เหรียญนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ อุตรดิตถ์
จังหวัดอุตรดิตถ์ มีพุทธสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งนามว่า "พระแท่นศิลาอาสน์"
ตัวพระแท่นเป็นศิลาแลง มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง 8 ฟุต ยาวประมาณ
10 ฟุต สูง 3 ฟุต ที่ฐานพระแท่นประดับด้วยลายกลีบบัวโดยรอบ มีพระมณฑปครอบ
ประดิษฐานอยู่ภายในพระวิหารวัดพระแท่นศิลาอาสน์ ต.ทุ่งยั้ง อ.ลับแล
จ.อุตรดิตถ์ เป็นพุทธเจดีย์ เช่นเดียวกับพระแท่นดงรัง มีความเชื่อกันมาแต่โบราณว่า
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งห้าพระองค์ในกัลป์นี้
ได้เสด็จมาประทับนั่งบนพระแท่นแห่งนี้ เพื่อเจริญภาวนาและโปรดสัตว์
พระแท่นศิลาอาสน์แห่งนี้มีตำนานว่า เป็นแท่นที่พระพุทธเจ้า 4 พระองค์
และพระโพธิสัตว์ ซึ่งจะตรัสรู้ในภายหน้าอีก 1 พระองค์
ได้เสด็จมาตั้งสัตยาธิษฐานจำศีลบำเพ็ญพุทธบารมี
และเมื่อได้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว 4 พระองค์ทรงมาประทับนั่ง
จึงเป็นเหตุให้มีพุทธศาสนิกชนหลั่งไหลกันมาบูชาแท่นศิลาแลง
และร่วมกันทำบุญอย่างเนืองแน่นเป็นประจำทุกปี จากทั่วทุกสารทิศ
มีการสำรวจบัญชีการรับบริจาคของวัดพระแท่นศิลาอาสน์ พบว่า
ในแต่ละปีจะมีประชาชนเข้ามานมัสการและร่วมทำบุญในช่วงการจัดงานนมัสการไม่น้อยกว่า
50 จังหวัด ทุกคนต่างยึดมั่นในคำกล่าวของบรรพบุรุษถึงอานิสงส์ของการไหว้พระแท่นครบ
3 ครั้งแล้วจะได้ไปสวรรค์
งานนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์
มีมาตั้งแต่เมื่อใดไม่มีใครทราบ
แต่หลักฐานที่ปรากฏในหนังสือพระราชพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยาว่า เมื่อ พ.ศ.2283
สมเด็จพระเจ้าบรมโกศ เสด็จไปนมัสการพร้อมทั้งโปรดเกล้าฯ
ปฏิสังขรณ์วิหารพระแท่นศิลาอาสน์ให้มั่นคงแข็งแรงกว่าของเดิม ต่อมา พ.ศ.2313
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หลังจากไปตีชุมนุมพระฝางที่เมืองสวางคบุรีแตกแล้ว
ได้สมโภชพระแท่นศิลาอาสน์ถึง 3 วัน 3 คืน
เช่นเดียวกันจากเอกสารประวัติพระยาพิชัยดาบหัก กล่าวถึงว่า
ก่อนเป็นทหารเอกพระเจ้าตากสิน ได้หัดวิชามวยกับครูเมฆที่ท่าเสา
ได้ไปเปรียบมวยที่งานพระแท่นและชนะนายถึก ศิษย์ครูนิล
ซึ่งเป็นครูมวยชื่อดังของเมืองทุ่งยั้งอย่างสวยงาม
จึงกล่าวได้ว่างานนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์นั้น
ได้มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย
ตามการสันนิษฐานของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งเสด็จมาในปี
พ.ศ.2441
สำหรับในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระแท่นศิลาอาสน์ มีความสำคัญมากขึ้น
เมื่อสมเด็จพระสังฆราช พระราชาคณะมานมัสการพระแท่นศิลาอาสน์
และได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ รวมถึง 8 พระองค์ ต่อมา
วัดพระแท่นศิลาอาสน์ได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2549
ส่วนพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่เสด็จฯ
มานมัสการและร่วมบูรณปฏิสังขรณ์ มีจำนวนถึง 19 พระองค์
โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2501
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2547
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ
ทรงประกอบพิธียกช่อฟ้าพระวิหารวัดพระแท่นศิลาอาสน์ พระอารามหลวง เมื่อวันที่ 30
ธันวาคม พ.ศ.2550
ยังความปีติยินดีต่อพุทธศาสนิกชนที่มารอเฝ้ารับเสด็จบริเวณหน้าพระวิหารเป็นจำนวนมากด้วย
พระครูถาวร
ธรรมโกวิท เจ้าอาวาสวัดพระแท่นศิลาอาสน์ กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ
เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จมาเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม
2547 พระองค์สนพระทัยในประวัติความเป็นมาของพุทธสถานสำคัญแห่งนี้
รวมทั้งประวัติของพระพุทธบาทสี่รอย หลวงพ่อธรรมจักร พุทราแขวนบาตร
ล้วนมีความเป็นมาเกี่ยวข้องกับพระแท่นศิลาอาสน์แห่งนี้ทั้งสิ้น
ภายหลังจากที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากลัยณิวัฒนา
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2551
วัดพระแท่นศิลาอาสน์ได้จัดพิธีทำบุญอุทิศถวายกุศลตลอด 15 วัน
ในช่วงของการไว้ทุกข์จนถึงปัจจุบัน
นายธวัชชัย ฟักอังกูร
ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า วัดพระแท่นศิลาอาสน์ จัดงานนมัสการประจำปี
ตั้งแต่วันขึ้น 7 ค่ำ ถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3
มีพิธีเปิดงานด้วยขบวนแห่เครื่องสักการะ ขบวนศิลปวัฒนธรรม
ที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของประชาชนในท้องถิ่นอำเภอลับแล
มากด้วยภูมิปัญญาและวัฒนธรรมทางเหนือที่อนุรักษ์กันไว้อย่างเหนียวแน่น
พิธีสำคัญอีกพิธีหนึ่ง คือ พิธีถวายหอคำแก้ว อนุสรณ์สถาน
การเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
เป็นที่ประดิษฐานตราสัญลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระชนมพรรษา 80
พรรษา
เหรียญสัตยาธิษฐาน นมัสการพระแท่นศิลาอาสน์
เหรียญธรรมจักร อีกด้านของเหรียญพระแท่น จารึกข้อความอักษรไทยข้างบนว่า สุจริตํ
กาตพฺพํ ด้านล่างว่า วัดพระแท่นศิลาอาสน์ เราจะบำเพ็ญสุจริต
ซึ่งเป็นเหรียญที่ระลึกที่มีคุณค่าในการสะสม
ที่มาข่าวสด