แม้ว่าจะผ่านการปฏิบัติธรรมมาแล้ว๕ ปี "ไก่" มีสุขแจ้งมีสุข ผู้ประกาศข่าวช่อง ๓ และพิธีกรชื่อดัง ยังมองตัวเองเป็นมนุษย์ที่ยังมีกิเลสอยู่เหมือนกับทุกคน ทั้งนี้เธอยอมรับว่า "เมื่อก่อนหนี้มีคนมาปาดหน้ารถเราจะรู้สึกโกรธมากจะด่ากลับไปทันทีทั้งๆ คนได้ยินคำด่านั้นเป็นตัวเอง ส่วนคนที่ขับรถบาดหน้านั้นเขาไม่รับรู้อะไรเลย แต่เมื่อได้ปฏิบัติธรรมสอนให้รู้ว่าเรากำลังจะทำอะไรเป็นการฝึกตัวเองให้เรารู้จักการปล่อยวางมากขึ้น ทั้งนี้ ใจเราที่เร็วเหมือนลิงพอได้ฝึกการปฏิบัติบ่อยครั้งขึ้นก็จะทำให้รู้ทันใจเรา เช่น เราเคยโกรธใครในเวลา ๕ นาที พอเราฝึกปฏิบัติมากขึ้นเรื่อยๆ เวลาโกรธก็จะลดลงเหลือ ๓ นาที จนวันนี้ปฏิบัติจนเป็นอัตโนมัติเวลาโกรธใครภายใน ๕ วินาทีเราก็สามารถสั่งใจให้หยุดความโกรธนั้นได้ทันที

นอกจากนี้แล้วไก่-มีสุข ยังยอมรับด้วยว่า กิเลส ตัณหา ราคะ ยังมีเท่ากับทุกคน วันนี้ตนเองสามารถทำได้ด้วยการรู้เท่าทันกิเลสเหล่านั้นแล้ว เพียงเท่านี้เราก็จะดำรงชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ผิดกับอดีตที่เคยหลงกับสิ่งเหล่านี้ทั้งที่เราไม่รู้ตัวเลยเรากลับมาคิดไปอีกว่าสิ่งนั้นคือความสุข แท้จริงแล้วไม่เป็นเพียงความสุขชั่วคราวเท่านั้น อีกทั้งยังทำให้เราได้เข้าใจความเป็นชีวิตมากขึ้นว่า สัจธรรมชีวิตที่ได้คือความไม่แน่นอนคือความไม่แน่นอน เราจงมีชีวิตอยู่อย่างรู้เท่าทันกิเลสเราก็จะไม่เป็นทุกข์ "วันนี้สิ่งที่ทำไปมีทั้งการให้ทรัพย์หรือให้ทานแต่สิ่งที่เชื่อว่าจะได้มากกว่าการให้ทรัพย์และการให้ทาน แล้วได้เริ่มต้นฝึกตัวเองมากขึ้น คือ การปฏิบัติดี เพราะการปฏิบัติดีเป็นกุศลที่แรงมากๆ แต่ตรงนี้ก็ยังถวายสังฆทาน หรือทำทานที่ต้องทำควบคู่กันไป ส่วนการปฏิบัติดีทำจิตใจให้เป็นคนดี หรือแม้กระทั่งเราดึงเพื่อน ญาติ ที่อยู่รอบตัวเราให้เข้ามาสู่ธรรมะมากขึ้น อันนี้คือ การสร้างกุศลที่แรงมาก ขณะเดียวกันอยากให้น้องๆ ที่เป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ อย่ามองธรรมะเป็นเรื่องโบราณเก่าแก่ แต่อยากให้ทุกคนลองศึกษาธรรมะดู เพราะธรรมะอยู่รอบตัวน้องๆ" ไก่เชื่อว่าเป็นกุศลส่งผลดีให้ตัวเรา 

เมื่อถามถึงความเชื่อในเรื่องของบุญและบาป"ไก่" มีสุข ตอบว่า เป็นคนเชื่อในเรื่องนี้มากคือ การทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว ก็คือแก่นหนึ่งของพระพุทธศาสนา เป็นเชิงวิทยาศาสตร์เราสามารถวัดผลได้ด้วยตัวเอง เช่น บุญและบาป บาปเกิดขึ้นที่ใจ ถ้าคุณคิดอิจฉาริษยาด่าทอเขาตลอดเวลาใส่ร้ายป้ายสีไม่เลิกไม่ลา ใจเราก็จะเป็นสีดำตลอดเวลา แล้วจะพบว่าสีหน้าแววตาก็มัวหมองไปด้วย ดังนั้น ถ้าตลอดเวลาเราฝึกปฏิบัติมารู้ว่ากำลังทำอะไร ถ้ารู้ว่าทำแล้วเป็นการสร้างเวร สร้างบาป ผลจะทำให้ชีวิตเราไม่มีความสุขเราควรหยุด สังเกตว่าคนที่ฝึกปฏิบัติมาเขาจะรู้ได้ทันทีว่าอะไรที่จะเคาะสนิมตรงนี้หรือตรงนั้นออกไปได้ ฉะนั้น จิตใจเขาจะถูกฝึกให้คิดแต่สิ่งที่ดีๆ ไม่ให้ร้ายคนอื่น รู้จักธรรมชาติของความเป็นไป รู้ว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรเราก็จะหยุดที่จะไม่ทำ เพราะคนเรามีทั้งดีและชั่วผสมกัน การปฏิบัติสอนให้เรารู้จักให้อภัย ตรงนั้นก็เป็นการฝึกปฏิบัติที่ใครทำได้ เราจะเห็นว่าใบหน้าเขาจะแจ่มใส เพราะว่าเขารู้ทันกิเลสไม่มีอะไรที่เป็นทุกข์ นั่นก็คือบุญแล้ว 

สำหรับพระเครื่องที่พกติดตัวประจำได้พิธีกรชื่อดัง บอกว่า พระเครื่องที่พกติดตัวส่วนใหญ่ได้มาจากคุณพ่อคุณแม่ เนื่องจากว่าท่านเป็นคนหัวโบราณ ประกอบด้วย พระพุทธชินราช เพราะเป็นคนพิษณุโลก พระสมเด็จพระนางพญา มีไว้เพื่อความเมตตา มหาเสน่ห์ ส่วนพระไพรีพินาศ มีไว้เพื่อให้ศัตรูแคล้วคลาดเป็นมิตรกับเรา ขณะที่พระหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ จะสร้างความมั่นใจในการขับรถไม่ให้เกิดอันตราย นอกจากนี้แล้ว"ไก่" มีสุขยังเป็นอีกคนหนึ่งที่เชื่อในเรื่องปาฏิหาริย์ โดยบอกว่า หากเราตั้งจิตอธิษฐานถึงองค์พระก็จะสมหวัง ปาฏิหาริย์เป็นเรื่องของจิตที่บริสุทธิ์ที่เกิดจากการทำความดีมาตลอดชีวิต เพียงเราระลึกพร้อมอธิษฐานถึงองค์ท่านจิตตรงนี้จะส่งไปแรงจนเราสามารถสื่อถึงองค์ท่านได้ ส่วนตัวมีความเชื่อในเรื่องของจิต เพราะจิตที่บริสุทธิ์แล้วเราทำความดีมาตลอดก็จะทำให้คนเราดำรงชีวิตอยู่ได้ แท้จริงแล้วคนเราใช้จิตเพียงห้าเปอร์เซ็นต์ สังเกตได้ว่าทำไมคนเราถึงบุคลิกที่แตกต่างกัน ซึ่งก็เกิดจากการดึงจิตมาใช้ได้น้อย แต่บางคนใช้จิตเป็นก็จะทำให้ใบหน้าสดใส

"พระเครื่องมองว่าเป็นองค์สมมติให้เราได้ใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจเพียงอย่างเดียวส่วนการปฏิบัติที่เป็นเรื่องของแก่นธรรม ถือเป็นวิธีหนึ่งที่จะนำเราเข้าไปสู่ความนิ่งสงบ ตรงนี้เป็นคนละส่วนกัน พระเครื่องจึงเป็นองค์สมมติที่เรานับถือและเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้เรามั่นใจทำความดี แต่แก่นของธรรมะไม่จำเป็นต้องแขวนพระก็ทำความดีได้ และการทำดีเชื่อไหมว่า เมื่อวันหนึ่งเราเกิดวิกฤติกับชีวิตผลแห่งความดีเหล่านี้นั่นแหละจะมาช่วยให้เรารอดพ้นจากอุปสรรคต่างๆ เหล่านี้ไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ หากเราสะสมความดีไว้มากก็จะช่วยให้เราผ่านพ้นปัญหาต่างๆ ไปได้อย่างน่ามหัศจรรย์ หรือที่เรียกว่าปาฏิหาริย์นั่นเอง" พิธีกรชื่อดังกล่าวทิ้งท้าย  

คมชัดลึก เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง ภาพ กุลพันธ์ศิริพิมพ์อัมพร