พระปิดตาหลวงพ่อแก้วเนื้อผงคลุกรัก พิมพ์หลังแบบ

*** เมืองไทยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงมีเรื่องวุ่นๆ ทั้งเรื่องของการบ้านการเมือง โดยเฉพาะความเดือดร้อนของชาวบ้าน ที่ต้องประสบกับปัญหาข้าวของแพงขึ้นเรื่อยๆ จนเดือดร้อนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ในขณะที่ รัฐบาลสมัคร ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้เลย ปล่อยให้เป็นความทุกข์ทรมานของชาวบ้านไปเรื่อยๆ เพราะไม่ช้าเกินรอก็ชินชากันไปเอง จะได้หายบ่นเสียที...เวรกรรมจริงๆ ปัญหาบ้านเมืองวุ่นๆ แต่วงการพระไม่วุ่นด้วย ยังมีการซื้อขายพระหลักๆ กันอยู่ตลอดเวลา

รวมพระเครื่องและเครื่องรางของขลัง คนดังมากมาย "คมเลนส์ส่องพระ" จึงมีข่าวมาให้อ่านกันได้อย่างต่อเนื่อง...วันนี้ขอเริ่มกันที่...สุดยอดของพระปิดตาเนื้อผง ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระปิดตาเก่าแก่ที่สุด เช่าหากันแพงที่สุด และหายากที่สุด รวมทั้งมีของปลอมมากที่สุดอีกด้วย คือ พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ จ.ชลบุรี เนื้อผงคลุกรัก แม้ว่าประวัติของท่านออกจะคลุมเครือ รู้เพียงเลาๆ ว่าท่านเป็นลูกชาวประมงเมืองเพชรบุรี เกิดในราวปลายรัชกาลที่ ๒ บางแห่งก็บอกว่า ท่านเป็นชาวบ้านบางแก้ว อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี หลังจากอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่ วัดพระทรง จ.เพชรบุรี แล้วท่านได้ออกธุดงค์ไปยัง จ.ชลบุรี อยู่ที่วัดเครือวัลย์ และได้จัดสร้าง พระปิดตาเนื้อผงคลุกรัก (จุ่มรัก) ขึ้นที่วัดนี้ จนเป็นเลื่องลือกันทั่วประเทศ เพราะมีผู้นำไปใช้แล้วมีประสบการณ์ด้านมหาเสน่ห์ มีเมตตามหานิยมเป็นเลิศ ใครมีติดตัวจะเป็นที่รักใคร่ชอบพอของคนทั่วไป จนลือกันว่าแม้แต่เศษผงของพระปิดตาหากปลิวไปตกในตุ่มน้ำที่ใด และมีคนเอาน้ำนั้นไปดื่มกิน หรือถูกต้องตามเนื้อตัว

ก็จะเกิดลุ่มหลงผู้เป็นเจ้าของพระอย่างที่สุด ทำให้พวกหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่สมัยก่อนพากันหา พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว เพื่อเอาไปทำยาเสน่ห์หลอกสาวๆ ก็มี แต่มาในสมัยนี้ความคิดเช่นนั้นคงจะมีน้อยเต็มที แต่ที่เช่าหากันแพงๆ องค์ละหลายแสนบาท ไปจนถึงหลักล้าน ก็ด้วยเห็นว่าเป็นของเก่า ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น จักรพรรดิพระปิดตา มากกว่า แม้ว่าประวัติ หลวงพ่อแก้ว และการสร้างพระปิดตาของท่านจะคลุมเครือดังกล่าว แต่นักสะสมพระสายนี้ก็มีหลักในการพิจารณาความแท้ของพระปิดตาแต่ละองค์ได้อย่างแม่นยำ และมีข้อยุติเสมอ โดยพิจารณาจาก พิมพ์ทรงองค์พระ และความเก่าของมวลสาร ตลอดจนรักที่ห่อหุ้มองค์พระ หากไม่มีข้อยุติเหล่านี้ ใครเล่าจะไปยอมเสียเงินจำนวนมากๆ เพื่อเช่าหาพระปิดตาของท่านมาใช้ติดตัว

** พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว โดยทั่วไปแบ่งออกได้เป็น ๓ พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ หลังแบบ พิมพ์กลาง หลังแบบ / หลังเรียบ / หลังยันต์ และ พิมพ์เล็ก และที่หายากอีกพิมพ์หนึ่ง คือ พิมพ์ปั้น เนื้อผงคลุกรัก เป็นพิมพ์ที่ไม่มีแม่พิมพ์ตายตัว แต่ใช้วิธีปั้นทีละองค์ โดยมีรูปทรงคล้ายๆ กัน การพิจารณาจึงต้องดูความเก่าของเนื้อมวลสาร และรักเป็นหลัก องค์ในภาพนี้มีความพิเศษอีกอย่างหนึ่ง คือ มีขนาดองค์พระใหญ่มาก และ มีปรอทบรรจุอยู่ภายใน เป็นพระของ ท่านรองอธิบดี สมเกียรติ ภู่ธงชัยฤทธิ์ เพิ่งได้มาเมื่อเร็วๆ นี้ ผู้สันทัดกรณี พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว บอกว่า เนื้อพระปิดตาของท่านส่วนมากเป็นเนื้อละเอียด สีน้ำตาลอมดำ ที่เรียกว่า เนื้อกะลา ผิวนอกขององค์พระมักปรากฏเม็ดว่านสีน้ำตาล หรือสีแดงขึ้นประปราย พระบางองค์มีการปิดทองเก่ามาก่อน ออกสีแดงอมเหลือง และมันแวววาว ไม่เหมือนกับทองใหม่ๆ ** พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว มีของปลอมมากที่สุด ชนิดที่พบเห็นวางขายองค์ละไม่กี่ร้อยกี่พันบาท ฟันธงได้เลยว่าปลอมแน่นอน

** หลวงพ่อขัน อินทปัญโญ วัดนกกระจาบ ต.วัดนก อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่า ผู้มีวิชาอาคมรอบด้าน ยุคเดียวกับ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก และ หลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดใน ** วัตถุมงคลของ หลวงพ่อขัน ทุกรุ่นได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะ เชือกคาดเอว เสื้อยันต์ ผ้ายันต์ เหรียญเสมาหูเชื่อม ปี ๒๔๘๐ มีทั้งเนื้อเงิน เนื้อทองแดง และที่หายากสุดๆ คือ เหรียญหล่อก้นแมลงสาบ เนื้อสัมฤทธิ์ ที่ได้ภาพมาลงให้ชมเป็นวิทยาทานในวันนี้  เหรียญนี้เช่าหากันที่หลักแสนขึ้นไป ที่เห็นนี้เป็นเหรียญของ ป๋อง สุพรรณ สวยสมบูรณ์คมชัดมาก

** พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี เนื้อว่าน รุ่นแรก ๒๔๙๗ พิมพ์ใหญ่/พิมพ์กรรมการ องค์สวยๆ หลายองค์ได้มีการเปลี่ยนมือกันในราคาหลักล้านขึ้นไปแล้ว ** ขณะเดียวกัน เหรียญรุ่นแรก ปี ๒๕๐๐ หลายเหรียญก็มีราคาหลักแสนปลายๆ ไปจนถึงหลักล้านก็มี ** มาถึงวันนี้มีข่าวใหม่ว่า เหรียญรุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ปี ๒๕๐๘ มีการเช่าหาในราคาหลักล้านเช่นกัน เหรียญที่ว่านี้เป็น เหรียญเนื้อทองคำ จำนวนสร้างไม่กี่เหรียญ เฉพาะผู้สั่งจองเท่านั้น ล่าสุด เหรียญเนื้อทองคำ ที่เห็นในภาพนี้ได้ตกมาเป็นสมบัติของ เสี่ยเล็ก ปลามังกร นักธุรกิจปลาสวยงาม ส่งขายทั้งในและนอกประเทศ

** เดิมทีคณะศิษย์ผู้สั่งจอง เหรียญเนื้อทองคำ ได้ถวายเหรียญนี้ให้แด่พระอาจารย์ทิมและท่านนำเหรียญนี้ติดตัวอยู่เสมอ ต่อมาเมื่อท่านอาพาธหนัก จึงได้มอบเหรียญนี้ให้แก่ พระอำนวย คงแก้ว (หลวงนวย) ซึ่งเป็นหลาน และอยู่รับใช้ท่านอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา ต่อมา พระอาจารย์ทิม มรณภาพหลวงนวย ก็ลาสิกขาออกมาเป็นฆราวาส แต่ได้ไปช่วยทำงานที่วัดช้างให้อยู่เสมอๆ ขณะเดียวกัน มีผู้ใกล้ชิดหลายคนที่รู้ว่า หลวงนวย มีพระหลวงพ่อทวดหลายองค์ ก็ได้ไปรบเร้าขอแบ่งพระจากท่าน ด้วยความเชื่อถือว่าเป็นพระแท้ ที่ท่านได้เก็บรักษาขณะบวชเป็นพระ พระหลวงพ่อทวด ทุกองค์ที่ได้ไปจาก หลวงนวย จึงมีการเช่าหาในราคาที่สูง รวมทั้ง เหรียญทองคำ รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ปี ๒๕๐๘ อันที่เห็นนี้ด้วย การเดินทางของเหรียญนี้จาก หลวงนวย ถึง “เสี่ยเล็ก” สำเร็จลงได้ในครั้งนี้ ก็ด้วยการติดต่อประสานงานของ กวง (เล็ก) หาดใหญ่ น.อ.ปรีชาญ จามเจริญ และ ชัยนฤทธิ์ พันธุ์ทอง จนเป็นที่สมปรารถนาของ “เสี่ยเล็ก” ทุกประการ และเป็นความสุขของท่านผู้อ่าน “คมเลนส์ส่องพระ” ที่มีโอกาสได้ชม เหรียญหลักล้าน หลวงพ่อทวด อันนี้ด้วยความยินดีกับเจ้าของเหรียญผู้โชคดีที่สุดในขณะนี้

** หลวงพ่อขัน นามเดิม ขัน คงสุขี เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๕ ที่บ้าน ต.วัดยม อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดวังตะโก จากนั้นได้ออกธุดงค์ระยะหนึ่ง เมื่อกลับมาอยู่ที่วัด ก็ได้รับนิมนต์ให้ไปเป็นสมภารวัดญาณเสน อยู่ได้ ๓ ปีจึงย้ายมาอยู่ วัดนกกระจาบ ด้วยปฏิปทาอันน่าศรัทธาเลื่อมใส ทำให้ชาวบ้านมีความเคารพนับถือท่านมาก ในทางวิชาคาถาอาคม ท่านได้ไปเล่าเรียนกับ หลวงพ่ออ่ำ วัดวงฆ้อง และ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ฉะนั้น จึงไม่ต้องสงสัยว่า ทำไมวัตถุมงคลของท่านถึงได้ขลังนัก หลวงพ่อขัน มรณภาพเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๖ อายุ ๗๒ ปี พรรษา ๕๒ ปัจจุบันมีลูกศิษย์ผู้สืบทอดวิทยายุทธ์จากท่าน ที่ชาวบางบาลให้ความเคารพศรัทธาเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง ก็คือ หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม ท่านที่หาวัตถุมงคลของ หลวงพ่อขัน ไม่ได้ ขอให้หาของ หลวงพ่อเอียด ใช้แทนกันก็ได้ 

 ** วงการพระเครื่องเมืองไทย ทุกวันนี้นับว่ามีความเจริญก้าวหน้าไปมาก ทั้งในด้านของนักเล่นหรือเซียนพระ ที่มีคนดีๆ เข้าสู่วงการมากขึ้น รวมทั้งในด้านของ "สื่อ" ก็มีนิตยสารและตำราพระเครื่องที่มีคุณภาพเกิดขึ้นมากมาย (ประเภทที่ลงพระปลอมบ่อยๆ ก็มีเหมือนกัน จึงต้องพิจารณาให้ดีๆ) ขณะเดียวกันทุกวันนี้ยังมี "สื่อ" ทางเว็บไซต์อินเทอร์เน็ตอีกด้วย ทำให้ข่าวสารวงการพระแพร่หลายไปทั่วโลก

พระพุทธชินราชอินโดจีน พิมพ์ต้อบัวเล็บช้าง วัดสุทัศน์ ปี 2485

** เว็บไซต์หนึ่งที่อยากขอแนะนำ เพราะมีคุณภาพจริงๆ และมีการปรับปรุงแก้ไขพัฒนาอยู่ตลอดเวลา คือ ศูนย์พระดอทคอม (http://www.soonphra.com) ของ หมู มรดกไทย ผู้มีความรอบรู้ด้านพระเครื่องทุกประเภท ท่านผู้สนใจเปิดเข้าไปดูได้ตลอดเวลา** จากการที่เป็น "สื่อ" มีคุณภาพ ทำให้ หมู มีพระแท้พระสวยอยู่ในครอบครองอยู่เสมอ ล่าสุดได้ พระพุทธชินราช อินโดจีน ที่จัดสร้างโดย พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๕ โดยมี สมเด็จพระสังฆราช (แพ) เป็นองค์ประธาน และ ท่านเจ้าคุณศรีฯ (สนธิ์) เป็นแม่งานประกอบพิธีเททองหล่อแบบโบราณ ภายในวัดสุทัศนฯ มีพระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงจากทั่วประเทศร่วมนั่งปรกปลุกเสกในพิธีพุทธาภิเษกมากมาย จึงนับได้ว่า พระพุทธชินราช รุ่นนี้เป็นพระเครื่องที่น่าใช้ที่สุด ในเว็บไซต์ ศูนย์พระดอทคอม ลงข้อมูลไว้ว่า...เมื่อปี ๒๔๘๕ ผู้จัดสร้างพระรุ่นนี้ได้เปิดให้ทำบุญองค์ละ ๑ บาท สวยๆ องค์ละ ๑.๕๐ บาท หากต้องการแต่งเกลาผิวเพิ่มอีก ๑ บาท รวมเป็น ๒ บาท ต่อมาปี ๒๕๐๐ ค่าบูชาองค์ละ ๒๐ บาท ๑๐ ปีต่อมาเพิ่มขึ้นเป็นองค์ละ ๒๕ บาท และปี ๒๕๑๖ ค่าบูชาองค์ละ ๑๐๐ บาท จนพระหมดในปี ๒๕๒๑ ถึงได้ปิดการจำหน่าย ในช่วงประมาณ ๑๐ ปีที่ผ่านมานี้ ได้เกิดกระแสนิยม พระพุทธชินราช อินโดจีน ๒๔๘๕ กันอย่างกว้างขวาง เพราะพระกรุพระเก่าอื่นๆ พากันขึ้นราคาหมดแล้ว อีกทั้งพระพุทธชินราชรุ่นนี้ เมื่อเปิดดูรายชื่อพระเกจิอาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกแล้ว แทบจะเรียกว่า พุทธคุณอัดแน่นอยู่ในองค์พระอย่างชนิดไม่มีที่ว่างเว้นเลยก็ว่าได้ ทำให้ราคาเช่าหาแพงขึ้นเป็นระยะๆ แบบธรรมชาติ ไม่ใช่แพงแบบฮวบฮาบ เหมือนมีคนปั่นราคาอย่างกับพระอื่นๆ จนทุกวันนี้ พระพุทธชินราช อินโดจีน พิมพ์ทั่วๆ ไปเช่าหากันที่หลักหมื่นต้นๆ หากเป็นพิมพ์ที่นิยมกันมากๆ หรือองค์พระที่มีความสวยคมชัดเลิศล้ำเป็นพิเศษ ก็ต้องหลายหมื่นบาท แต่สำหรับองค์ของ หมู มรดกไทย ที่เห็นในภาพนี้ เป็นพระพิมพ์สังฆาฏิยาว สวยคมชัดลึกมาก ผิวพระสภาพเดิมๆ เต็ม ๑๐๐% แถมยังเป็นพระที่เรียกว่า เปียกทอง อีกด้วย หมู บอกว่า มีคนให้ราคาถึงกว่า ๑ แสนบาท แล้ว ก็ยังไม่คิดที่จะปล่อยออกไป เพราะต้องการเก็บเอาไว้เป็นตัวอย่างองค์ครูให้นานๆ 

** ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ในสนามพระใหญ่ ทั้งที่ ท่าพระจันทร์ และ พันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ได้มีผู้นำ พระรูปเหมือนพระอาจารย์นำ แก้วจันทร์ วัดดอนศาลา จ.พัทลุง ปี ๒๕๑๙ ออกมาซื้อขายกันอย่างคึกคัก ตรวจสอบดูแล้วเป็นของแท้แน่นอน เพราะได้จากแหล่งที่เชื่อถือได้ คาดว่าเจ้าของเดิมคงจะเช่าพระรุ่นนี้เอาไว้มาก สมัยที่ออกให้ทำบุญบูชา ราคาองค์ละ ๓๐๐ บาท (แพงมากสำหรับสมัยนั้น จนมีเสียงบ่นกันในวงการนักสะสม) ต่อมาราคาขยับขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึง ๓,๐๐๐ บาท เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวว่า...ทหารถูกระเบิดที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ระเบิดด้าน จึงรอดตายอย่างปาฏิหาริย์ ปรากฏว่า ทหารเหล่านั้นมี รูปเหมือนพระอาจารย์นำ รุ่นนี้ติดตัวกันทุกคน พอข่าวนี้แพร่เข้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็เลยมีการกว้านซื้อพระรุ่นนี้กันอย่างกว้างขวาง จนราคาเขยิบขึ้นไปอีกเท่าตัว บางองค์สวยๆ เฉียดหมื่นก็มี เพื่อให้ทันกับเหตุการณ์ ป๋อง สุพรรณ เลยไปเหมามากว่า ๓๐ องค์ ใครอยากขอแบ่งสอบถามไปได้ที่โทร.๐๘-๑๘๒๙-๑๑๗๑ รูปเหมือนพระอาจารย์นำ รุ่นนี้ นับเป็นพระเครื่องรุ่นสุดท้ายของท่าน ออกพร้อมกับ รูปเหมือนบูชา ๕ นิ้ว และ พระกริ่งทักษิณชินวโร จัดสร้างโดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล โดยทรงมอบหมายให้ ประกอบ กำเนิดพลอย เป็นผู้ดำเนินงานแทน เนื้อทองชนวนพระรุ่นนี้ ส่วนหนึ่งได้รับพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ยังมีแผ่นทองลงอักขระเลขยันต์ตามสูตรเขาอ้ออีกมากมาย

 ** ในครั้งนั้น แล่ม จันท์พิศาโล ได้ช่วยงานประชาสัมพันธ์ให้ "พี่กอบ" ด้วยรวมทั้งเป็นผู้รับจองพระชุดนี้ จึงพอจะทราบข้อมูลในเชิงลึกพอสมควร (อีกคนหนึ่งที่ร่วมอยู่ในทีมงาน คือ อ.สุธน ศรีหิรัญ) พอใกล้วันประกอบพิธีพุทธาภิเษกที่วัดดอนศาลา "พี่กอบ" ชวนให้ แล่ม เดินทางไปทำข่าวด้วย (ช่วงนั้นเป็น บก.บริหาร "ลานโพธิ์") ด้วยเวลาที่จำกัด จึงต้องเดินทางโดยเครื่องบิน บดท. ไปลงที่ จ.ตรัง แล้วต่อรถยนต์ไป จ.พัทลุง พอไปถึงวัด ได้เห็นภาพ พระอาจารย์นำ นอนอาพาธหนักอยู่บนแคร่ที่กุฏิ ท่านได้กล่าวกับ "โยมกอบ" ว่า ทำไมมาช้าจัง กูกำลังจะไปแล้ว ที่อยู่ได้นี่ก็ด้วยคาถาอาคม เห็นท่านวันนั้นแล้ว สงสารท่านจริงๆ คงจะทรมานกับอาการป่วยเจ็บมาก แล้ววันพรุ่งนี้ ท่านจะนั่งปรกปลุกเสกพระไหวหรือ ??? วันรุ่งขึ้น พิธีพุทธาภิเษกจัดกันที่ศาลา (ช่วงนั้นโบสถ์กำลังอยู่ในระหว่างการเขียนภาพฝาผนังโดยช่างหลวงที่ "ในหลวง" พระราชทานมา) พระอาจารย์นำ นั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงผ้าใบแบบพับได้ ลูกศิษย์ยกเตียงผ้าใบจากกุฏิไปยังศาลาที่ประกอบพิธี ใบหน้าของ พระอาจารย์นำ ยิ้มละไม

ด้วยความอิ่มเอิบเป็นที่สุด ผิดไปจากเมื่อเย็นวานนี้อย่างสิ้นเชิง ขณะเดียวกัน ทุกคนที่เห็นท่านในเช้าวันนั้น ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า  นอกจากใบหน้าที่ยิ้มแย้มตลอดเวลาแล้ว อินทรีย์ของท่านก็ยังดูงดงามเป็นสง่าราศี มีประกายรัศมีสีทองทั้งตัวอย่างเห็นได้ชัดเจนมาก ไม่มีร่องรอยของผู้ป่วยไข้แต่ประการใดเลย ขณะที่ลูกศิษย์ประคองตัวท่านขึ้นยืน เพื่อจุดเทียนชัย ท่านได้บริกรรมพระคาถาเป็นเวลานานพอสมควร เป็นภาพที่ แล่ม ได้ถ่ายเอาไว้ด้วย และยังประทับใจมาจนถึงทุกวันนี้

** อีกมุมหนึ่ง พ่อท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง นั่งบนธรรมมาสเป็นประธานใหญ่ในพิธีปลุกเสกครั้งนี้ พร้อมทั้ง พระอาจารย์หมุน วัดเขาแดงตะวันออก (ซึ่งพระอาจารย์นำกำชับหนักหนาว่า "ไปมนต์ท่านหมุนมาให้ได้") ** พระเครื่องของ พระอาจารย์นำ รุ่นนี้จึงเป็นรุ่นที่ แล่ม ต้องเก็บรักษาไว้เพื่อสักการบูชาอย่างดีที่สุด เพราะเป็นรุ่นที่เกาะติดการจัดสร้าง และร่วมรู้เห็นในพิธีกรรมตลอดเวลา...หลังจากพิธีปลุกเสกผ่านไปไม่กี่วัน พระอาจารย์นำ มรณภาพลงด้วยอาการสงบ พวกปากหอยปากปู ทางกรุงเทพฯ ที่เคยไปขอแบ่งพระรุ่นนี้จาก "พี่กอบ" ในราคาเหมาถูกๆ แต่ถูกปฏิเสธ เลยได้ที ปล่อยข่าว ว่าพระรุ่นนี้ไม่ทัน พระอาจารย์นำ ปลุกเสก จนมีการเปิดให้ชมภาพยนตร์ที่บันทึกภาพเหตุการณ์พิธีปลุกเสกครั้งนี้ทั้งหมด ให้ผู้ที่สงสัยกังขาได้ชมกันที่ บริษัท อัศวินภาพยนตร์ จำกัด (ของเสด็จพระองค์ชายใหญ่) นั่นแหละพวกมารทั้งหลายถึงได้สยบ

** เพราะธุรกิจน้ำมันในทุกวันนี้แปรปรวนอยู่เสมอๆ ราคาแพงขึ้นทุกวัน จนทำท่าว่าจะต้องขึ้นถึงลิตรละ ๕๐ บาทในเร็วๆ นี้ อย่างแน่นอน เสี่ยโบ้ ปากน้ำ (สมุทรปราการ) เลยเกิดความเบื่อหน่ายในการซื้อขายน้ำมัน จึงหันมาสนใจเรื่องของพระเครื่องรางของขลัง ดูท่าจะดีกว่าเป็นไหนๆ ว่าแล้วก็เอาเงินก้อนโตฝากไว้กับเซียนพระชื่อดังที่น่าเชื่อถือ เพื่อซื้อพระเครื่องรางของขลังที่น่าสนใจทุกชนิด โดยประเดิมชิ้นแรกด้วย "เสือ" หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย คลองด่าน อันเป็นผลงานของพระเกจิอาจารย์ที่เคารพนับถือมาเก่าก่อน

** "เสือ" หลวงพ่อปาน เป็นงานฝีมือที่แกะมาจาก เขี้ยวเสือแท้ๆ ทีละชิ้น โดยช่างชาวบ้านหลายฝีมือด้วยกัน จากนั้น หลวงพ่อปาน ท่านจะเอามาลงเหล็กจารด้วยลายมือของท่านเอง ฉะนั้น อักขระเลขยันต์จึงเป็นลายมือที่เหมือนกันทุกตัว ยันต์สำคัญที่ท่านลงจารคือ ยันต์กอหญ้า มีลักษณะตามที่เห็นในภาพนี้  เอกลักษณ์ของ "เสือ" หลวงพ่อปาน ที่วงการนักสะสมพิจารณาเป็นหลักใหญ่ คือ หูเหมือนกับหูหนู ตาลูกเต๋าหน้าเหมือนแมว (หากหน้าเหมือน เสือ จริงๆ เขาว่าเป็นของปลอม) ปากเสือ มีทั้งแบบปากอ้า และหุบปาก

** "ชาญสมร" ผู้ชำนาญเรื่องเครื่องรางของขลัง เขียนไว้ในนิตยสาร "สุดยอดพระเครื่อง" ว่า เขี้ยวเสือ ที่นำมาแกะเป็น "เสือ" ได้นั้นต้องเป็น เขี้ยวโพรง หรือ เขี้ยวกลวง เพราะเสือทั่วๆ ไปมักจะมี เขี้ยวตัน เสือตัวไหนมี เขี้ยวกลวง เสือตัวนั้นจะเป็นตัวหัวหน้า และมักจะมี เสือตัวเมีย มาห้อมล้อมติดพันด้วยเสมอ เพราะมีเสน่ห์เป็นที่ต้องตาต้องใจ นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า เสือเขี้ยวกลวง เป็นเสือหนังเหนียว ยิงไม่เข้า การที่จะได้เขี้ยวกลวงของเสือมาทำเครื่องรางได้ จะต้องรอให้เสือตัวนั้นตายเอง ตามอายุขัย หากถูกยิงตายก็ใช้ไม่ได้อีกเหมือนกัน เพราะถือว่าหนังไม่เหนียวจริง

**  ขอเชิญสั่งจองหนังสือ "พระเครื่องจังหวัดพัทลุง" ฉบับสมบูรณ์ ครบทุกพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง หนังสือปกแข็ง หนากว่า ๓๐๐ หน้า ภาพสีตลอดเล่ม สอบถามได้ที่ กฤชเชาว์ สินธุเจริญ (นอตั้น พัทลุง) โทร.๐๘-๑๕๔๐-๔๓๓๕, ๐๘-๙๗๓๒-๕๙๓๙

 ** นิตยสาร "มรดกพระเครื่อง" โดย จ่าวี ทรงสิทธิ์ ฉบับใหม่ อัดแน่นด้วยภาพพระและเรื่องราวของ หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี อย่างชนิดที่หาอ่านที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว พร้อมภาพพระเครื่องนับร้อยๆ องค์ ที่เปิดราคาให้เช่าบูชาในราคากันเอง ** นิตยสาร "พระท่าพระจันทร์" โดย หมึก ท่าพระจันทร์ ฉบับใหม่ปก พระหลวงพ่อทวด รุ่นเลขใต้ฐาน (เบตง) พร้อมกับเรื่องในเล่ม โดย ม.ร.ว.อภิเดช อาภากร ด้วยข้อมูลชนิดเจาะลึกเป็นพิเศษ และที่น่าสนใจ พระเครื่องที่ประกาศขายในนิตยสารฉบับนี้ ได้รับการรับรองว่าเป็น พระแท้ ทุกองค์

** นิตยสาร "สุดยอดพระเครื่อง" น้องใหม่ไฟแรง ขายดีจนหมดแผงทุกเดือน ฉบับใหม่ปก เหรียญหลวงพ่อทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ๒๕๐๘ เนื้อทองคำ ที่เช่าหากันที่หลักล้าน ในฉบับอ่านเรื่อง พระรอด ลำพูน โดย พรรค คูวิบูลย์ศิลป์ ผู้แม่นในข้อมูล “เบี้ยแก้” หลวงปู่รอด วัดนายโรง หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง จ.ภูเก็ต ฯลฯ

 ** นิตยสาร “พุทธคยา” ของ ป๋อง สุพรรณ อ่านเรื่องจากนักเขียนกิตติมศักดิ์ “เบี้ยแก้” วัดนายโรง พระกำแพงซุ้มกอ เหรียญหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ (ชี้จุดสำคัญของเหรียญแท้) พระหลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว ราหูอมจันทร์ หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง ฯลฯ ด้วยเนื้อหาสาระที่น่าสนใจยิ่ง

 ** พระครูบริหารคุณวัตร (ชม สิรินธฺโร) เจ้าอาวาสวัดใหม่อมตรส บางขุนพรหม อายุ ๘๖ ปี มรณภาพเมื่อเวลา ๐๕.๓๐ น. วันพุธที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๑ ตั้งศพสวดพระอภิธรรมที่วัดใหม่อมตรส เก็บศพจนครบ ๑๐๐ ปี กำหนดพระราชทานเพลิงศพเมื่อใด จะได้แจ้งให้ทราบต่อไป สอบถามได้ที่โทร.๐-๒๒๘๑-๘๐๕๘, ๐-๒๒๘๒-๐๔๘๙, ๐-๒๒๘๑-๗๖๗๒ หลวงพ่อชม เป็นชาว อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ขณะที่เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสเมื่อปี ๒๕๐๐ วัดได้ประกอบพิธีเปิดกรุพระสมเด็จที่บรรจุอยู่ในเจดีย์องค์ใหญ่ อันเป็นพระสมเด็จที่ สมเด็จฯ โต ปลุกเสกในครั้งนั้น หลวงพ่อชม ได้ทำหน้าที่แทนเจ้าอาวาสตลอดเวลา นับว่าเป็นอีกท่านหนึ่งที่มีความรู้เกี่ยวกับพระสมเด็จกรุนี้มาก ต่อมาเมื่อปี ๒๕๐๙ ท่านได้จัดสร้าง พระสมเด็จ ขึ้นมาใหม่ โดยถอดพิมพ์มาจากพระสมเด็จรุ่นเก่า เรียกว่าสร้างแบบย้อนยุค โดยใช้มวลสารพระสมเด็จเก่าที่หักชำรุด รวมทั้งผงดินในกรุเป็นส่วนผสมหลัก ทำให้ พระสมเด็จ รุ่นปี ๒๕๐๙ เป็นที่นิยมของวงการพระเครื่องอย่างกว้างขวาง เพราะใช้ทดแทนพระสมเด็จกรุเจดีย์องค์ใหญ่ได้เป็นอย่างดี ทำให้ทุกวันนี้ พระสมเด็จ ๒๕๐๙ มีราคาเช่าหาเป็นหมื่นขึ้นไป พิมพ์ใหญ่เกศทะลุซุ้ม เช่ากันถึงหลักแสนก็มี

**  ชมรมพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ร่วมกับ ศูนย์การค้าอยุธยาพาร์ค ขอเชิญสักการะ ๑๒ พระบูชามหาเศรษฐี และ เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกับการยก “ช้างเสี่ยงทาย” ครอบครู ลงสาลิกาลิ้นทอง และนะหน้าทอง โดย อ.คม ไตรเวทย์ ร่วมพิธีสรงน้ำขอพร พระพิฆเนศ ณ ศูนย์การค้าอยุธยาพาร์ค จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง ๒๙ มิถุนายน แจกฟรี ! ภาพพระพิฆเนศและพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ วันละ ๑๙๙ องค์ ใครโชคดีรับไปได้ทันที ** พบกันใหม่ในวันเสาร์และวันอาทิตย์ต่อไป...ขอขอบคุณ...นะมัสเต ** คมชัดลึก 0 แล่ม จันท์พิศาโล 0