสัญจะ เทวะตานัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ" คำแปล "ข้าแต่พระภิกษุสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย ซึ่งเทียนประจำพรรษาเล่มนี้ (ถ้าเป็น ๒ ต้น ใช้คำว่าคู่แห่งเทียนพรรษานี้) เพื่อเป็นพุทธบูชาแด่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับซึ่งเทียนประจำพรรษาเล่มนี้ เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่มารดาบิดา ญาติสายโลหิตมิตรสหายที่ล่วงลับไปแล้วยังปรโลกด้วย กับเทพยดาทั้งหลายทั้งปวง ตลอดกาลนาน เทอญ"

 อย่างไรก็ตามปัจจุบันนี้มีญาติโยมซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น พัดลม เตารีด โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องคอมพิวเตอร์ ฯลฯ ถวายให้พระนำไปใช้ประโยชน์จำนวนมาก ส่วนคำถวายเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นจริงๆ แล้วรวมอยู่ในคำว่า "สะปะริวารานิ" หมายถึง "ของบริวารทั้งหลายเหล่านี้" อยู่แล้ว แต่ก็มีภาษาบาลีก็มีคำว่า "เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า" คือคำว่า "วิชชูปะกะระนานิ"

 ดังนั้น คำถวายเครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า คือ "อิมานิ มะยัง ภันเต วิชชุปะทีเปยยานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ วิชชูปะกะระนานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัญเจวะ มาตาปิตุอาทีนัญจะ ญาตะกานัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ" แปลว่า "ข้าแต่พระภิกษุสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า กับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แด่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับเครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า กับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ญาติทั้งหลาย มีมารดาบิดาเป็นต้นด้วย ตลอดกาลนาน เทอญในช่วงเทศกาลเข้าพรรษานี้" ข่าวพระเครื่องเรื่อง-ภาพ ไตรเทพ ไกงู