พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี รุ่นแรก ปี ๒๔๙๗ เนื้อว่าน พิมพ์กลาง

แขวนพระต้องเชื่อมั่นในพุทธคุณ พระเครื่องที่เราอาราธนา
ป้องกันจังหวัดปัตตานี "กระดูกเหล็ก" เล่าวินาทีเฉียดตาย เหตุคนร้ายลอบวางระเบิด ขณะปล่อยปลา ที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี หากยังจำกันได้ เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายลอบนำระเบิดชนิดแสวงเครื่อง ฝังไว้ริมกระชังปล่อยปลา หมู่ ๒ ต.กระเสาะ อ.มายอ จ.ปัตตานี แล้วกดระเบิดด้วยรีโมทคอนโทรล เป็นเหตุให้ข้าราชการระดับสูงของจังหวัดปัตตานี และเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน ๘ ราย เสียชีวิต ๑ ราย และหนึ่งในจำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในครั้งนั้น มี นายวิรัช ประเศรษโฐ นายอำเภอมายอ รวมอยู่ด้วย นับเป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญอีกครั้งหนึ่ง ที่เกิดขึ้นกับข้าราชการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ตั้งใจทำงานปฏิบัติหน้าที่ เพื่อสร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้น

ตลอดเวลา ๔ ปีที่ผ่านมา ทางราชการบ้านเมืองต้องสูญเสียคนดีมีฝีมือไปเป็นจำนวนมาก ที่ต้องนำชีวิตไปสังเวยกับไฟใต้ หรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพ เป็นภาระให้ผู้ใกล้ชิด และลูกหลานต้องคอยดูแลตลอดไป แม้จะได้รับเงินเยียวยาช่วยเหลือจากภาครัฐ แต่นั่นใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่จะมาชดเชยกันได้ กับสิ่งที่ต้องสูญเสียไป ย้อนกลับมาที่เหตุการณ์ระเบิดในวันนั้น ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังช่วยกันปล่อยปลาลงในคลองชลประทาน หนึ่งในจำนวนผู้รอดชีวิตในวันนั้น ได้เล่าย้อนเหตุการณ์ระทึกขวัญ ขณะที่เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ซึ่งเขายืนอยู่ใกล้จุดที่เกิดเหตุระยะแค่ ๓-๕ เมตรเท่านั้น ท่ามกลางเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของผู้ถูกสะเก็ดระเบิด ที่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้น "ร่างผมถูกแรงอัดลอยกระเด็นล้มคว่ำกระแทกลงบนพื้นไม้ ที่ต่อเป็นแพเล็กๆ เตรียมใช้ยืนปล่อยปลา จำได้ว่า มีคนยืนอยู่ตรงนั้นประมาณสิบคน"

นายวงศ์ศักดิ์ จันทโรจวงศ์ อายุ ๕๖ ปี ป้องกันจังหวัดปัตตานี  เล่าถึงวินาทีเฉียดตาย "ผมรู้สึกตัวดีว่า ไม่ได้เป็นอะไร ขณะที่นอนคว่ำอยู่ ใจยังคงภาวนาระลึกถึงพระคุณพ่อแม่และพุทธคุณของพระเครื่องที่แขวนคออยู่ขณะนั้น ให้มาช่วยคุ้มครอง ให้แคล้วคลาดจากเหตุร้ายในครั้งนี้" นายวงศ์ศักดิ์เล่าด้วยความตื่นเต้น หลังมีการเคลียร์พื้นที่ และนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งรักษาตัวฉุกเฉินที่โรงพยาบาลมายอ จ.ปัตตานี นายวงศ์ศักดิ์ได้สำรวจร่างกายตนเองอีกครั้ง พบว่าไม่มีบาดแผลตรงไหน มีเพียงรอยจ้ำๆ ที่โคนขาขวา

แต่รู้สึกจุกเสียดบริเวณสีข้าง จึงไปเอกซเรย์ที่โรงพยาบาลปัตตานี แพทย์บอกว่า ไม่ได้เป็นอะไร และเพื่อให้มั่นใจ เลยนอนดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาลอีก ๕ วัน จากนั้นก็กลับไปพักฟื้นที่บ้าน "สงสัยจะช้ำใน ความจริงหมอให้หยุดพักถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ แต่เป็นห่วงงาน เลยต้องมาทำงานก่อนกำหนด" นายวงศ์ศักดิ์ กล่าวพร้อมเปิดหน้าอกให้ดูผ้ากอซที่พันอยู่รอบตัว

สำหรับพระเครื่องที่ป้องกันจังหวัดปัตตานี "กระดูกเหล็ก" อาราธนาขึ้นคอในวันนั้น มีทั้งสิ้น ๑๑ องค์ด้วยกัน ที่สำคัญๆ ก็มี

 ๑.พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี รุ่นแรก ปี ๒๔๙๗ เนื้อว่าน พิมพ์กลาง

 ๒.เหรียญหลวงพ่อทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ วัดช้างให้ ปี ๒๕๐๘

 ๓.พระหลวงพ่อทวด-จตุคามรามเทพ รุ่น "บูรณะหลักเมือง" จ.ปัตตานี ปี ๒๕๕๐

  ๔.เหรียญหลวงพ่อทุ่ม วัดสามโพธิ์ จ.พัทลุง ปี ๒๕๓๘

 ๕.พระพุทธชินราช รุ่นอินโดจีน ปี ๒๔๘๕

 นายวงศ์ศักดิ์ กล่าวด้วยว่า พระเครื่องทุกองค์ที่คล้องคออยู่ ให้ความเคารพศรัทธาเหมือนๆ กันหมด แต่สำหรับพระที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นพระที่ใช้ติดตัวมานานแล้ว โดยเฉพาะ พระหลวงพ่อทวด เป็นพระที่คนใต้ทุกคนให้ความเคารพนับถือ และมั่นใจในพุทธคุณที่มีอยู่ในองค์พระ ว่าจะช่วยให้เรามีความแคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายต่างๆ ได้เป็นอย่างดีเลิศ  ต้องมั่นใจและเชื่อมั่นใน พุทธคุณพระเครื่อง ที่สำคัญอย่าประพฤติตนไปในทางเสียๆ หายๆ เพราะพระจะไม่อยู่ข้างคนชั่ว"  นายวงศ์ศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย พร้อมกับได้ฝาก คาถาอาราธนาพระเครื่องขึ้นคอ ก่อนออกจากบ้านว่า... กล่าว นะโม ๓ จบ แล้วกล่าวว่า "พุทธังแคล้วคลาด พระพุทธเจ้าย่างบาท อิติปิโสภะคะวา" และถ้าหากมี พระหลวงพ่อทวด อยู่ด้วย ก็ให้ต่อด้วยพระคาถาหลวงพ่อทวดว่า "นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา"

จากเหตุการณ์ลอบสังหาร ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร อาสาสมัคร ประชาชน ของผู้ก่อการร้ายหลายครั้งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้  ในช่วงระยะ ๒-๓ ปีที่ผ่านมานี้ ปรากฏว่า มีหลายคนที่รอดตายอย่างปาฏิหาริย์เพราะในตัวมี เหรียญหลวงพ่อทุ่ม อุปฺทุมโม วัดศุภศาสตราราม (วัดควนสามโพธิ์) อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ติดตัวอยู่ด้วยทุกคน พีรศักดิ์ ประทุมรัตน์ หรือ โจ้ พัทลุง เซียนพระชื่อดังแห่งเมืองพัทลุง ผู้ชำนาญการพระของเกจิอาจารย์ดังสายใต้ บอกว่า เหรียญรุ่นนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ๒๕๓๘ เพื่อแจกจ่ายเป็นที่ระลึกแก่ผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างหอระฆัง มีเพียงพิมพ์เดียว คือ พิมพ์รูปไข่ เป็นเหรียญที่มี พุทธคุณพระเครื่อง ศักดิ์สิทธิ์ด้านคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด ปลอดภัย แม้ว่าจะเป็นเหรียญที่สร้างขึ้นภายหลังจากที่ท่านได้มรณภาพไปแล้วก็ตาม (วงการพระเรียกเหรียญชนิดนี้ว่า "เหรียญตาย") จากประสบการณ์ดังกล่าว ทำให้เหรียญรุ่นนี้มีราคาเช่าหากันถึงหลักพันแก่ๆ ไปจนถึงหลักหมื่นต้นๆ แต่ก็หายากยิ่ง ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มีนายทหารและนายตำรวจระดับสูง ต่างแสวงหาเหรียญนี้กันอย่างมากมาย จนเซียนพระสายใต้รับ "ใบสั่ง" กันไม่หวาดไม่ไหว

เหรียญหลวงพ่อทุ่ม อุปฺทุมโม วัดศุภศาสตราราม (วัดควนสามโพธิ์) อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง

ต่อมาทาง จ.ปัตตานี ได้จัดสร้างเหรียญรูปแบบเดียวกันนี้ อันเป็นการสร้างแบบย้อนยุค ขึ้นมาอีกรุ่นหนึ่ง ก็ยังได้รับความสนใจจากชาวบ้าน ทหาร ตำรวจและอาสาสมัครอย่างกว้างขวาง ตามประวัติ หลวงพ่อทุ่ม อดีตเจ้าอาวาสวัดควนสามโพธิ์ เป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าของ จ.พัทลุง เป็นศิษย์ผู้สืบสายวิชาอาคมมาจากสำนักเขาอ้อ อันเป็นสำนักไสยศาสตร์เก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จนปรากฏกิตติคุณโด่งดังถึงทุกวันนี้ หลวงพ่อทุ่ม ได้ศึกษาตำราวิชาไสยศาสตร์สายเขาอ้อ มาจาก พระอาจารย์ทอง วัดเขาอ้อ หลวงพ่อดิษฐ์ วัดปากสระ ตั้งแต่สมัยที่ได้บรรพชาเป็นสามเณร ขณะอายุ ๑๖ ปี และได้ญัตติเป็นพระภิกษุสงฆ์ เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๙ ณ วัดท่าสำเภาเหนือ โดยมี พระอาจารย์ทอง วัดเขาอ้อ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อดิษฐ์ วัดปากสระ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ปาล ปาลธัมโม วัดเขาอ้อ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ แต่ละท่านเหล่านี้ล้วนเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังผู้มีคาถาอาคมเข้มขลังสุดๆ

สมัยที่ หลวงพ่อทุ่ม ยังมีชีวิตอยู่  ท่านได้แสดงปรากฏการณ์อภินิหารให้ชาวบ้านได้พบเห็นอย่างจะจะหลายครั้ง จนสร้างความศรัทธาเลื่อมใสในความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ให้เป็นที่เลื่องลืออย่างกว้างไกล และเมื่อมีประสบการณ์ด้านแคล้วคลาดปลอดภัยในช่วงที่ผ่านมา ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ยิ่งทำให้มีผู้คนระลึกถึงท่านมากยิ่งขึ้นด้วย