วันเทพเจ้าแห่งสงครามวันอาถรรพณ์ เสาร์ที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๑ ตรงกับขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๔ ไม่ใช่วันสำคัญทางศาสนา และไม่ใช่วันสำคัญของชาติ คนไทยอาจจะไม่มีความรู้สึกใดๆ เลยกับวันนี้ แต่ถ้าเป็นชาวตะวันตก ที่เชื่อเรื่องเรื่องโชคลาง "วันที่ ๑๕ กลางเดือนมีนาคม จะไม่ออกจากบ้าน เพราะโรมันถือว่า เป็นวันเทพเจ้าแห่งสงคราม หรือ ไอเดส ออฟ มาร์ช (Ides of March) และยิ่งหากเป็นปีที่ดาวอังคารใกล้โลกมากเท่าใด ความเชื่อจะเพิ่มเท่าทวีคูณ" โดยในวันนี้มีเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ คือ เมื่อ ๔๔ ปี ก่อนคริสตกาล ตรงกับสมัย จักรพรรดิจูเลียส์ ซีซาร์ ครองอำนาจ ในสมัยนั้นบรรดาเพื่อนสนิท แม้กระทั่งภรรยา กล่าวเตือนท่านจักรพรรดิจูเลียส์ ซีซาร์ ว่า อย่าออกจากบ้านแต่ท่านไม่เชื่อ ในที่สุดก็รุมแทงตายหน้าสภา จากนั้นก็เกิดคติความเชื่อเรื่อง ไอเดส ออฟ มาร์ช ก็กระจายสู่นักรัฐศาสตร์ทั่วโลกมากระทั่งปัจจุบัน

นายสรรค์สนธิ บุณโยทยาน ผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ และผู้เขียนหนังสือ สุริยปฏิทินพันปี อธิบายให้ฟังว่า ตามปฏิทินโรมัน คำว่า Ides เป็นชื่อเรียกวันที่ ๑๕ ของเดือนมีนาคม พฤษภาคม กรกฎาคม และตุลาคม ส่วนเดือนอื่นๆ นอกเหนือจากที่กล่าว กำหนดให้ Ides เป็นวันที่ ๑๓ นอกจากนี้แล้ว ยังมีชื่อเรียกวันอื่นๆ ด้วย เช่น Kalends เป็นวันที่ ๑ ของทุกเดือน ส่วน Nones เป็นวันที่ ๗ ของเดือนมีนาคม พฤษภาคม กรกฎาคม และตุลาคม และเป็นวันที่ ๕ ของเดือนอื่นๆ ที่เหลือ ขณะเดียวกัน วันอื่นๆ ที่ไม่มีชื่อ จะต้องอิงวันที่มีชื่อที่อยู่ใกล้ที่สุด ด้วยการนับย้อนหลัง ตัวอย่าง เช่น วันที่ ๓ มีนาคม ถูกเรียกว่า “V Nones” (๕ วัน ก่อนที่จะถึง Nones) เหตุการณ์ระทึกนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๔๔ ปี ก่อนคริสตกาล (๔๔ BC) ซึ่งชาวโรมันถือเป็นวันแห่ง “ลางร้าย” มานมนานแล้ว โดยเรียกว่า ไอเดส ออฟ มาร์ช เนื่องจากชื่อเดือนมีนาคม (March) มาจากภาษาละตินคำว่า มาร์ส (Mars) เป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งสงคราม ตามตำนานของชาวโรมัน มาร์ส เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเทพจูปิเตอร์ และเป็นบิดาของ โรโมรุส และ เรมุส พี่น้องฝาแฝดซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวโรมัน และเป็นผู้ก่อตั้งกรุงโรม 

ในยุคโรมันเรืองอำนาจ ประมาณ ๖๖-๔๔ ปี ก่อนคริสตกาลนั้น จากผลงานที่ยิ่งใหญ่ในเชิงศึก ทำให้ ท่านซีซาร์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้นำที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ กึ่งๆ เผด็จการ แต่ด้วยความเป็นอารยชนชาวโรมัน ยังต้องมีสถาบันการปกครองที่เรียกว่า “รัฐสภา” มีอำนาจในเชิงกฎหมายพอสมควร เพื่อคานอำนาจกับผู้นำกองทัพ ซึ่งเป็นธรรมเนียมของชาวโรมัน ที่ต้องมีการประชุมสภา ท่านซีซาร์ รับนัดให้ไปประชุมกับวุฒิสมาชิกในวันที่ ๑๕ มีนาคม ซึ่งตรงกับ Ides of March

นายสรรค์สนธิ เล่าต่อว่า ในการประชุมครั้งนั้น ซดซาเย่อร์ (Soothsayer) เพื่อนสนิทท่านซีซาร์ ถึงกับเตือนสติอย่างแรง ด้วยคำพูดว่า “ระวัง ไอเดส แห่งเดือนมีนาคม”  และขอร้องให้ซีซาร์ยกเลิกการเดินทางไปประชุม เนื่องจากสังเกตเห็นความผิดปกติในหมู่วุฒิสมาชิกบางคน ประกอบกับเช้าวันนั้น บรูตุส หนึ่งในวุฒิสมาชิก ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของซีซาร์ออกอาการก้าวร้าว แบบไม่ยำเกรงกับ มาร์คุส แอนโตนิอุส  ทหารเอกคู่ใจของซีซาร์ แสดงว่ามันต้องมีการซ่องสุมอะไรแน่นอน  แต่มาร์คุสก็ไม่สามารถยับยั้งซีซาร์ได้ทัน เนื่องจากท่านจอมทัพผู้ยิ่งใหญ่ไม่เชื่อถือโชคลาง อาถรรพณ์ เพราะมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก ถึงขนาดเคยมีคำกล่าวว่า “ข้ามา ข้าเห็น ข้าชนะ” (Veni Vidi Vici) และซีซาร์ก็ชนะในการรบทุกครั้งจริงๆ ตามคำพูด หลายครั้งการตัดสินใจแบบเร่งด่วนของซีซาร์ เกือบทำให้กองทัพพ่ายแพ้ แต่ด้วยเชิงที่เหนือกว่า ในการแก้เกม ทำให้ศัตรูถูกสยบอย่างราบคาบ จนไม่มีใครกล้าหือกับจอมทัพหนุ่มใหญ่ผู้นี้ และแล้ว ทุกอย่างก็ลงเอยที่จุดจบ ที่บริเวณหน้ารัฐสภา ซีซาร์ถูกรุมแทงทั้งหมด ๒๓ แผล นอนตายจมกองเลือดแบบไม่มีสิทธิป้องกันตัวเอง เพราะกฎของโรมันห้ามพกพาอาวุธเข้าสภา คำว่า “Ides of March” ถูกทำเป็นประโยคฮิตของบทละคร “จูเลียส ซีซาร์” แต่งโดยเช็กสเปียร์ พร้อมๆ กับคำพูดสุดท้ายว่า Et tu, Brute 

"ท่านที่เรียนวิชาการเมือง และการปกครอง คงต้องคุ้นเคยกับคำพูดแห่งประวัติศาสตร์ เป็นภาษาละติน ที่ว่า บรูตุส เจ้าก็เอากับเขาด้วยหรือ (Et tu Brute) เป็นคำพูดสุดท้ายของท่านจอมทัพจูเลียส ซีซาร์ ถูกวุฒิสมาชิกแห่งสภาโรมันกลุ่มหนึ่งรุมแทงบริเวณหน้าที่ทำการรัฐสภา และหนึ่งในนั้นก็คือ บรูตุส บุตรบุญธรรม ที่ท่านซีซาร์อุ้มชูมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย คิดไม่ถึงว่า จะเนรคุณถึงขนาดจ้วงแทงผู้มีพระคุณได้ลงคอ  ฝรั่งชาวยุโรปต่างฝังใจกับวันนี้ โดยเฉพาะผู้เฒ่าผู้แก่ และยิ่งปีนี้ดาวอังคารโคจรเข้ามาใกล้โลก ทำให้วันที่ ๑๕ มีนาคม ระทึกขวัญยิ่งขึ้น ทางที่ดี อย่านัดประชุมอะไรที่เกี่ยวข้องกับการบ้านการเมือง ในวันดังกล่าว เดี๋ยวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย" นายสรรค์สนธิ กล่าว     

วัน-คืนอันตราย! "ตามตำราที่ว่าไว้ ตั้งแต่วันที่จันทร์ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๑ ตรงกับแรม ๑ ค่ำเดือน ๕ จนถึงวันศุกร์ที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๑ ตรงกับ ขึ้น ๓ ค่ำเดือน ๗ ประเทศชาติจะเกิดความปั่นป่วนมากกว่าที่เป็นอยู่ ผู้มีอำนาจบริหารบ้านเมืองมีคุณธรรมน้อยลง บริหารงานด้วยอารมณ์ที่ขาดสติ ความขัดแย้งระหว่างความคิดจะเพิ่มทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดจะพาไปสู่การแก้ไขปัญหาโดยการใช้พละกำลัง ดวงเมืองช่วงนี้มีเกณฑ์ถึงกับทำให้เลือดตกยางออก ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นไปตามลิขิตชะตาดวงเมืองอยากที่จะแก้ไข คนไทยต้องทำใจยอมรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น สิ่งที่ช่วยได้คือ ความมีสติ" นี่คือความเห็นของ พระครูสุนทรสิทธิการ (สุคนธ์ สุคนฺธธโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) หรือ พระมหาสุคนธ์ พระผู้เชี่ยวชาญเรื่องการคำนวณปฏิทิน ผู้ซึ่งถูกยกให้เป็น "ปราชญ์แห่งปฏิทินโหราศาสตร์"

ในขณะที่ อ.ลักษณ์ เรขานิเทศ เลขาธิการสถาบันพยากรณ์ศาสตร์ หรือ "โหรฟันธง" บอกว่า ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ดาวอาทิตย์เสื่อม ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ ข้าราชการจะสูญเสียตำแหน่ง โดยจะสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ มีนาคมนี้ ทั้งนี้จะไม่มีการโยกย้ายข้าราชการในตำแหน่งสำคัญๆ เหมือนช่วงที่ผ่านมา ส่วนการย้ายของดาวพฤหัสบดีในวันจันทร์ที่ ๒๑ เมษายน จากราศรีธนูสู่ราศรีมังกรนั้น ซึ่งเป็นวันเดียวกับตั้งดวงเมืองของประเทศไทยในอดีต (๒๑ เมษายน ๒๓๒๕) นั้น ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีต่อประเทศไทย โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ทั้งนี้หลังวันที่ ๒๑ เมษายน ประเทศไทยจะมีข่าวดีด้านเศรษฐกิจระดับโลก โดยเฉพาะข่าวการลงทุนจากต่างชาติ  "ตามคติความเชื่อตามตำราของคนใบราณกาล กล่าวไว้ว่าไม่มีเคราะห์ภัยใดๆ ไม่มีความโศกเศร้าอาดูรใดๆ ยิ่งใหญ่เท่ากับการสูญเสียเจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดิน และพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ความสูญเสียดังกล่าวถือว่าเป็นเคราะห์ใหญ่ของแผ่นดิน นับแต่นี้ไปจะไม่มีเคราะห์กรรมใดที่ใหญ่กว่านี้ปรากฏขึ้นอีกในแผ่นดินไทย เพราะการการสูญเสียที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์ให้แผ่นดิน" โหรฟันธง กล่าว