คมชัดลึก...ด้วยเหตุที่ "พระพิฆเนศ" มีพาหนะเป็น "หนู" และปีนี้ตรงกับนักษัตร ปีชวด หรือ หนู นักสร้างวัตถุมงคลจำนวนไม่น้อย จึงคิดว่าน่าจะเป็นยุคขาขึ้นของ พระพิฆเนศ องค์เทพแห่งความสำเร็จ ในขณะที่องค์จตุคามรามเทพกลับถูกระบุว่าเป็นยุคขาลง ดังนั้น ในช่วง ๕ เดือนที่ผ่านมา วัด หน่วยงานเอกชน รวมทั้งองค์กรการกุศลต่างๆ จัดสร้างพระพิฆเนศแล้วน่าจะไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ รุ่น โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยสร้างจตุคามฯ หันมาสร้างพระพิฆเนศเป็นทิวแถว เพียงเพื่อหวังว่าท่านจะบันดาลเงินทอง เช่นเดียวกับจตุคามฯ

"การสร้างพระพิฆเนศของวัดและหน่วยงานต่างๆ เท่าที่ติดตามข่าว ผู้จัดสร้างไม่ได้สร้างด้วยความศรัทธาอย่างแท้จริง แต่สร้างด้วยประโยชน์แอบแฝงอื่นๆ โดยเฉพาะการสร้างเพื่อหารายได้ ในขณะที่ผู้ศรัทธาพระพิฆเนศเข้าใจว่าองค์ท่านเป็นเพียงเทพแห่งความสำเร็จเท่านั้น นับถือเพียงแค่รูปเคารพของท่านเท่านั้น ซึ่งเป็นแค่เปลือกนอก ซึ่งจะว่าไปแล้วไม่แตกต่างจากการสร้างพระเครื่อง ส่วนการสร้างพระพิฆเนศของโบสถ์พราหมณ์นั้น สร้างไว้ตั้งแต่ปี ๒๕๔๓ ถึงวันนี้ยังให้เช่าบูชาไม่หมดเลย"นี่คือความเห็นของ พระราชครูวามเทพมุนี (ชวิน รังสิพราหมณกุล) หัวหน้าโบสถ์พรามหณ์ ถวายงานพระราชพิธี สังกัดกองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง

ในการขออนุญาตเพื่อใช้โบสถ์พรามหณ์ประกอบพิธีปลุกเสกพระพิฆเนศนั้น พระราชครูวามเทพมุนี บอกว่า ต้องทำหนังสือขออนุญาตเป็นลายลักษณ์ ต้องระบุผู้จัดว่าสร้างเป็นใคร วัตถุประสงค์ของโครงการอย่างชัดเจน โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า ปัจจัยที่ได้จากการให้เช่าบูชานำไปใช้ทำอะไรบ้าง ซึ่งที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีการทำหนังสือเข้ามาหลายราย แต่ไม่เคยอนุญาตให้ใคร วัด  รวมทั้งหน่วยงานใด ใช้โบสถ์พรามหณ์เป็นสถานที่ปลุกเสกพระพิฆเนศเลยสักรุ่นเดียว นอกจากนี้แล้ว ยังปฏิเสธการไปร่วมพิธีปลุกเสกที่อื่นๆ ด้วย ส่วนการนำพระพิฆเนศไปประกอบพิธียังสถานที่กำเนิด โดยเฉพาะที่ประเทศอินเดียนั้น ถือว่าเป็นเจตนาที่ดีของผู้สร้าง แต่ถ้าประกอบพิธีเพื่อหวังผลทางการโฆษณา และยอดขายนั้น ถือว่ามีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ ผู้เช่าต้องพิจารณาตัดสินใจให้ดีก่อน อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุที่คนไทยส่วนใหญ่ได้รับการปลูกฝังว่า พระพิฆเนศเป็นเทพแห่งความสำเร็จ คนส่วนใหญ่อยากประสบความสำเร็จเรื่องใดก็ขอจากท่าน ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ท่านเป็นเทพแห่งปัญญา และปัญญานี่แหละนำพาซึ่งความสำเร็จ ผู้ที่นำรูปเคารพท่านไปบูชา ควรศึกษาประวัติของท่าน  มากกว่าที่จะพูดๆ กันว่า ท่านเป็นเทพแห่งความสำเร็จ แม้ว่าท่านจะขึ้นชื่อว่า เป็นเทพแห่งความสำเร็จ แต่ไม่ได้หมายความว่า ท่านจะให้ทุกคนประสบความสำเร็จได้โดยที่ผู้บูชาศรัทธานั้นไม่ได้ทำอะไรด้วยตัวเอง  

พระราชครูวามเทพมุนี ยังบอกด้วยว่า ในประเทศไทยมีการบูชาเทพองค์ต่างๆ ในศาสนาพราหมณ์อยู่มากมาย รวมทั้งองค์พระพิฆเณศ ซึ่งอยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน ดูได้จากการพบรูปสลักพระพิฆเณศในเทวสถานตามเมืองต่างๆ  ทั่วทั้งประเทศไทย โดยมีหลักฐานการค้นพบองค์เทวรูปบูชาพระพิฆเณศที่เก่าแก่ในสมัยที่ขอมเรืองอำนาจ ในดินแดนสุวรรณภูมิ เป็นต้นว่า องค์เทวรูปบูชานั้นสลักจากหิน ค้นพบทางแถบ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร กรุงเทพฯ คนไทยถือว่าองค์พระพิฆเนศวรเป็นที่เคารพสักการะในฐานะองค์บรมครูแห่งศิลปวิทยาการ ๑๘ ประการ

ทั้งนี้คนไทยยอมรับในองค์พระพิฆเนศวรให้เป็นเทพแห่งศิลปะทั้งมวล และเป็นเทพองค์สำคัญในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งศาสนาพราหมณ์สถาปนาพระพิฆเนศวรเป็นเทพพระองค์แรกที่ต้องบูชาก่อนเริ่มพิธีใดๆ เป็นการคารวะในฐานะบรมครูผู้ประสาทปัญญาและความสำเร็จ สามารถขจัดอุปสรรคทั้งปวงให้หมดสิ้นไป กิจการทุกอย่างจึงสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี "พระพิฆเนศวรเป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จในทุกศาสตร์สรรพสิ่งหรือเทพเจ้าแห่งการเริ่มต้นใหม่ทั้งปวง เมื่อพิจารณาความหมายในทางสัญญะ รูปกายที่อ้วนพีนั้น มีความหมายว่า ความอุดมสมบูรณ์ เศียรที่เป็นช้างมีความหมายถึงผู้มีปัญญามาก ตาที่เล็กคือ สามารถมอง แยกแยะสิ่งถูกผิด หูและจมูกที่ใหญ่หมายถึง มีสัมผัสพิจารณาที่ดีเลิศ พระพิฆเนศวรมีพาหนะคือหนู ซึ่งอาจเปรียบได้กับความคิดที่รวดเร็ว ดังนั้น มนุษย์จึงต้องมีปัญญากำกับเป็นดั่งเจ้านายในใจตน" พระราชครูวามเทพมุนี กล่าว

ปางยอดนิยม

แม้ว่าพระคเณศจะมีพระนามมากมายถึง ๑๐๘ พระนามไปจนถึง ๑,๐๐๘ พระนาม แต่ในแง่เทวะประติมานั้น มีอยู่เพียง ๘ ถึง ๙ ปางเท่านั้น ที่คนนิยมบูชา พระคเนศที่เราพบเห็นกันบ่อย คือ มีอาวุธอยู่ในสองพระหัตถ์บน ส่วนพระหัตถ์ล่างด้านซ้ายนั้นถือขนม และด้านขวาอยู่ในท่าประทานพร เรียกว่า ปางสัมปทายะคเณศ ซึ่งความหมายของปางนี้ คือ การอำนวยพรให้ประสบความสำเร็จนั่นเอง

ส่วน ปางปัญจคเณศ บางคนเรียกปางนี้ว่า พระคเณศเปิดโลกปางวิชัยคเณศ เป็นปางที่พระคเณศทรงขี่หนูเป็นพาหนะมี ๔ กร พระหัตถ์ขวาด้านล่างอยู่ในท่าประทานพร ซึ่งมีความหมายถึงการอยู่เหนือบริวารนั่นเอง

ในขณะที่ ปางพาลคเณศ เป็นพระคเณศในวัยเด็ก รูปลักษณ์ที่เห็น มักจะเป็นพระคเณศยังคลานอยู่กับพื้น หรือยังอยู่ในอิริยาบถไร้เดียงสาอย่างเด็กๆ ถ้าโตขึ้นมาหน่อย จะนั่งขัดสมาธิเพชรบนดอกบัวมี ๔ กร ถือขนมโมทกะ กล้วย รวงข้าว นอกจากนี้แล้ว ยังมีปางอื่นๆ เช่น ปางตรีมุขคเณศ เป็นพระคเณศที่มี ๓ พระพักตร์ ๔ กร บ้างก็ว่ามีความหมายถึง ๓ โลก บ้างก็ว่าหมายถึง ศีล สมาธิ ปัญญา 

ปางนารทคเณศ ปางนี้ ส่วนใหญ่พระคเณศมักจะอยู่ในอิริยาบถยืน มี ๔ กร ในคัมภีร์และหม้อน้ำกมัลฑลุ ไม้เท้า และร่ม

ปางลักษมีคเณศ ปางนี้พระคเณศจะประทับนั่งห้อยพระบาทบนแท่นมี ๖ กร และพระหัตถ์หนึ่งโอบพระลักษมีเทวีไว้ การบูชาปางนี้เสมือนหนึ่งได้บูชาเทพทีเดียวกันถึง ๒ พระองค์ ในลักษณะของทวิภาคี (คเณศ-ลักษมี)

ปางวัลลยภาคเณศ พระคเณปางนี้จะอุ้มพระชายาทั้ง ๒ ไว้บนตักทั้งซ้ายและขวา ซึ่งชายาทั้งคู่คือ นางพุทธิ และสิปางมหาวีระคเณศ เป็นพระคเณศที่มีจำนวนของพระกรมากเป็นพิเศษ อาจจะ ๑๒, ๑๔, ๑๖ กรแต่ละพระหัตถ์นั้นถือศัสตราวุธหลากหลายชนิด แตกต่างกันไป อาทิ ลูกศร คันธนู ดาบยาว ตะบอง ขวาน จักร บ่วงบาศ งูใหญ่ หอก ตรีศูล ปางนี้ถือกันว่า เป็นปางออกศึก เพื่อปราบศัตรูหมู่อมิตรทั้งหลาย และ ปางเหรัมภะคเณศ เป็นปางที่พระคเณศห้อยพระบาทอยู่บนพญาราชสีห์ พระคเณศปางนี้มีห้าเศียร หรืออาจจะเป็นเศียรตามปกติก็ได้ 0 เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู 0