หลวงปู่หล่ำ สิริธัมโม เจ้าอาวาสวัดสามัคคีธรรม ถนนลาดพร้าว (๖๔) แขวงวังทองหลาง กทม. กล่าวว่า ในวันพฤหัสดีที่ ๒๑ กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา นอกจากวัดจะจัดประกอบพิธีต่างๆ ทางพุทธศาสนาแล้ว ในปีนี้ยังจัดพิธีสวดภาณยักษ์ใหญ่ รับปีหนู อีกด้วย พร้อมกับการสวดเทวดานพเคราะห์ใหญ่ ซึ่งเชื่อกันว่าผู้ที่เข้าร่วมพิธีจะได้รับแต่สิ่งที่ดีงามแก่ชีวิตเป็นสิริมงคลตลอดไป ซึ่งคนสมัยก่อนเชื่อกันว่า พิธีนี้จะขับไล่สิ่งอัปมงคลให้หมดไปได้ โดยเริ่มพิธีตั้งแต่เวลา ๑๐.๔๙ น.

นอกจากนี้จะมีพิธีเบิกเนตรองค์พระพิฆเนศ ที่เพิ่งสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อเร็วๆ นี้ ขณะเดียวกันบัณฑิตโหรจะประกอบพิธีบวงสรวงองค์จตุโลกบาล ซึ่งเป็นยักษ์ ๔ ตนเฝ้าหน้าอุโบสถ ในช่วงเวลา ๑๖.๐๙ น. จะมีพิธีลอดอุโบสถ ตัดเคราะห์ตัดกรรม และหลวงปู่หล่ำจะประกอบพิธีรดน้ำพระพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมกับแจกผ้ายันต์ท้าวเสสสุวรรณ แก่ทุกคนที่ร่วมในพิธี

สำหรับประวัติของ "ท้าวเวสสุวัณ" นั้นปรากฏอยู่ในคัมภีร์รามายณะ และมหาภารตบันทึกไว้ว่า ท้าวเวสสุวัณมีอีกชื่อหนึ่งคือ "ท้าวกุเวร" ซึ่งเป็นเทพแห่งยักษ์ เป็นเจ้าแห่งอสูรเทพทั้งมวล และเป็นอสูรที่ชาวบ้านชาวเมืองเคารพนับถือเป็นอันมาก  จนมีรูปเคารพติดอยู่ตามบ้านเรือนทั่วไป  เพื่อให้ท่านได้คุ้มครองดูแลปกป้องบ้านเรือนให้มีความสันติสุข นอกจากนี้ ชาวอินเดียโบราณยังอีกว่า ท่านเป็นเทพเจ้าแห่งทรัพย์สินด้วย ดังพระนามในบางคัมภีร์เรียกท่านว่า ท้าวเเสนโกฎิ ยักษราช มยุราช รากษสเสนทร์ และธนวดี หมายถึง ผู้เป็นใหญ่ในทรัพย์สิน

การที่คนในพุทธศาสนาได้ทำบุญแล้วอธิษฐานอุทิศส่วนกุศลให้ "เจ้ากรรมนายเวร" นั้น จริงๆ แล้วในความเชื่อของพราหมณ์หมายถึงท้าวเวสสุวัณ หรือท้าวจตุโลกบาล นั่นเอง ตามหลักฐานในคัมภีร์ทางพุทธศาสนา ยืนยันว่าท้าวกุเวร หรือท้าวเวสสุวัณ เทวราชพระองค์นี้ได้สำเร็จเป็น "พระอริยบุคคลชั้นโสดาบัน" เมื่อครั้งจุลสุภัททะ ปริพาชก เกิดความสงสัยในความเป็นมาแห่งองค์สมเด็จพระพุทธเจ้า  ท้าวเวสสุวัณก็ได้เสด็จไปร่วมต้อนรับด้วย และยังเป็นประจักษ์พยานเรื่องพระมหาโมคคัลลานะ ใช้เท้าจิกพื้นชยนตวิมาน จนเกิดการสั่นสะเทือนไปทั้งดาวดึงส์เทวโลก อันเป็นการเตือนสติสักกเทวราชอีกด้วย

ศาสนาพราหมณ์ถือว่าท้าวเวสสุวัณ (ท้าวกุเวร) เป็น ๑ ใน ๘ ของเทพผู้พิทักษ์รักษาโลกทั้งสาม หรือท้าวโลกบาล โดยมีเวสสุรรณ (ท้าวกุเวร) อยู่ประจำทิศเหนือ ในขณะที่พุทธศาสนา ได้กล่าวถึงท้าวโลกบาลไว้เพียง ๔ ทิศ ที่เรียกว่า "ท้าวจตุโลกบาล" หรือท้าวจตุมหาราช ทั้ง ๔ อันได้แก่ ท้าวกุเวร เป็นโลกบาลประจำทิศเหนือ  (เหมือนกับพราหมณ์) ท้าวธตรฐ เป็นโลกบาลประจำทิศตะวันออก ท้าววิรุฬหก เป็นโลกบาลประจำทิศใต้ และท้าววิรูปักษ์ ประจำทิศตะวันตก

สำหรับ ท้าวเวสสุวรรณที่หน้าอุโบสถวัดสามัคคีธรรมนั้น หลวงปู่หล่ำสร้างไว้เมื่อกว่าสิบปีก่อน ชาวบ้านที่มาทำบุญในวัด ต่างพากันมากราบไหว้บนบานศาลกล่าว หลายคนประสบความสำเร็จสมหวัง ได้รับโชคลาภอยู่เสมอๆ จึงกราบเรียนหลวงปู่ว่า น่าจะสร้างเทพที่เฝ้าอุโบสถอีก ๓ องค์ คือ ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก และท้าววิรูปักษ์ จะได้ครบถ้วนเป็นท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ องค์ พอมีข่าวออกไปเท่านั้นเอง ก็มีผู้นำปัจจัยเงินทองมาร่วมทำบุญสมทบทุนสร้างองค์ท้าวทั้งสามอย่างต่อเนือง จนสามารถสร้างองค์ท้าวทั้งสามเสร็จสมบูรณ์ในเวลาอันรวดเร็ว แถมยังมีเงินเหลืออีกจำนวนหนึ่ง หลวงปู่จึงจัดสร้างองค์พระพิฆเนศขึ้นมาอีกองค์หนึ่ง ก็เสร็จสมบูรณ์ในระยะเวลาอันเช่นกัน

ขณะเดียวกัน มีศรัทธาญาติโยม ขอให้หลวงปู่สร้างวิหารจีน เพื่อเป็นที่ประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิม ไฉ่ซิ่งเอี้ย เจ้าพ่อกวนกู เจ้าพ่อเสือ เจ้าแม่ทับทิม นาจา ฯลฯ เพื่อชาวบ้านจะได้มากราบไหว้สักการบูชาได้อย่างครบวงจร ซึ่งหลวงปู่บอกว่า จะรับไว้พิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป ที่มา...หนังสือพิมพ์คมชัดลึก